การคิดเชิงบูรณาการ
การคิดเชิงบูรณาการ
หมายถึง
การทำสิ่งที่บกพร่องอยู่ให้สมบูรณ์โดยการเพิ่มเติมส่วนที่ยังขาดอยู่เข้าไป
หรือเป็นการนำส่วนประกอบย่อยมารวมกันตั้งแต่สองสิ่งขึ้นไปเพื่อทำให้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนทั้งหมดที่ใหญ่กว่า
เช่น หน่วย ก1 หน่วย ก2 และหน่วย ก3 หากนำมารวมกัน
ก็กลายเป็นหน่วย ก ความหมายในภาษาไทย หมายถึง
การเอามารวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หากนำความหมายในภาษาอังกฤษและภาษาไทยมารวมกัน
น่าจะหมายถึงคล้ายกับคำเหล่านี้ คือคำว่า
เชื่อมโยง ก็หมายหมายถึงการนำมาเชื่อมกัน ให้มีความครบสมบูรณ์
รวมกันหรือร่วมกัน ก็หมายถึงการนำมารวมกันให้ครบสมบูรณ์นั่นเอง
การผนวก การประสาน การเติมเต็ม ดังนั้นหากสรุป
การบูรณาการก็หมายความว่า
การนำมารวมกันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์มีความครบ
ตามองค์ประกอบนั่นเอง
สมองคิดเชิงบูรณาการหรือไม่
อย่างไร ?
ความจริงแล้วสมองของมนุษย์มีการคิดเชิงบูรณาการอยู่แล้ว
มีลักษณะการคิดแบบเชื่อมโยงกัน
ความคิดเชิงบูรณาการของสมองมนุษย์มีความสำคัญหลายประการ เช่น
ความสำคัญในการเรียนรู้ของมนุษย์
ในการเรียนรู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้แบบบูรณาการ
การเรียนแบบท่องจำ เป็นการเรียนรู้แบบแยกส่วน
ไม่สามารถนำมาประยุกใช้ในชีวิตประจำวันหรือแม้กระทั่งไม่สามารถนำมาแก้ไขปัญหาได้
ในช่วงที่ผ่านมาการศึกษาของไทยมีการเรียนการสอนแบบแยกส่วนไม่มีการบูรณาการในรายวิชา
ในการศึกษานั้นปัจจุบันหันมาให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
เป็นการเรียนในสาขา สหวิทยการ
เป็นการนำหลายสาขามาบูรณาการเพื่อให้เกิดความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้
ในการแก้ไขปัญหานั้นสำคัญเป็นอย่างมากที่เราต้องมีการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ
การคิดเชิงบูรณาการคืออะไร
คือความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสาร
มุมมองหรือแนวคิดที่แยกส่วนหรือมีความแตกต่างกัน
ให้เข้ากับเรื่องที่เป็นแกนหลักได้อย่างเหมาะสม
ส่งผลให้เรื่องนั้นเป็นแกนหลักนั้นสมบูรณ์และมีเอกภาพ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขอยกตัวอย่าง ล้อเกวียน ล้อเกวียนประกอบด้วย
ดุมล้อ ซี่ล้อ และ กงล้อ ดุมล้อเปรียบเสมือน แกนหลัก
หรือแนวคิดหลัก หรืออาจจะหมายถึงเป้าหมายก็ได้
ส่วนซี่ล้อและกงล้อเปรียบเหมือนกับองค์ประกอบในการที่จะทำให้เป้าหมายปราบความสำเร็จได้
ยกตัวอย่างเช่น หากเปรียบดุมล้อคือชีวิตที่ประสบความสำเร็จ และ
ซี่ล้อและกงล้อคือองค์ประกอบของความสำเร็จ อาจจะประกอบไปด้วย การขยัน
การซื่อสัตย์ การมีระเบียบวินัย เป็นต้น
เหตุใดต้องคิดเชิงบูรณาการ
การคิดเชิงบูรณาการนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
ซึ่งเราควรเรียนรู้วิธีการคิดและการฝึกฝนในภาคปฏิบัติด้วย
ซึ่งเราสามารถประมวลเหตุผลที่เราต้องคิดบูรณาการได้ดังนี้
.เพื่อลดความผิดพลาดจากกาคิดไม่ครบ
หากเรามีการคิดแบบบูรณาการแล้วจะสามารถช่วยลดความผิดพลาดจากการคิดไม่ครบได้
ทำให้เราสามารถคิดครบองค์ประกอบ
2.เพื่อช่วยให้มีความเข้าใจในเรื่องที่ซับซ้อนได้อย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง
ในสภาพปัจจุบันที่มีความเจริญในด้านเทคโนโลยีหากเรามีความคิดแบบบูรณาการเราจะสามารถเชื่อมโยงความคิดได้อย่างสมบูรณ์
3.เพื่อช่วยให้การติดสินใจในเรื่องเล็ก เกิดผลดีต่อเรื่องใหญ่
4.เพื่อลดความซ้ำซ้อนและสิ้นเปลืองของทรัพยากร
5.เพื่อช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ
6.
