วิวัฒนาการเพื่อวินาศนาการ ตอนที่ 2

ธรรมจากท่านพระพุทธทาส

 

 

 

เว็บไซต์เพื่อสังคม http://www.nature-dhrama.com

        นำเสนอแนวคิด เพื่อสังคมใหม่

วิวัฒนาการเพื่อวินาศการ ตอนที่ 2
(จากธรรมโฆษณ์ ...เมื่อธรรมครองโลก)

       วิวัฒนาการเพื่อวินาศการนี้แบ่งออกเป็น 4 ทาง คือทางวัตถุล้วน ๆ ทางหนึ่ง แล้วทางกายของคนนี้ทางหนึ่ง แล้วทางจิตของคน แล้วทางวิญญาณ คือสติปัญญาอันสูงสุดของคน
       ทางวัตถุล้วน ๆ ก่อน ที่คนวิวัฒนาการอะไรขึ้น แล้วทางวัตถุวินาศลงไป เห็นอยู่กันตำตา ก็เช่นว่าการวิจัยค้นคว้า ที่ก้าวหน้าที่สุดของโลกปัจจุบัน
       การวิจัยค้นคว้าทั้งหลายนี้ มันทำให้วัตถุเปลี่ยนไปแล้วก็หมดสิ้นไป แล้วก็บางอย่างวินาศไป เขาเชื่อกันว่าอีกไม่กี่ปีถ้าขืนอยู่กันอย่างนี้ แม้แต่น้ำก็ไม่มีในโลกนี้ มันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไป มันถูกกระทำให้สูญหายไปบ้าง เปลี่ยนแปลงไปอย่างอื่นไปทุกที จนน้ำจะไม่มีในโลกนี้ อย่างนี้เป็นต้น หรือมันทำให้ป่าไม้ไม่มีนี่ก็เพราะการวิจัยค้นคว้าที่มันใช่ไม้ ทำลายไม้เสียให้มันหมด
         การวิจัยค้นคว้าถ้าธรรมะไม่คุ้มครองแล้ว จะเป็นไปเพื่อความวินาศของทรัพยากรของธรรมชาติในโลกนี้ แต่ถ้าว่าธรรมะคุ้มครองแล้ว มันจะรู้จักทำให้หมดเปลืองน้อย หรือไม่หมดเปลืองเลย ให้มันทดแทนกันได้ เพราะว่าคนจะรักธรรมชาติ รักสมบัติของพระเจ้า ไม่เห็นแก่ตัวกู ของกูอย่างเดียว พอลงเห็นแก่ตัวกู ของกูอย่างเดียวมันก็เอาเปรียบ แม้แต่เอาเปรียบพระเจ้า เอาเปรียบธรรมชาติ วัตถุมันก็หมดไปในโลก
          วิวัฒนาการที่ฝืนธรรมชาติทุกอย่างมันต้องวินาศการอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาเสมอ อย่างเขาว่า ทำเขื่อนชลประทานนี้จะทำให้ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ แต่แล้วมันก็มีผลทางอื่น ที่เป็นไปเพื่อผลร้ายก็มี มันจะต้องคล้าย ๆ กับว่า ต้องแลกเปลี่ยนกันเสมอ ส่วนที่มันได้มันก็ได้ขึ้นมา ส่วนที่มันเสียมันก็เสียไป
          ดูต่อไปทางร่างกาย วัตถุมีชีวิต ร่างกายนี่หมายถึงร่างกายของสิ่งที่มีชีวิตโดยเฉพาะคน ร่างกายของคนนี้ได้รับความวินาศลงไปอย่างไรบ้าง เพราะวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้
         เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์ ทางหยูกยาอนามัยนี้มันเลยเถิดจนเกิดปัญหาที่ต้องคุมกำเนิด เห็นไหม ซึ่งน่าห่วงอย่างยิ่ง จะต้องคุมกำเนิด มีปัญหาอย่างที่คนป่าเขาไม่เคยได้ทำ ที่จริงมันก็ไม่ต้องถึงอย่างนั้น ถ้ามีธรรมะพอแล้ว มันจะไม่มากถึงอย่างนั้น ไม่เกินอย่างนั้น หรือว่า ถ้าธรรมะพอมันก็ยังไม่ต้องคุมหรอก มันยังจะช่วยกันไปได้ ถ้าเกินความสมดุลในความพอดีแห่งการเกิดมนุษย์ก็เกิดจนไม่มีอะไรจะกิน จะเรียกว่าดีหรือร้ายอย่างไรกัน
