ขึ้นสวรรค์ตกนรกเช่นนี้..เชื่อไม่ต้องอ่าน


ฝันดี..ไม่มีโอกาสได้ตื่นคือสวรรค์ ฝ้นร้ายไม่ได้ตื่นคืออารมณ์แห่งนรกตลอดกาล ฯ

มีความสงสัยกันมากเรื่องนรกสวรรค์...ว่าจะมีจริงหรือเป็นแค่เรื่องนิยายโกหกกันเล่นเฉย ๆ บางคนก็บอกว่าสวรรค์นั้นไม่น่าอยู่ สู้นรกไม่ได้เพราะสวรรค์มีแต่ความเปล่าเปลี่ยว นรกพวกมากมาย ก็เลยทำให้ความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ไม่ค่อยเกิดความชัดเจนหรือมั่นใจนักสำหรับคนส่วนใหญ่ ที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสศึกษาความรู้เรื่องนี้ ถ้าจะกล่าวถึงหลักฐานตามคำสอนในทางพระพุทธศาสนานั้น เรื่องสวรรค์นรก มีรับรองไว้แน่นอนไม่ต้องสงสัย เริ่มตั้งแต่เรื่องสวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ที่สามารถสัมผัสพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง เช่น นรกอยู่ในใจ....มนุษย์เราคงไม่ปฏิเสธถึงความรู้สึกทุกข์ร้อนในใจของตัวเองได้เลย หากไปทำความชั่วอะไรสักอย่างขึ้นมาอย่างมากบางคนมีอัตราการพัฒนาการความด้านชาของหน้าและเก็บความรู้สึกไม่ให้ออกอาการออกมาด้านนอกได้เนียนกว่าใคร ๆ เท่านั้น แต่ความคุกรุ่นเร้าร้อนย่อมสุมไหม้อยู่ในใจเขาตลอดเวลา ต่อเมื่อผลความชั่วนั้นสุกงอมแล้วเขาย่อมรู้และรับทราบต้องก้มหน้ารับกรรมอย่างน่าสงสารนั่นเอง สวรรค์อยู่ในอก...คนที่ทำความดี ย่อมมีความสุขใน ๓ กาล คือ ก่อนการทำดี ขณะทำ และคราวที่ระลึกตามภายหลังแล้ว ย่อมมีแต่ความรื่นเริง มีความสุข เบาใจ สบายใจในทุกครั้งที่ได้ระลึกถึง นี่ก็คือลักษณาการแห่งสวรรค์ที่อยู่ในอกแล้วคงไม่ต้องอธิบายขยายความกันในข้อนี้มากนัก แต่มีอารมณ์หนึ่ง..ซึ่งแทบจะทุกคนได้เคยสัมผัสมาแล้วด้วยตนเองทั้งนั้นคือ อารมณ์แห่งความฝัน ความฝันมันเหตุปัจจัยมา ๔ อย่าง คือ ธาตุวิกฤติ อาการกำเริบแห่งธาตุคืออาหารไม่ย่อยเป็นพิษเป็นต้น จิตอาวรณ์ คือ เรื่องเก่าที่ฝังแน่นอยู่ในจิต กรรมบันดาล กรรมของตนเองที่ส่งผลจากอดีตออกมาทางความฝัน เทพสังหรณ์นั่นก็คือ ลางดี หรือลางร้ายที่เป็นนิมิตมาปรากฎเพราะอำนาจแห่งเทพยดาทั้งหลาย ทราบไหมว่า...บางวันที่เราฝันดี จิตกำลังมีความสุขความเพลิดเพลินอยู่ในฝันนั้นเมื่อเรารู้สึกตัวขึ้นมา...เมื่อทราบว่ามันเป็นเพียงความฝันและอยากจะฝันต่อให้ได้เพราะความเสียดายยังอาลัยในอารมณ์สุขใจแห่งความฝันนั้นอยู่ คงน้อยคนนักที่จักนอนฝันต่อจากเรื่องที่ฝันมาแล้วนั้นได้ แต่มันก็เพียงแต่ฝันดีเท่านั้นไม่ใช่ความจริงได้เลย แต่บางครั้ง ที่เราฝันร้ายจิตกำลังทุรนทุราย วิ่งหนีจากภัย จากสิ่งที่กำลังคุกคามชีวิต จิตกำลังได้รับความบีบคั้นมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส..เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมา เราจะรู้สึกว่า โชคดีจริงหนอที่มันเป็นเพียงฝัน ที่มันคือฝันร้ายเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่ความจริงเช่นเดียวกัน แต่ในอารมณ์แห่งความเป็นจริง...อารมณ์ของผู้ที่ตกนรก นั่นก็คืออารมณ์แห่งความฝันร้ายที่ไม่มีโอกาสได้มารู้สึกตัวว่า มันคือความฝัน หรือเพียงแค่ฉันฝันร้ายไป แต่มันคือฝันร้ายตลอดกาลที่ไม่มีโอกาสได้รู้สึกตัวว่ามันคือความฝัน และอารมณ์ของผู้ที่ขึ้นสวรรค์ คือ การฝันดี ที่ไม่มีโอกาสได้ตื่นมาแล้วรับรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้น แต่มันคือฝันดีตลอดชั่วนิจนิรันดร์นั่นเอง ! ขอให้ผู้อ่านทุกท่านจงฝันดีกันทุกคนเทอญ เจริญพร ท่านคมสรณ์/พระธรรมทูตสื่อธรรม จากเมืองเทวทูต-อินเดีย ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

คำสำคัญ (Tags): #นรก สวรรค์
หมายเลขบันทึก: 470074เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2011 11:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท