เที่ยวญี่ปุ่นเกาะใต้ในฤดูใบไม้ร่วง ๔ (นางาซากิ,อะตอมมิคบอม,สวนสันติภาพ,กลัฟเวอร์การ์เด้น)


สวัสดีค่ะ วันนี้ขอเล่าต่อเนื่องกันไปเลยดีกว่านะคะ ต่อจาก "เที่ยวญี่ปุ่นเกาะใต้ในฤดูใบไม้ร่วง ๓ (ภูเขาไฟอะโสะ,ศาลเจ้าดาไซฟุ)" 
 
เช้าวันนี้เราต้องออกเดินทางกันเช้าหน่อยค่ะ เพราะเมืองนางาซากิกับโรงแรมที่เราพักนั้นอยู่ค่อนข้างไกลกันพอควร
(ในภาพนี้หนึ่งเดาว่าคงเป็นอะโรมาของทางโรงแรม เพราะสังเกตเห็นว่ามีจานใส่ใบไม้แบบนี้วางอยู่บริเวณลอบบี้ ลองพิสูจน์กลิ่นก็หอมเย็นๆดีค่ะ แต่ไม่ทราบว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ^^)
ข้างหลังเป็นที่จอดเรือ เสียดายมากที่เช้าวันนั้นฝนตก เราเลยไม่ได้ออกไปเก็บภาพสวยๆข้างนอกโรงแรมเลยค่ะ
หนึ่งกับสามปกติเวลาไปเที่ยวแบบนี้เราก็จะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าค่ะ อิอิ ตื่นเช้าทุกวันเพื่อเก็บทุกๆบรรยากาศ
เปียโนบริเวณลอบบี้
"เมืองนางาซากิ"ที่เรากำลังจะไปกันนั้นเป็นเมืองเก่าแก่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งอดีต เมืองนี้ถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญมีการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนอารยธรรมที่โลกตะวันตกนำเข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งเชื่อว่าทุกท่านคงเคยได้ยินชื่อเมืองนางาซากิมาก่อนแน่ๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ (๙ สิงหาคม ค.ศ. ๑๙๔๕) เมืองนี้เป็นเมืองที่ถูกระเบิดนิวเคลียร์ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศญี่ปุ่น
ที่ "อะตอมมิคบอม" ยังคงอนุรักษ์อาคาร สิ่งก่อสร้างที่ถูกระเบิดในครั้งนั้นไว้ให้คนรุ่นหลังได้เป็นอนุสรณ์
วิหารที่ถูกระเบิดนิวเคลียร์ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ เนื่องจากเมืองนางาซากิเป็นเมืองท่าที่สำคัญของญี่ปุ่นในสมัยนั้น มีอู่ต่อเรือรบขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าหมายในการทิ้งบอม แต่สภาพอากาศไม่อำนวย ทำให้การทิ้งบอมผิดตำแหน่ง มาลงที่วิหารแห่งนี้ค่ะ
จำลองเหตุการณ์ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์
ข้างหลังหนึ่งคือระเบิดที่เค้าเรียกว่า fat man
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้นำเสนอให้คนรุ่นหลังได้ดูว่าผลของสงครามไม่ได้ทำให้อะไรดีเลย
ยังคงมีการพับนกกระดาษจนถึงปัจจุบัน
และมีการสร้างสวนสันติภาพขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๒ (สงครามมหาเอเชียบูรพา) อนุเสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพและความโหดร้ายของสงคราม
ถึงแล้วค่ะ สวนสันติภาพ
โชคดีมากค่ะที่เมื่อออกจากอะตอมมิคบอม มาที่สวนสันติภาพ (ซึ่งเป็นสถานที่กลางแจ้ง) ฝนก็หยุดตกเพื่อให้เราได้เก็บภาพที่สวนแห่งนี้กันได้
ที่สวนแห่งนี้มีคุณลุงหนึ่งในสามของผู้รอดชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ครั้งนั้น ได้ทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์ให้พวกเราได้ฟัง มีสมาชิกทริปท่านนึงถามถึงสาเหตุที่คุณลุงและอีกสองท่านผู้รอดจากภัยระเบิดนิวเคลียร์ว่ารอดมาได้อย่างไร คุณลุงบอกว่าถูกนำไปหลบภัยอยู่ใต้ดิน (อันนี้คุณไกด์เสื้อเหลืองแปลให้ฟังอีกทีค่ะ อิอิ)
จากนั้นเราก็มาทานมื้อเที่ยงกันค่ะ
อิ่มมื้อเที่ยงกัน เราก็เดินย่อยอาหารกันไป "กลัฟเวอร์การ์เด้น" ซึ่งระหว่างทางเป็นร้านค้าขายสินค้า OTOP (ถูกใจหนึ่งกะสามมากกกกค่ะ เดินไม่มีเหนื่อย อิอิ) 
ที่ร้านนี้เค้าขายขนมเค้ก มีคล้ายๆศาลเจ้าที่เป็นรูปขนมเค้กที่เค้าขายด้วย น่ารักๆๆๆๆ ^^
ร้านนี้ก็น่ารักค่ะ อิอิ
หนึ่งชอบตรงนี้ค่ะ ถึงแม้สถานที่ท่องเที่ยวเค้าจะเป็นภูเขา เค้ายังทำทางขึ้นสำหรับผู้สูงอายุ และสำหรับรถเข็ญอีกด้วยค่ะ
นกพิราบที่นี่ชอบกินอาหารปลาค่ะ อิอิ
กลัฟเวอร์การ์เด้น (บ้านสาวเครือฟ้าญี่ปุ่น) เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว อายุ ๑๐๐ ปี ตกแต่งด้วยสนอย่างงดงาม
ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นอ่าวและท่าเทียบเรือ 
เจ้าของสถานที่แห่งนี้คือ โธมัส กลัฟเวอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ญี่ปุ่น ตกหลุมรักสาวญี่ปุ่น จนเป็นแรงบันดาลใจให้นำไปสร้างเป็นบทประพันธ์เรื่อง มาดามบัตเตอร์ฟลาย ที่โด่งดังไปทั่วโลกค่ะ
ที่นี่เค้ามีเทศกาลคล้ายๆบ้านเราด้วยค่ะ มีการประกวดเรือพระ (ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่หนึ่งเห็นว่าคล้ายๆเรือพระบ้านเราค่ะ)
สำหรับตอนที่ ๔ นี้หนึ่งขอจบที่กลัฟเวอร์การ์เด้น นะคะ บันทึกหน้าหนึ่งและสามจะพาไปอาบทรายร้อนเพื่อสุขภาพกันค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน แลกเปลี่ยนประสบการณ์นะคะ ^^
หมายเลขบันทึก: 469535เขียนเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2011 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 16:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สันติภาพคือคำตอบที่เราทุกคนต้องช่วยให้มันเกิดขึ้นจริงในสังคม

สวัสดีค่ะอาจารย์โสภา อ่อนโอภาส

หนึ่งเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ "สันติภาพ" เราต้องช่วยกัน ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท