ครั้งสุดท้ายที่คุณให้เวลากับตัวเองแหละเดินออกมานอกวิหารปูน ที่ไหน เท่าไหร่ละ ที่คุณได้ไปหามัน สำหรับผมมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
กลาง ท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ ณ ที่นั้นเองที่ธรณีสัณฐานคอยต้อนรับแรงตะวันอันอบอุ่น สุดปลายฟ้าบรรจบพื้นดินที่ตรงปลายสุดสายตานั่นเมฆกำลังระเลียดเลียยอด ข้าวอย่างแผ่วเบา อีกทั้งสายลมอบอุ่นมาจากทิศใต้บรรจงจูบฝุ่นเหมือนรักครั้งแรก น่าตื่นเต้นยิงนัก กับใบไม้ตรงปลายทุ่งนาปลิวละลิ่วหล่งลงกลางธารไหลริน ช่างนุ่มนวน นุ่มนวล แลเงียบสนิทจริงๆ เสียงธรรมชาติที่ตรงนี้ แหละนี่ตัวผมเดินทางมาจากที่ตรงไหนและมาที่นี่ได้อย่างไร จึงมาหยุดอยู่ที่ตรงคันนาที่นี่คนเดียวเดียวดาย สรวงสวรรค์คงไม่ใช่ในเมื่อประสาทสัมผัสผมสัมผัสรู้ได้ทั้งมวล ผมไม่ได้หลงทางในเมื่อเท้าของผมพาตัวและหัวใจผมมาหยุดที่ตรงนี้ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลซักอย่าง ไม่เห็นต้องค้นหาเลย ในเมื่อเวลาเช่นนี้ช่างมีความสุข สงบ
ผมไม่มีภาพถ่ายด้วย กล้องหรอกนะ เพราะแค่ดวงตาคู่นี้ก็เก็บไว้ได้แม้กระทั่งกลิ่น เสียง ด้วยการลิ้มจากการได้รับรสสัมผัสผ่านร่างกาย ณ ตอนนี้มันงดงามกว่าภาพที่แสนสุดลึกล้ำจะจินตนาการ แลไม่เห็นมีบ้านที่ตรงนี้เลย หรือมันคงจะไม่เข้าพวกหรือต้องการกับวิถีทางของธรรมชาติ ในเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนชะล้างด้วยความจริงแทนบ้านทั้งหลัง ด้วยแรงลมอุ่นที่ห่อหุ้มร่างแทนเครื่องอบอุ่นต่างๆ ด้วยผืนดินที่กดนวดฝ่าเท้าแทนการผ่อนคลาย นั่นก็คันนาเองที่เป็นทางเดินสำหรับก้าวเดินให้ได้รับรส ไม่ใช่รับรู้ความฝันของเจ้านาย มีแค่ร่างกายเท่านั้น แค่นั้นจริงๆ
น่า เสียดายที่หลายคนหลงลืม เลอะเลือน และกังวล ทำให้ฝูงชนอีกมากมายยังมาไม่ถึง ผมไม่สามารถพาไปในที่ที่ผมเจอครั้งนี้ได้อีกครั้งหรอกนะ ไม่ใช่มันไม่มีอยู่จริง แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว เพราะมันได้จบไปแล้วและผ่านพ้นไปแล้ว คงเหลือแค่นี่จริงๆ ที่จะนำมาแบ่งปันและฉุดรั้งวิญญาณพวกคุณให้ออกไปแสหวงหาด้วยตัวเอง ด้วยเท้าของตัวเอง ต้องย่ำไปเอง มันออกจะยากของลวงสมมุติขึ้นมามอมเมาจิตวิญาณให้เสียการรับรสโดยสัมผัสสะ ให้ทำก็แค่อย่าเพิ่งหลงไหลและเชื่อ จนกว่าชั่วชีวิตของคุณจะบอกใจของคุณด้วยเสียงกระซิบที่เงียบที่สุดแผ่วเบา ที่สุด เบา เบาลง จนคุณพยายามเงี่ยหูฟังมัน ครั้งแล้วครั้งเล่า จนไม่สามารถได้ยินว่าเสียง แม่ว่ามันจะเปล่งวาจาใดใดออกมา ณ เวลาเช่นว่านั้นดวงตาของคุณเองจะไม่ต้องการอะไรอื่นอีก และที่นั่นเองคือเรื่องราว
ไม่มีความเห็น