ไดอารี่ชีวิต 4


สงบ - วาง - ว่าง - สว่าง

 

       วาง-ว่าง-สว่าง คือประโยคที่นำขึ้นไว้ในกระดานดำแผ่นเล็กๆที่อยู่ภายในบ้าน กับใจสองใจที่พยามก้าวไปให้ถึงสิ่งเหล่านี้ในสุดท้ายปลายทางของชีวิต! แต่วันนี้ได้เพิ่มมาอีกหนึ่งคำนั่นก็คือคำว่า "สงบ"

       จากความตั้งใจที่ตั้งไว้กับแผนงาน(ที่เรียบเรียง-ขึ้นรูปไว้กับใจตัวเอง) หลังจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากับการเร่งรีบปลูกต้นกล้าผักหวานป่าเพื่อช่วยเหลือชีวิตผักหวานป่าที่เพาะในแต่ละปี(ต้นกล้าของผักหวานป่าที่เพาะจากเมล็ด หากเก็บไว้นานเกิน 10เดือนหรือเกิน1ปี เมื่อนำไปปลูกไม่โตและตายเนื่องจากรากหยุดการเจริญเติบโต) เหนื่อยมาก! แต่ก็เสร็จสิ้นจนได้สมความตั้งใจ(ทำเพื่อผักหวาน)

       วันนี้เป็นวันแรม15ค่ำเดือน12 วันพระใหญ่(วันดับ) หมอใหญ่(คุณโอภาส)ตั้งใจว่าวันพักผ่อนวันนี้วันพระจะไปปลงผมถวายท่านพระครูสุพล มหาหิง   ส่วนข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะซักเสื้อผ้าและทำไข่เค็มไว้ รับ-ประทานอีกชุด(ไข่เป็ดจากเล้า) รวมถึงเพิ่มเนื้อหาของบันทึกใหม่ในที่แห่งนี้(สูตรปลูกผักหวานป่าที่ประหยัดที่สุด 5) ก็ต้องพักไว้ก่อน เพราะต้องใช้หัวใจนำเรื่องที่ตั้งใจจะพักแต่กลับต้องพิจารณา(เพิ่มบันทึก)

       ในระยะเวลาห้าวันที่ผ่านมาอาการของท่านพระครูสุพล กับการพ่นยาละลายเสมหะก็ลดน้อยถอยลงจากวันละ4ครั้งลดลงเหลือ3และ2ครั้งตามลำดับ เนื่องจากสภาพอากาศที่เริ่มคงที่ บวกกับท่านคงเห็นใจหมอน้อยด้วยกระมัง ที่ต้องนอนดึกตื่นก่อนไก่ขัน กลางวันปลูกต้นไม้ยิ่งช่วง3-4วันให้หลังทุ่มกันสุดกำลังแก่!ทานข้าวเช้าบ่าย2-3โมงทุกวัน เพื่อให้งานแล้วเสร้จจะได้พักจากภาวะเร่งรีบทั้งกายและใจ(เหมือนจะมีงานอีกงานให้ทำรออยู่) อาการของท่านดีขึ้นก็เลยไม่ต้องเร่งรีบไปถวายการพ่นยากลับมาสู่เวลาปกติคือ06.00น.หรือ 07.00น.

       เช้าของวันนี้จึงสบายๆวันพระใหญ่หัวใจสงบนิ่งแต่เช้า ตื่นขึ้นมาตีห้า หลังเสร็จสิ้นภาระกิจส่วนตัวบวกกาแฟหนึ่งถ้วยตามปกติทุกวัน เวลา06.00น.มุ่งหน้าไปบ้านหลังที่ท่านพระครูสุพลพักรักษา(อยู่องค์เดียว)เพื่อถวายอาหารเช้าและพ่นยา โดยปกติเมื่อไปถึงหลังจากเปิดประตูบ้านเข้าไปข้าพเจ้าจะรีบเข้าไปในห้องที่ท่านนอนพักเพื่อทำการพ่นยาเป็นอันดับแรก แต่วันนี้ข้าพเจ้ากลับเดินเลยไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนและเปิดประตูบ้านก่อน(เมื่อวานนี้เร่งรีบเข้าไปหาท่านเพื่อถวายการพ่นยาแต่ท่านกลับนอนหลับสบายในท่าที่ท่านชอบนอนภาวนา คือนอนตระแคงขวา พร้อมกับเสียงกรนเบาๆ) พร้อมๆกับส่งกระแสจิตเข้าไปหาท่านวันนี้รู้สึกแปลกๆกับสัญญาณตอบรับ