เพื่อช่วยให้เราเป็นคนใจกว้างและนอกจากนั้น
ยังช่วยจัดการความขัดแย้งได้
สวมกรอบความคิด
หลักคิดเชิงบูรณาการ
กรอบความคิดของนักคิดเชิงบูรณาการ
มีลักษณะเป็นกระบวนการคิด 3
ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 ขั้นถอดกรอบ
นักคิดเชิงบูรณาการจะไม่ยึดติดกับกรอบความคิด
การคิดนั้นจะต้องคิดแบบไม่แยกส่วนกล่าวคือ
การคิดแบบแยกส่วนทำให้ไม่สามารถมองปัญหาได้อย่างครบองค์ประกอบ
ดังนั้นเราจึงถูกกับดักทางความคิด
4 ประการคือ กับดักรูปแบบวิธีคิด กับดักทางวัฒนธรรม
กับดักทางความรู้ และกับดักประสบการณ์
ขั้นที่ 2 การขยายกรอบ
การคิดแบบบูรณาการนั้นสำคัญจะต้องมองแบบบูรณาการ
มองแบบขยายกรอบนั้นหมายความว่า
ต้องมองแบบองค์รวม มองแบบสหวิทยาการ มองอย่างอุปนัย
มองแบบประสานขั้วตรงข้าม
มองแบบทุกฝ่ายชนะ หากเราฝึกการมองแบบบูรณาการหรือการขยายกรอบนั้น
เราสามารถมองให้ครบ ไม่พลาดทุกองค์ประกอบ
ขั้นที่ 3 คลุมกรอบ
คือเมื่อเรามองครบทุกองค์ประกอบแล้วเราก็สามารถบูรณาการเข้าสู่แกนกลางและสามารถให้เราเห็นภาพที่ชัดเจน
และสามารถนำมาแก้ไขปัญหาได้
ฝึกคิดเชิงบูรณาการและฝึกเชื่อมโยง
การคิดเชิงบูรณาการนั้นการเชื่อมโยงข้อมูลมีความสำคัญมาก
การเชื่อมโยงประกอบด้วยกัน
3
วงที่เชื่อมต่อกันอันได้แก่
ปฏิสัมพันธ์ภายในตัวเอง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
การปฏิสัมพันธ์ต่อสภาพแวดล้อม
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวเองคือการดำเนินชีวิตของเราให้เกิดความสมดุล
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันคือการมีความหวังดีและปรารถนาดีต่อกัน
การปฏิสัมพันธ์ต่อสิ่งแวดล้อม คือ
การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับตัวบุคคลหรือกับตัวเรากล่าวคือ
การคิดถึงผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม เป็นต้น
การฝึกการเชื่อมโยงการคิดแบบบูรณาการนั้น
สำคัญคือการยึดแกนหลักแล้วหาปัจจัยที่มีผลต่อแกนหลักให้ได้มากที่สุดแล้วคิดแบบเชื่อมโยงต่อกัน
เราก็จะสามารถมองเห็นปัญหาและสามารถเชื่อมโยงระบบได้เป็นอย่างดี
ยกตัวอย่างเช่น
ชีวิตคนเมือง ประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น ห้างสรรพสินค้า
ครอบครัว มือถือ ฯลฯ
เรานำปัจจัยเหล่านี้มาประกอบกันเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงได้ก็จะเป็นการคิดแบบบูรณาการ
ครบองค์ประกอบ
ใช้ค้นเหตุ / ปัจจัย
มององค์รวมคิดแบบบูรณาการ
ในการแก้ไขปัญหาของนักคิดแบบบูรณาการนั้นสำคัญจะต้องเริ่มจาก
การค้นหาสาเหตุของปัญหา
แล้วขั้นที่สองคือวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสาเหตุเชื่อมโยงกับแกนหลัก
ขั้นที่สามการกำหนดการแก้ปัญหาอย่างเชื่อมโยง
และขั้นที่สี่วิพากษ์เพื่อให้เกิดการบูรณาการอย่าครบถ้วน
เช่น หากนักศึกษาที่เราสอนเรียนออ่นที่สุด
ขั้นแรกต้องเริ่มจากการค้นหาสาเหตุก่อนว่าเกิดจากอะไรจากนั้น
มาสู่ขั้นที่สองคือ
การเชื่อมโยงปัจจัยอะไรที่ทำให้เขาเรียนไม่เก่ง
จากนั้นกำหนดการแก้ปัญหาแบบเชื่อมโยง
และขั้นที่สี่วิพากษ์เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ
ใช้แก้ปัญหา
แบบไม่ก่อปัญหา
กระบวนการคิดเชิงบูรณาการนั้นมีทั้งปัจจัยที่เป็นเชิงบวกและเชิงลบดังนั้นเราควรพิจาณาปัจจัยให้ดีว่าเป็นบวกหรือเป็นลบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีกและสิ่งที่ควรตระหนักคือ
อย่าตัดปัจจัยที่วัดไม่ได้ทิ้ง ให้นำมาร่วมคิดด้วย
การมองอย่ามองเส้นตรง
ให้มองแบบเชื่อมโยง
อย่ายึดแกนเดิมให้มองแบบยืดหยุ่นและครอบคลุมปัญหา
ใช้รวมความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
ความสามารถในการคิดแบบบูรณาการนั้นจะมีประโยชน์อย่างมากหากนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
การใช้ความคิดแบบบูรณาการนั้นสำคัญคือจะต้องทำให้ทุกฝ่ายเกิดความพอใจ
นั้นหมายความว่าทุกฝ่ายชนะ มีลักษณะเป็น win – win คือชนะทั้งคู่
พัฒนาทัศนคติและนิสัยนักิดเชิงบูรณาการ
การฝึกพัฒนาการคิดแบบบูรณาการนั้นมีความสำคัญมากดังนั้นหากเราสามารถฝึกการคิดแบบบูรณาการนั้นจะทำให้เราสามารถมองปัญหาและสามารถแก้ปัญหาได้
การมองแบบบูรณาการนั้นให้มองในลักษณะลึก กว้างและไกล
นอกจากนั้นให้รักการเรียนรู้ในสหวิชาการด้วย
บทสรุป การคิดเชิงบูรณาการนั้น
สำคัญคือการมองให้ครบองค์ประกอบ
โดยมองแกนกลางหรือปัญหาที่แท้จริงก่อนจากนั้นให้หาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เมื่อได้ปัจจัยแล้วก็กำหนดการแก้ปัญหา
การฝึกมองแบบบูรณาการทำให้เราสามารถมองปัญหา
ครบทุกองค์ประกอบ หลักสำคัญในการฝึกการคิดแบบบูรณาการคือ
การฝึกในการศึกษาแบบสหวิทยาการ
จะทำให้เราสามารถมองได้ครบองค์ประกอบ
อ้างอิง : หนังสือชุดผู้ชนะ 10 คิด ศาสตารจารย์ ดร. เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์
ไม่มีความเห็น