การคบเพื่อนเป็นมงคลที่สุดของชีวิต


“พ่อแม่คือความสุขที่สุดของลูก เป็นแอร์ใหญ่ประจำบ้าน เป็นเครื่องอบอุ่นให้ทั้งกาย ทั้งใจ...”


    คนเรามันเริ่มมาจากพ่อแม่ มาจากทางโรงเรียน คือครูบาอาจารย์ที่ให้การอบรมพร่ำสอน ท่านถึงให้หลักในการเลี้ยงดูบุตร ธิดา ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเติบโตเป็นผู้ใหญ่...

 

 

 

 

เด็กตั้งแต่อยู่ในท้องจนถึง ๗ ขวบ ท่านให้พ่อแม่เลี้ยงอย่าง “ไข่ในหิน” 

 

Large_tt1004

 

     เลี้ยงอย่างดี เลี้ยงอย่างพระราชาเพราะต้องทะนุถนอม เน้นทางร่างกาย เน้นทางพ่อแม่ที่อยู่ใกล้ชิดเลี้ยงดู “พ่อแม่จึงต้องเป็นคนที่ดีมีคุณธรรม” เพื่อเด็กที่เขาตัวน้อย ๆ เขาจะได้รับเอาแต่สิ่งที่ดี ๆ 

 

Large_tt945


      เขาเกิดมาแต่น้อย ๆ เขาเห็นแต่พ่อแม่ทำความดี ไม่กินเหล้า ไม่เมายา ไม่ทะเลาะกัน ไม่เล่นการพนัน มีคำพูดคำจาที่ดี ๆ ถึงแม้เขาจะเด็ก เขาจะตัวน้อย เขาก็สามารถรับเอาแต่สิ่งที่ดี ๆ 

 


เมื่อเด็กเขาอายุได้ ๗ ขวบ ถึง ๑๕ ขวบ ท่านให้เราเลี้ยงอย่าง “ทาส” เลี้ยงอย่างคนรับใช้ บังคับใช้การใช้งานทุก ๆ อย่าง 


      เริ่มต้นจากโน่นน่ะ เก็บที่อยู่ที่นอน พับผ้าพับผ่อน ล้างถ้วยช้างชาม ทำงานช่วยพ่อช่วยแม่ บังคับให้อ่านหนังสือ ท่องหนังสือ บังคับในการใช้เงินใช้สิ่งของ ฝึกให้เป็นคนใช้เงินใช้ทองเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ่มเฟือยหลงวัตถุ ฝึกกิริยามารยาทในการพูดการจา การคบค้าสมาคมกับพวกเพื่อน ๆ ว่าคนไหน คณะไหน หมู่ไหน ควรคบค้าสมาคมพูดคุยคลุกคลี หาโรงเรียนที่สอนดี ๆ มีระเบียบวินัยดี ๆ ให้ลูก พูดสอนให้ลูกมีกำลังใจในการเรียนการศึกษา


     เด็กที่อยู่ในวัย ๗ ขวบ – ๑๕ ขวบ เป็นเด็กอยู่ในวัยที่จะต้องฝึกต้องหัด เราไม่ใช่ให้ลูกเขาเรียนอย่างเดียว “ต้องฝึกทางภาคปฏิบัติด้วย”

 

Large_2201201111


    พ่อแม่ที่ให้ลูกเรียนอย่างเดียว ไม่ให้แม้แต่ล้างภาชนะ กวาดบ้านถูบ้านก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่เป็น ลูกเรามันถึงกลายเป็นคนอ่อนแอ มีแต่การเรียนการศึกษา แต่ขาดการประพฤติปฏิบัติ พ่อแม่ก็ดิ้นรนกลัวลูกนี่ไม่ได้ดี ทั้งจ้างครูสอน เรียนพิเศษ เน้นแต่ทางการเรียนอย่างเดียว ไม่ได้เน้นทางปฏิบัติ เด็กมันเลยไม่เข้มแข็ง อ่อนแอ ติดสุข ติดสบาย ติดฟุ่มเฟือย

 

Large_tt894


     พ่อแม่น่ะอย่าไปสงสารลูก กลัวลูกเหนื่อย กลัวลูกลำบาก เลยไม่ยอมฝึก เลยไม่ยอมหัด เลยไม่ยอมให้ลำบาก การที่เราไปทำอย่างนี้ เราปฏิบัติอย่างนี้ “เราเองนี่แหละเป็นคนที่ทำร้ายลูกเรา” ทำลายด้วยความคิดเห็น ทำลายด้วยเพราะว่าเวลาบอกเวลาสอนไม่ยอมบอกยอมสอน เด็กมันไม่มีคุณภาพ ไม่มีศักยภาพ เด็กอยู่ในวัยนี้มันเป็นวัยที่เหมาะที่จะฝึก ที่จะหัด และก็ปฏิบัติ ถ้ามันใหญ่กว่านี้มันฝึกยากสอนยาก มันติดสุข ติดสบาย