      (ข้าพเจ้าเปรียบพลังคลื่นของหัวใจของคนเราหรือกระแสจิตที่ส่งถึงกันเหมืนกับสัณญาณโทรศัพท์หรือคลื่นวิทยุ หากคลื่นที่ส่งตรงกันและเปิดรับทั้งสองฝั่งสัณญาณที่ได้รับย่อมชัดเจน เข้าใจโดยไม่ต้องพูดซักคำ ซึ่งข้าพเจ้าชอบใช้บ่อยบางครั้งกับหัวใจที่สงบนิ่งจะได้ยินคำตอบจากคำถามที่ส่งออกไปดังก้องกังวานในหัวใจ บางทีจะเกิดเป็นภาพขึ้นในใจ)

   กับท่านพระครูสุพล หลังจากคลุกคลีกันมา1ปีเต็มๆก็พอเข้าใจรู้จิตใจกัน ช่วงหลังๆข้าพเจ้าจะใช้สื่อสารทางโทรจิตมากกว่าการสบตา ปกติที่ข้าพเจ้าไปหาท่านแต่อยู่นอกห้องใจส่วนหลังบ้าน ก็จะส่งใจไปถามท่านว่าเป็นยังไงท่าน สบายดีอยู่ไหมยังอยู่หรือไปจากกันแล้ว ทุกครั้งเหมือนท่านจะรับได้จากความเงียบสงบของบ้านทั้งหลังท่านจะส่งเสียงกระแอมบอก"ฉันยังอยู่" หรือกดกริ่งบอกข้าพเจ้า"ฉันรู้นะ"

         แต่วันนี้ผิดต่างไปจากทุกๆวันกับสัญญาณที่ส่งเข้าไปหาท่านในห้อง ให้รู้สึกเอะใจเล็กน้อย    จึงต้องเดินไปส่องดูผ่านประตูห้องที่เป็นมุ้งลวดเห็นท่านนอนอยู่ในท่าที่ใช้นอนประจำ แต่ก็ไม่มั่นใจจึงได้เปิดประตูเข้าไปดูให้แน่ใจพร้อมกับเดินไปกดเปิดสวิตไฟ พร้อมๆกับแสงไฟที่สว่างจ้าพร้อมๆกับสายตาที่มองเห็นท่านหลับสบายๆแต่หัวใจสัมผัสได้รับรู้ในทันใดท่านได้จากข้าพเจ้าไปแล้ว พร้อมๆกับเสียงที่ดังเกิดก้องขึ้นในหัวใจ นั่นคือ "สงบ-วาง-ว่าง-สว่าง"

       เป็นภาพที่งดงามของเรือชีวิตลำหนึ่งที่วิ่งฝ่ามรสุมในมหาสมุทรชีวิตที่กว้างใหญ่ วันนี้กับการก้าวขึ้นฝั่งของท่านอย่างองอาจสง่าผ่าเผย.เพื่อความมั่นใจข้าพเจ้าจึงเอื้อมมือไปแตะดูเบาๆท่านพึ่งจากไปตอนฟ้าสาง! เมื่อแน่ใจจึงรีบเดินกลับมายังบ้านหลังในที่คุณโอภาสรออยู่จึงได้บอกกล่าวพร้อมๆกับโทรแจ้งให้ รศ.ดร.ประจิตร มหาหิง ซึงเป็นพี่ชายคนโตของท่านเพื่อทราบ พร้อมๆกับรอเวลา8.30น.(แต่วันนี้รู้สึกทำไมเวลาจ๋า เดินช้าจัง) เนื่องจากท่านพระครูใบฏีกาสุพล มหาหิง ท่านได้บริจาคอุทิศร่างกายไว้กับคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น กว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถมารับท่านพระครูได้ก็เวลาบ่ายโมงพร้อมๆกับพระสงฆ์ได้ทำพิธีเสร็จพอดี.

      ส่วนพิธีการต่างๆก็เรียบง่าย(ตามประเพณีไทยๆ)ตามเจตนารมณ์ที่ท่านได้ระบุไว้(พินัยกรรม)ให้มอบร่างกายให้กับโรงพยาบาลตามที่อุทิศไว้ห้ามนำไปทำพิธีใดๆให้ยุ่งยากที่วัด  ภาพการมรณะภาพของท่านพระครูสุพลที่สงบเย็นที่ใครๆได้พบเห็น พระสงฆ์และเหล่าคณาจารย์(มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างพูดตรงกันว่าท่านกำลังนอนหลับสบายเหมือนยังไม่ได้มรณะภาพ สำหรับผู้ดูแลอุปัฏฐากไกล้ชิดท่านของหมอใหญ่และหมอน้อยกับวันนี้พร้อมกับหน้าที่ตรงนี้ได้ปิดฉากไปพร้อมกับท่านพร้อมๆกับภายในกายและหัวใจที่เบา ข้าพเจ้าบอกได้ว่าคำเดียว"บุญ"

   ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงนิมิต(ความฝัน)ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้ทราบข่าวการอาพาธของท่านที่ทรุดหนัก(รอแค่ถอดสาย) กับคำถามน้อยไหวไหมถ้าจะนิมนต์ท่านมาพักรักษาตัวด้วยที่สวน 3วันก่อนได้ยินคำถามประโยคดังกล่าวข้าพเจ้าฝัน(นิมิต)ในหลวงและสมเด็จพระเทพฯท่านเสด็จมาหาพร้อมๆกับได้ยินเสียงดังก้องบอกว่าให้อดทนหนักแน่นนะไม่นานจะได้ทำบุญกับพระสงฆ์!.ข้าพเจ้าก็ได้แต่ครุ่นคิด และเล่าให้คุณโอภาสฟังว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเราอีกนะ!

       สำหรับความฝันกับหลายๆท่านอาจจะคิดว่า(เชื่อว่า)มันเป็นเพียงภาพที่เกิดยามหลับไหลมีดีและร้าย  แต่สำหรับข้าพเจ้ามันเป็นสิ่งที่เต็มใจเรียกว่า"นิมิต" เพราะทุกครั้งที่เกิดอย่างชัดเจนมีผลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของข้าพเจ้าและสามีมาตลอด หรืออาจจะเรียกว่าเป็นพลังใจและสื่อนำทางชีวิต ที่สำคัญยิ่งกับการก้าวเดินของเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ว่าได้ ทั้งที่เป็นคนไม่เชื่อการดูดวงชะตาซักเท่าไหร่ รวมทั้งไม่เชื่อเลยว่าโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญ.....

         ถึงแม้ว่าสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าได้บอกกล่าวเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้(สัมผัสที่6)ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่สื่อสารรับรู้ เชื่อ และดำเนินมาโดยการใช้หัวใจไม่มีหลักฐานนำเสนออ้างอิงเช่นโลกปัจจุบันเรียกว่า "การยอมรับ" (แต่ในโลกแห่งสัจธรรมกลับเรียกหลักฐาน-การสงสัย พิสูจน์-การติดยึดและยึดติด)ทั้งสองด้านที่เดินควบคู่กันมา "นานาจิตตัง"

         แต่วันนี้ธรรมะหรือสัจธรรม(ความจริงหรือความหมายของการยอมรับสภาพตามที่ท่าน ดร.พจนากล่าวกับข้าพเจ้าไว้) คำตอบข้อใหญ่ที่ข้าพเจ้าตั้งคำถามเองหลังจากให้กำลังใจท่านพระครู เสร็จแล้วบางครั้ง ก็งงกับตัวเอง กับคำพูดตัวเองที่ดังขึ้นภายในใจ นอกจากดีและหายป่วยแล้วเป้าหมายสุดท้ายปลายทางจริงๆที่ทุกชีวิตมุ่งหวังนั้นคืออะไรกันแน่....นะ  อะไรคือสิ่งที่ทุกคนต้องการนะ(หลายคนตอบโดยที่ไม่ต้องคิด"เงิน") "ความสุข"อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าความสุขที่หัวใจ(ชีวิต)ต้องการ"จริงๆ"

         คำตอบที่ยิ่งใหญ่ธรรมะที่ท่านพระครูสุพลมอบไว้ให้กับข้าพเจ้านั่นคือ ไม่ว่าสิ่งที่ต้องการหรือไม่ต้องการ ดีหรือไม่ดี ความสุขหรือความทุกข์ รวมทั้งสิ่งที่อาจจะเรียกว่าหลักฐานกับการพิสูจน์(วิจัย)น่าเชื่อถือ  หรือสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ภายนอก คือพิสูจน์หลักฐาน(วิจัย)  อาจเป็นเพียงสิ่งที่เรียกว่าความเชื่อ..! แต่สิ่งใดๆทั้งหมดทั้งมวลเมื่อถึงหยดสุดท้ายของลมหายใจก็คือการปล่อยวางอย่างแผ่วเบามากกว่าหัวใจที่สงสัยและหนักอึ้ง"การพิจารณา-วิจัยเวลาที่เหลืออยู่ การใช้ชีวิตของเราเองให้พอดีกับเวลาที่เดินหมุนไปของมันไม่เกียวกับเราเพียงแต่ชีวิตเราต้องหมดไปตามเงื่อนไขแห่งการเวลา หมดอายุ"

        วันนี้จากหัวใจที่มอบไว้เพื่อสื่อสารถึงท่านพระครูสุพล มหาหิง(อาจารย์ใหญ่)ข้าพเจ้าดีใจที่มีส่วนอุปัฐากดูแลท่าน กุศลใดๆที่ได้รับข้าพเจ้าขอส่งต่อมอบให้พ่อกับแม่(แม้ท่านยังมีชีวิต)เพราะคงไม่มีโอกาสดูแลท่าน ขอตอบแทนด้วยคุณความดี

        สุดท้ายข้าพเจ้าขอกราบส่งสาธุการท่านพระครูใบฏีกาสุพล มหาหิง พร้อมกับสิ่งสำคัญยิ่งที่ท่านมอบให้ นั่นคือ สงบ วาง ว่าง สว่าง  สาธุ.......

 

       .........วันสุดท้ายก็คงไปเป็นอาจารย์ใหญ่อย่างตั้งใจ(ทำ)ไว้แล้ว ตามหลังท่านไป..........

หมายเลขบันทึก: 469375เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2011 21:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

 สวัสดีค่ะ 

Ico64

   แวะมาชื่นชม...การทำความดีงาม ทางกายวาจาใจ คิดดี พูดดี ทำดี อานิสงส์เกิดความเจริญงอกงามในจิตใจ จิตเกษมปลอดภัยไร้กังวล "สงบ-วาง-ว่าง-สว่าง"...ขอกราบส่งสาธุการ...ต่อการจากไปของท่านพระครูใบฏีกาสุพล มหาหิง ด้วยนะคะ...

ขอบพระคุณค่ะท่าน ดร.พจนา แย้มนัยนา ที่ท่านได้ติดตามและให้กำลังใจเสมอมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท