การดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ ๓ เมื่อแม่ต้องกลับบ้านด้วยความหวัง(แม่ไปทอกกฐินด้วยกันนะ)
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ หลังจากแม่ออกจากโรงพยาบาลปรางค์กู่ ด้วยความหวังของลูกๆทุกคนที่แม่มีอาการดีขึ้น เบาหวานลด ความดันปกติ กลับมาอยู่บ้านอาการปวดหลังทุเลาลง เนื่องจากหมอให้ยาแก้ปวดชนิดรุนแรง แม่กินข้าวได้ ไม่ต้องกินยาเบาหวาน ควบคุมอาหาร ลูกๆตรวจวัดความดันและเบาหวานทุกวัน ลูกหลานมาเยี่ยมทั้งใกล้และไกล
วันนี้แม่ปวดหลังมากขึ้น ผู้เขียนต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรับยาและปรึกษาคุณหมอ โดยคุณหมอพัชรี ให้การดูแลปรึกษาตลอดจนให้คำแนะนำรักษา ซึ่งทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจและมั่นใจในการดูแลรักษามากขึ้น ลูกๆทุกคนวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อแม่นอนไม่หลับความดันสูง เบาหวานขึ้น จึงต้องได้รับยาอย่างเร่งด่วน และช่วงกลางคืน(๒๓ ต.ค.๕๔) ต้องพาแม่ไปหาหมอแม่ปวดหลังมากขึ้นและละเมอพูดจับใจความไม่ได้ พบหมอเสร็จหมอให้กลับบ้านทั้งๆที่เราอยากให้แม่นอนโรงพยาบาล แต่หมอก็ไม่ให้นอน ลูกๆต้องคอยวัดน้ำตาลความดันทุกสองชั่วโมงเพื่อให้มั่นใจว่าความดันและเบาหวานปกติ ถ้าน้ำตาลลดต้องรีบให้น้ำตาลหรือกลูโคสที่เตรียมไว้
ทุกคนกังวลใจมากคือการทำบุญกฐินในวันที่ ๒๗-๒๙ ตุลาคม ๕๔ กลัวจะต้องสูญเสียแม่ เนื่องจากแม่ไม่เคยเป็นหนักขนาดนี้ การสูญเสียแม่ก่อนวันทำบุญคงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ ผู้เขียนเองกังวลมากเนื่องจากต้องเป็นคนพาแม่ไปหาหมอ รับรู้ว่าแม่อาการหนักหนาสาหัสมาก แต่ก็นั่นแหล่ะสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ต้องอาศัย “บุญ กรรม” ที่แม่เคยทำ เคยสร้าง เคยก่อ ที่เป็น “บุญดี กรรมดี” ที่แม่ทำหนุนนำกับกุศล ให้แม่ได้ทำบุญกฐินครั้งที่ ๓ ตามที่แม่หวัง ซึ่งลูกๆกำลังช่วยกัน "ก่อและสร้างกรรมดี"ให้เป็น "พลวัตร" ให้แม่
ข้อคิด “มะเร็ง เราไม่อาจคาดเดาได้ว่า มันจะกลับมาหาอีกเมื่อไร ทั้งที่เรา ระวังมากที่สุดแล้ว”
ไม่มีความเห็น