 

Large_2201201104


     การเลี้ยงดูลูกเรามันถึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร บางคนก็ทำให้ลูกหมด เลี้ยงลูกไม่โต ๒๐ กว่าปี ๓๐ ปี ๔๐ ปี พ่อแม่ก็ยังเลี้ยงดู ส่งเสีย พ่อแม่เป็นทุกข์จนถึงวันตายก็ไม่จบ...

 

 


เมื่อลูกเราโตอายุได้ ๑๕ ขวบ เรียนมัธยม เรียนมหาวิทยาลัยให้เลี้ยงลูกอย่างเราเป็น “เพื่อน” กับลูก ช่วงนี้ห้ามว่า ห้ามด่า ห้ามบ่น ห้ามตี ถ้าไปว่า ไปบ่น ไปพูดมากที่นี้ไม่ได้


      เราต้องเลี้ยงเขาอย่างเป็นเพื่อน  ส่วนใหญ่พ่อแม่น่ะทำผิดพลาด ตอนที่มันเด็ก ๆ น่ะไม่สอน เมื่อมันใหญ่แล้วไปบังคับมันไม่ได้ ไปบ่นมากไม่ได้ เราก็กลัวลูกเราไม่ดี ใจของเขาก็เป็นฟืนเป็นไฟ เป็นกองไฟ เผาตัวเอง เผาลูกตัวเอง ทีนี้ล่ะทั้งบ่น ทั้งว่า ทั้งใช้คำที่ไม่เหมาะไม่สมทีนี้ เผาลูกใหญ่เลยทีนี้ 

 

      เราอย่าไปโทษลูกเรานะ “เราต้องโทษตัวเอง” โทษที่ตอนเด็ก ๆ อยู่ในวัยสอน ทำไมเราไม่สอน แล้วไปบ่นว่าเด็กสมัยนี้มันยากพูด มันไปตามโลก ไปตามสังคม ไปตามกระแส เราไม่โทษตัวเองว่า เรานี่มีความคิดที่ผิดพลาด ทำให้ลูกต้องตกระกำลำบาก ในเมื่อเป็นหนุ่มเป็นสาว หรือวัยกลางคน วัยชรา ก็เป็นเพราะเราเอง
คนเรานี่หัวดีมันก็ถือว่าเป็นเรื่องประเสริฐ ถ้าเราเป็นคนหัวดีด้วย ทั้งขยันด้วย ทั้งมีคุณด้วยธรรมก็ยิ่งประเสริฐ ถ้าหัวไม่ดีแต่เราขยันมาก ๆ เป็นคนมีศีลมีธรรม ทุกคนก็เคารพรักนับถือหมดนะ คนเราที่เห็นหน้ากันอะไรกันก็ยังไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร ที่อยู่ร่วมรวมกันไปถึงจะรู้ว่าใครเป็นใคร  ถ้าใครที่ได้รับการฝึก หนักเอา เบาสู้ มีคุณธรรม เขาจะเอาตัวรอดไปในทางที่ดี

 

 

 

Large_tt848
    

    ทำไมถึงมาพูดแต่เรื่องพ่อเรื่องแม่ เพราะพ่อแม่ต้องเป็น “กัลยาณมิตร” ที่ดีให้กับลูก เพราะเราเป็นครูสอนคนแรกของลูก เรามีโอกาส มีเวลาได้อยู่กับลูกเรามากที่สุด มากกว่าคนอื่น

 

ทำไมถึงให้เลี้ยงลูกอย่างเป็นเพื่อนเมื่ออายุ ๑๕ ขวบถึงเรียนมหาวิทยาลัย?

      เพราะว่าพ่อแม่นี่หละ คือความสุขทุกอย่างในโลกนี้ของลูก เมื่อเราไปบ่น ไปว่า ไปด่าเขาแล้ว เขาจะมาใกล้เรายังไง จะมาอยู่กับเรายังไง ลูกเราก็ไม่มีที่พึ่ง คราวนี้ปัญหาที่ไม่พึงปรารถนาก็เกิดขึ้น ยาเสพติด การพนัน ชู้สาว เป็นนักเลงเล็ก นักเลงใหญ่ เป็นปัญหาให้กับตัวเราและก็เป็นปัญหาให้กับสังคม “พ่อแม่คือความสุขที่สุดของลูก เป็นแอร์ใหญ่ประจำบ้าน เป็นเครื่องอบอุ่นให้ทั้งกาย ทั้งใจ...”

Large_tt921



     ตามหลักเราเป็นลูกเป็นกุลบุตรลูกหลาน การอยู่ในบ้าน อยู่ในสังคม อยู่ในวัด อยู่ในที่ทำการทำงาน การคบเพื่อน คบฝูง คบหมู่คณะเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก่อนเราไม่เคยกินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เป็นโจรขโมย เมื่อไปคบกับคนไม่ดี เราก็กินเหล้า สูบบุหรี่ เป็นโจรขโมย 

     การคบเพื่อนพระพุทธเจ้าว่าให้เราฉลาด คนไหนรู้ว่าเขาทำไม่ดี ทำไม่ถูก มันก็เป็นเรื่องของเขา เราก็ถอยออกมา  คนไหนเขามีศีล มีธรรม มีคุณธรรม ขยันหมั่นเพียร ไม่มีอบายมุข เราก็พยายามคบค้าสมาคม

Large_1701201103



      ส่วนใหญ่คนเรานะ ถ้าคนมีปัญหากับคนมีปัญหามันก็ชอบคบกันเป็นเพื่อน เป็นหมู่ เป็นคณะ ถ้าคนไหนเขาดี ๆ เราก็ไม่อยากคบกับเขา  ถ้าเราอินทรีย์อ่อน เราสังเกตดูว่าคนไหนที่เขาไม่ก้าวหน้า เขาอินทรีย์บารมีไม่แก่กล้า อย่างเช่น พระบวชใหม่ ก็เข้าใกล้ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ “ไม่อยากเข้าก็ต้องเข้า" ส่วนคนไหนมันไม่เข้าท่า ไม่ดี ไม่ได้มาตรฐาน พาไปที่ ๆ เราจะเสื่อม เราก็ถอยออกมา

 

 

คนเราอยู่ในโลกนี้ อยู่ในสังคมมันมีหมดนะ มีทั้งดี ทั้งไม่ดี มีหมด

      พระพุทธเจ้าให้เราเลือกเฟ้น ให้คบกับพระพุทธเจ้า ให้คบกับพระอรหันต์ ให้คบกับครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้คบกับพระดี ๆ ให้คบกับใครก็ได้ที่เป็นคนดี  เพราะคนไม่ดีคนหนึ่งสามารถทำให้คนดี ๆ ที่ไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าเสื่อมได้เป็นร้อย ๆ คน ตามหลักที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในธรรมวินัย


      ยิ่งเราเป็นฆราวาส ญาติโยม ยิ่งต้องระมัดระวังมาก การคบค้าสมาคมกับหมู่คณะ กับอะไร มันจะพาเราตกต่ำ 


เพื่อนที่จะไปนิพพานมีน้อย เพื่อที่จะไปอบายมีมาก...

     จะมีมากมีน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่เราตั้งไว้ดี ๆ ว่าเราจะไม่อ่อนแอไปตามสภาพสังคม ตามสิ่งแวดล้อมที่มันไม่ดี  จิตใจของเราพยายามคิดแต่สิ่งที่ดี ๆ พูดแต่สิ่งที่ดี ๆ ทำแต่สิ่งที่ดี ๆ เพราะความดีนี่คือ กัลยาณมิตรที่พาเราไปสู่สุคติ

      เพื่อนในใจของเรานี้แหละสำคัญ คือศีล คือธรรมของพระพุทธเจ้าต้องนำมาอยู่ในใจของเรา 

 
      ต้องเป็นคนละอายต่อบาป เป็นคนเกรงกลัวต่อบาป เห็นโทษเห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ไม่มีความประมาท เพราะความประมาททำให้เรื่องเล็ก กลายเป็นเรื่องใหญ่ ที่มันมีปัญหาก็เริ่มจากความคิดน้อย ๆ ในใจเรา
พระพุทธเจ้า ครูบาอาจรย์ถึงสอนว่าไม่ให้เราประมาท อย่าไปคิดว่าตัวเองเก่ง อย่าไปคิดว่าตัวเองแน่

      พระพุทธเจ้าท่านไม่มีความประมาทท่านถึงได้เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่ประมาท ท่านถึงได้เป็นพระอรหันต์...

Large_tt982


องค์พ่อแม่ครูบาอาจารย์

เช้าวันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๔

หมายเลขบันทึก: 470253เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2011 11:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 18:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท