เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
กำกับ : Susanne Bier
เขียนบท : Anders Thomas Jensen
นำแสดง : Mikael Persbrandt, Trine Dyrholm, Markus Rygaard
ความยาว : 119 นาที
ระดับความชอบ : 9/10
ได้รางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำหนังภาษาต่างประเทศ หนังมาจากเดนมาร์ก
เป็นเรื่องราวของ 2 ครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์
ครอบครัวแรกคุณแม่ตายด้วยโรคมะเร็ง โดยลูกชายฝังใจว่าพ่อยอมแพ้ เลยปล่อยให้แม่ต้องตาย เพราะตอนแรกบอกลูกว่าแม่จะรอด
แต่เพราะทนเห็นความทรมานของภรรยาไม่ไหว คุณพ่อเลยต้องปล่อยให้เธอจากไป
ลูกชายครอบครัวนี้เก็บกด เกลียดพ่อ และไม่ชอบที่ใครยอมแพ้
อีกครอบครัวทั้งพ่อและแม่เป็นหมอ ครอบครัวระหองระแหง กำลังจะหย่ากัน
ลูกชายไม่สู้คน เพื่อนอีกครอบครัวที่เพิ่งย้ายมาช่วยมาจัดการอันธพาลในโรงเรียนให้ ด้วยความรุนแรง
พ่อของครอบครัวนี้เป็นหมอในทวีปแอฟริกาที่แสนจะกันดาร นานๆ จะกลับมาเยี่ยมลูกชายซักที
มีครั้งหนึ่งคุณพ่อทะเลาะกับคนในเมือง โดนตบหน้า คุณพ่อไม่ตอบโต้และไม่คิดจะไปแจ้งความ
ลูกๆ และเพื่อนทนไม่ได้ และคิดจะใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาเหมือนกับที่เคยใช้ในโรงเรียน
หนังแสดงภาพงานคุณพ่อในแดนไกล พ่อช่วยคนมากมาย แม้แต่เจ้าพ่อที่ทำร้ายคนอื่น พ่อก็ช่วย ยังความไม่พอใจแก่ผู้ที่ถูกเจ้าพ่อคนนี้ทำร้าย
พ่อแสดงให้เห็นว่าอำนาจบางครั้งไม่ต้องใช้ความรุนแรงแต่ก็สามารถออกคำสั่งกับเจ้าพ่อได้
ชอบฉากที่พ่อปล่อยให้เจ้าพ่อโดนรุมประชาทัณฑ์ เพราะดันมาพูดตอนที่พ่อช่วยคนป่วยไม่ได้ คนเป็นหมอนี่ก็น่าสงสารนะครับ แม้ไม่ใช่ความผิดเขาที่ช่วยผู้ป่วยไม่ได้แต่เมื่อเขาจากไปต่อหน้าต่อตาก็คงทำใจลำบาก
ยิ่งเจ้าพ่อคนที่ทำให้ผู้ป่วยตายมาเดินลอยหน้าพูดจาไม่เข้าหู เลยจัดการเสียเลย
ฉากนี้สนับสนุนคำของลูกๆ ที่ว่า ให้มันโดนซะบ้าง
หนังเด่นเรื่องความขัดแย้งในแนวคิดหลายครั้ง
ตกลงอำนาจต้องมาจากความรุนแรงไหม?
คนที่ทำเลว เราควรจัดการเขาอย่างไร? หรือปส่อยให้เวรกรรมจัดการเอง?
ทำเอาลุ้นในหลายตอนเลยทีเดียว ว่าหนังจะจบอย่างไร?
มาอ่านรีวิวของเพื่อนใน Blog เขาพูดถึงคำสอนในศาสนาคริสต์ที่ว่า "ผู้ใดตบแก้มท่านข้างหนึ่ง จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาตบด้วย" เมื่อก่อนได้ยินคำนี้ทีไรก็จะงงๆ ไม่เข้าใจความหมาย
มาเห็นคุณพ่อที่เป็นคุณหมอแสดงให้ดูในเรื่องนี้อย่างชัดเจน พ่อบอกว่าอย่าไปข้องแวะกับคนพาลจะดีที่สุด หากเราให้อภัยคนที่ทำร้ายเราได้ ไม่โกรธตอบ เจ๋งที่สุดเลยครับ
แต่การทำแบบนี้มักค้านสายตาคนทั่วไป แม้กระทั่งกับลูก
หนังซ้อนภาพความรุนแรงที่เอามายุติปัญหาที่โรงเรียน กับภาพเหตุการณ์นอกรั้วโรงเรียนได้อย่างลงตัว สุดท้ายความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหาได้เด็ดขาดหรอกครับ เจ้าคนที่โดนกระทืบในโรงเรียน แน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เอาคืน?
การระเบิดรถเขาแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่เอาเรื่อง
รังแต่จะสร้างปัญหาให้บานปลาย
สู้หยุด ให้อภัย เดินออกมา และสอนลูกหลานในทางที่ถูกที่ควร
แต่ต้องฝืนนะครับการทำดีเนี่ย คุณหมอยังต้องมากระโดดน้ำและทบทวนหลังการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่
ลองคิดซิครับว่าคนส่วนใหญ่จะทำอย่างไรหากถูกตบหน้าอย่างนั้น
ผมว่าการเลี้ยงลูกของคุณหมอจะประสบความสำเร็จได้ยากนะครับ เพราะอยู่ห่างกันและติดต่อกันยาก ในเวลาที่ขอคำปรึกษาก็ให้ไม่ได้
อีกอย่างครอบครัวมีรอยร้าว คนที่อยู่ใกล้ชิดลูกคือคุณแม่ก็ไม่สนิท เลยยากที่จะดูแลลูกได้อย่างทั่วถึง
หากมีเวลาให้ลูกมากกว่านี้คงไม่เกิดเรื่องเสี่ยงๆ หากเหตุร้ายลุกลามใหญ่โต คงได้แต่เสียใจที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ได้ให้เวลาเพียงพอ
ผมแอบคิดว่าที่ลูกชายคลาดแคล้ว เพราะความดีของพ่อแม่นี่แหละครับ
แล้วพ่อก็ให้อภัยอีกครั้งกับเหตุการณ์ระเบิดรถ
การเดินเรื่อง ดนตรีประกอบ ภาพวิวที่แสดงบนจอ ลงตัว สวยงามมากครับ
ผมดูหนังเรื่องนี้จบ ให้คะแนนน้อยกว่านี้ครับ แต่เมื่อทบทวนเรื่องที่สื่อ เลยอดชื่นชมไม่ได้
การให้อภัยสำคัญมากจริงๆ สำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เอาคุณหมอเป็นตัวอย่าง
ไม่ง่ายแต่เป็นไปได้ครับ
มีความสุขทุกคนครับ
การให้อภัยสำคัญมากจริงๆ สำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
(บนพื้นฐานความถูกต้อง และผลต่อส่วนรวม) ขอบคุณค่ะ
^
ลองดูหนังเรื่องนี้ คำในวงเล็บอาจจะหายไปครับ
ผมก็เชื่อว่ามันต้องมีพื้นฐานแบบนั้น แต่พอทบทวนหนังเรื่องนี้ และคำสอนของศาสดา ผมว่าเหนือกว่านั้นอีกครับ ไม่ง่ายแต่เป็นไปได้ครับ