          ถ้ามีโทรทัศน์มันก็ทำลายตาของคนดู นี้เสียหายทางร่างกาย ทำลายจิตใจของเด็กไทยให้ทรามลง รู้จักแต่เลือกเรื่องที่ส่งเสริมทางกามรมณ์เอร็ดอร่อยยิ่งขึ้นในทางตา ทางหู ทางจมูก ทั่วโลกเป็นอย่างนั้น เรื่องวิชาความรู้แท้ ๆ มันไม่ค่อยมี หรือเรียกว่าไม่มีดีกว่า
          สิ่งมีประโยชน์ในทางสันติสุขไม่ใช้ ไปใช้ในทางที่ตรงกันข้ามเช่น จะขอเวลาวิทยุ หรือทีวี บรรยายเทศน์บรรยายธรรม สักชั่วโมงหนึ่งก็ทั้งยาก ตลอดวันตลอดคืนเขาก็ส่งเรื่องของเขาอยากส่ง เพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นไป ที่เรียกว่าวิวัฒนาการนี้ เรียกว่าวิวัฒนาการทางวิทยุทางทีวีนั้นคือ วินาศนาการทางร่างกาย และจิตใจของคนที่ไปใช้มันในเวลานี้
          วิวัฒนาการของสิ่งเสพติด บุหรี่ บุหรี่อย่างเดียวในโลกนี้มีตัวเลขเขียนไว้ไม่ไหว ที่เขาได้ใช้ไปเพื่อการติดบุหรี่ แล้วก็เผาให้เป็นควันหมดไปในโลกทั้งโลกนี้ นับไม่ไหว ไม่รู้กี่พันกี่แสนล้าน ก็เพื่อทำลายสมรรถภาพของร่างกายเท่านั้นแหละ แล้วก็เสียเงิน เสียของเสียเวลา เสียอะไรไป
           เรื่องทางจิต อยากจะระบุลงไปเลยว่า วิวัฒนาการทางการศึกษาแห่งยุคปัจจุบันนี้ มันเป็นไปเพื่อวินาศการทางศีลธรรม ทางจริยธรรม ที่พูดอย่างนี้ไม่กลัวแล้วพูดให้บางคนโกรธ แล้วก็พูดให้บางคนด่า แล้วก็ไม่กลัว พูดว่า "วิวัฒนาการทางการศึกษาสมัยปัจจุบันเพื่อวินาศนาการทางศีลธรรม และจริยธรรม
           ทีนี้การศึกษาเดี๋ยวนี้ตกอยู่ในกำมือของคนที่เป็นทาสของวิวัฒนาการ เพื่อความเอร็ดอร่อยยิ่งขึ้นไป การศึกษาทั้งหลายมีเพื่อสติปัญญา เพื่ออาชีพ เพื่อรายได้ที่ดีกว่า ส่วนที่เพื่อมนุษยธรรม เพื่ออะไรนั้น พูดกันแต่ปากแล้ว เพราะใจมันเปลี่ยนแล้ว เมื่อใจเป็นทาสของร่างกาย ของวัตถุแล้ว มันก็ไม่แลเหลียว ทางศีลธรรม ทางจริยธรรม
          ฉะนั้นการศึกษานี้ยิ่งเป็นสมัยปัจจุบันมากยิ่งขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งลดเรื่องของศีลธรรม ของจริยธรรม มากขึ้นเท่านั้น ถ้าเราไปตามก้นฝรั่ง เราก็ได้การศึกษาอย่างนั้นมา ก็ดูผลที่มันเกิดขึ้นในโลกนี้ ที่พวกฝรั่งเขาเป็นผู้นำ
ฉะนั้นศีลธรรม หรือจริยธรรม มันก็ถูกเหนี่ยวไปเสียทางหนึ่ง ให้เป็นเรื่องของบุคคล นี่เขามีเหตุผลอย่างนั้น แต่แล้วใครจะไปเอาในเมื่อเรื่องนี้ ฝ่ายนี้มันมีน้ำหนักมากกว่า ยั่วยวนกว่า เอร็ดอร่อยกว่า ก็ไม่มีใครไปสนใจเรื่องศีลธรรม ฉะนั้นในวงการศึกษา จึงมีศีลธรรมอยู่แต่ในสมุด สำหรับให้เด็กเขาจดไม่มีอยู่ที่เนื้อที่ตัวของเด็กเลย
           ที่นี้ดูที่การกีฬา วิวัฒนาการของกีฬา ขึ้นมาถึงยุคปิงปองสด ๆ ร้อน ๆนี้ ก็เพื่อวินาศของ "น้ำใจนักกีฬา" น้ำใจนักกีฬากำลังหมดไปจากโลก เล่นกีฬาเพื่อเอาเปรียบ เล่นกีฬาเพื่อทำลายน้ำใจนักกีฬา ก็หมายความว่า เขามีกติกาสำหรับกีฬา เพราะกีฬาสมัยนี้มันกลายเป็นเรื่องแพ้ เรื่องชนะ ไม่เหมือนสมัยโบราณโน้นซึ่งกีฬาเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬา
           ที่นี้เราดูถึงเรื่องการเมือง สมัยโบราณไม่มีการเมืองก็ว่าได้ สมัยคนป่าไม่ต้องมีการเมือง พอสมัยเป็นคนบ้านขึ้นมาเริ่มการเมือง เดี๋ยวนี้ยุคปิงปองมีการเมืองสุดเหวี่ยง วินาศของสันติภาพทุกระดับเลย การเมืองยิ่งเจริญเท่าไร สันติภาพอันแท้จริงในโลกย่อมหายไปเท่านั้น
           ความซื่อตรงสูญหายไปจากโลก เพราะว่าการเมืองเป็นเรื่องตลบตะแลง ถ้าเราหายใจเป็นเรื่องการเมืองอยู่ตลอดวันตลอดคืน มันก็คือการย้อมความตลบตะแลงไปในจิตใจ สันติภาพในโลกก็มิได้เกิดขึ้น ลองพิจารณาดูเถิด สันติภาพในโลกนี้จะกลับมา หรือว่าสูญหายไป ก็ดูจาเรื่องการเมือง
           เดี๋ยวนี้เราก็มีเรื่องเสริมสวยสำหรับผู้หญิงสำหรับผู้ชาย แล้วมันไปตกหนักอยู่ทางผู้หญิง คือผู้หญิงถูกหลอกให้ลุ่มหลงในการเสริมสวย มุ่งหมายจะหลอกอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เพศตรงกันข้ามนั้นมาอยู่ในอำนาจของตัว เพื่อตัวจะได้ประโยชน์ มีความหลอกลวงอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นโสเภณีทางวิญญาณกันไปหมดทุกคน มีการทำเสริมสวยให้เกินกว่าธรรมชาติ ที่เนื้อที่ตัวตน
           ผู้หญิงทุกคนเป็นโสเภณีทางวิญญาณ เพราะว่าไปทำการเสริมสวยให้มันสวยกว่าที่จะแสดงออกไปตามธรรมชาติ หรือว่าสะอาดเรียบร้อยอะไรนั้นไม่ต้องการ ต้องการให้มันหลอกกันให้มากขึ้น
           เดี๋ยวนี้เขาก็ปิดบังร่างกายแต่น้อย เพื่อจะส่งเสริมการเสริมสวยนุ่งผ้า ปิดไม่ค่อยจะมิด อย่างนี้เรียกว่าสวย เรียกว่าเสริมให้มันสวยยิ่งขึ้นไปอีก นี่ความยั่วอย่างนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจเป็นโสเภณี โสเภณีทุกคนเขามุ่งจ้อง ที่จะล้วงกระเป๋าของผู้ที่ลุ่มหลงเขา ถ้าเป็นโดยตรงก็โสเภณีธรรมดา ถ้าอยู่ในจิตใจก็เป็นโสเภณีทางวิญญาณ
           การเสริมสวยก็ดี การอะไรเหล่านั้นก็ดี มันก็เป็นเรื่องทำให้สตรีเพศเป็นโสเภณีทางวิญญาณกันเต็มไปทั้งโลก แล้วเอาอย่างกัน เอาอย่างกัน แล้วใจคอมันปกติสุขได้อย่างไร มันไม่รู้ว่าอย่างไรควรละอายเสียแล้ว ในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า เครื่องนุ่งห่มนี้เพื่อจะปกปิดอวัยวะที่ทำให้เกิดความละอาย
          เดี๋ยวนี้โลกทางวัตถุมันมาก มากจนเหลือที่จะพูดได้แล้ว มันเกิดวินาศพังทลายทางศีลธรรม ทางจิต ทางวิญญาณ จนเขาตั้งใจจะแก้กฎเกณฑ์ระเบียบศีลธรรมต่าง ๆ เสียใหม่ เช่นว่าอย่างนี้ไม่ผิด กาเมสุมิจฉาจาร ทำลามกอนาจาร อย่างนี้ไม่ผิดอะไร ไม่เป็นที่น่ารังเกียจติเตียนอะไร นี่กำลังจะแก้กฎศีลธรรมกันอย่างนี้ เพราะว่าวัตถุธรรมมันเจริญ ยึดเอาจิตใจของคนไว้ทั้งหมด
          ระบบการตามใจตัวกำลังครอบงำโลก ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในอะไรต่าง ๆ ออกไป ๆ ก็เป็นเรื่องมีลักษณะแห่งการตามใจตัวมากขึ้น ไม่ได้คำนึงถึงธรรมะ ไม่คำนึงถึงความอดกลั้นอดทน ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอะไรไม่มี
          เอาละสรุปเสียทีว่า แม้ที่สุดแต่วิวัฒนาการแห่งการทำบุญให้ทานนี้ ก็ระวังให้ดี การทำบุญให้ทานนี้เป็นคำกว้าง มีมาแล้วตั้งแต่สมัยแรก ๆ ที่มนุษย์รู้จักทำความดี แล้วมันก็วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ คือมากขึ้น กว้างขวางขึ้นสูงขึ้น อะไรขึ้น นี้เรียกว่าวิวัฒนาการในการทำบุญให้ทาน
          ฉะนั้นทำบุญให้ทานก็ทำไปในฐานะบำรุงศาสนา ส่วนที่เป็นเปลือกนอก เป็นที่ตั้ง เป็นอะไรก็ตามใจ แต่ว่าต้องมีส่วนที่สูงกว่านั้น หรือเนื้อในที่ทำไปให้ได้มีผลสูงสุด แล้วอย่าลืมว่า ทุกอย่างต้องมีทั้งเปลือกและทั้งเนื้อใน ฉะนั้นไม้ได้แนะนำให้ทำลายเปลือก หรือว่าเลิกการบำรุงที่เปลือกไม่มีอะไรจะอยู่ได้โดยไม่มีเปลือก ผลไม้มันก็อยู่ไม่ได้โดยไม่มีเปลือก ข้าวแกงกับมันก็อยู่ไม่ได้โดยไม่มีภาชนะกะโหลกกะลาอะไรจะใส่ มันต้องมีพร้อมกันทั้งเปลือก และทั้งเนื้อใน เดี๋ยวนี้วิวัฒนาการทางเปลือกมันมากเกินไป ทางเนื้อในมันก็ถูกละเลยเสีย
          ดูจะพอกันแล้ว หรือเกินไปแล้ว อาตมาก็ถือโอกาสพูด ไหน ๆก็พูดแล้ว ก็พูดเสียคราวเดียวให้หมดทุกเรื่อง ว่าวิวัฒนาการทั้งหลายที่ปราศจากการควบคุมของธรรมะแล้ว ล้วนแต่ทำความวินาศทั้งนั้น วิวัฒนาการชนิดไหนก็ตาม ถ้าปราศจากการควบคุมของธรรมแล้ว ทำความวินาศทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าไปบูชาสิ่งที่เรียกว่า วิวัฒนาการอย่างหลับหูหลับตา เหมือนคนรุ่นหลังคนยุคนี้ได้ยินแต่คำว่าวิวัฒนาการ ก็เห่อกันลุ่มหลงกัน วิวัฒนาการเมื่อปราศจากธรรมค้อมครองแล้ว ก็คือความวินาศ
           ฉะนั้นวิวัฒนาการถ้าปราศจากธรรมะคุ้มครองแล้วย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายโดยส่วนเดียว เพื่อความวินาศโดยส่วนเดียว

[นาย ประทีป วัฒนสิทธิ์]

สวัสดียายธี เป็นกำลังใจมากครับ