นรก สวรรค์ มีจริงหรือ

มนุษย์สามารถเลือกเกิดเองได้

นรก สวรรค์มีจริงหรือ

คงเคยได้ยิน คำว่า "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" ซึ่งเป็นคำที่สะท้อนให้เห็นว่า นรก สวรรค์ เป็นเพียงคำพูดลอยๆ ไม่เห็นเป็นรูปธรรมจริงๆ ลองมาวิเคราะห์คำว่า อก กับ คำว่าใจ ซึ่งน่าจะมีความหมายว่า จิตใจ

มีคำกล่าวว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว อันนี้ตรงกับหลักพระอภิธรรมเลยที่เดียวในเรื่องของ จิต เจตสิก ที่กล่าวว่า "การงานทั้งหลายที่ดีและไม่ดีสำเร็จได้ด้วยใจ" ใจเป็นผู้สั่ง กายเป็นผู้ทำตาม หากทำดีก็จะได้ไปสวรรค หากทำชั่วก็จะไปลงนรก

พอมาถึงตรงนี้ ก็จะถามว่า นรก สรรค์ มีจริงหรือ แน่ละผู้เขียนก็ไม่เคยไปเที่ยวสักครั้ง ถามพรรคพวกเพื่อนฝูงว่ามีใครเคยไปเที่ยวมาหรือยัง ทุกคนตอบว่ายังไม่เคยไป ที่นี้แล้วจะเชื่อได้อย่างไร ว่านรก สวรรค์ มีจริง

ในพระอภิธรรม ซึ่งเป็นปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ทรงแสดงในภูมิจตุกกะ (ภูมิ ๔) ว่าภูมิทั้ง ๔ นั้นมีลักษณะอย่างไร กระทำกรรมอะไรจึงได้ไปเกิดในภูมินั้นๆ ซึ่ง มนุษย์สามารถเลือกที่เกิดเองได้ โดยการเลือกกระทำกรรม เพื่อให้ไปเกิดในภูมิที่ต้องการ เช่นต้องการไปเกิดบนสวรรค์ มี ๒๖ ชั้น ก็เลือกทำกรรมที่ดีมีกุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นต้น แต่หากต้องการไปเกิดในอบายภูมิ มีภูมินรกเป็นต้นซึ่งมีนรกถึง ๘ ขุมใหญ่และนรกขุมเล็กที่เป็นบริวารอีกนับเป็นร้อยกว่าขุม ก็เลือกทำกรรมที่เป็นอกุศลกรรมบถ ๑๐ แต่ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าทุกคนไม่ต้องการไปเกิดในอบายภูมิเป็นแน่แท้ ทุกคนต้องการไปเกิดในภูมิที่ดีมีแต่ความสุข นั้นคือสวรรค์ ๒๖ ชั้น แต่หากมีผู้ปรารถนาที่จะไม่ไปเกิดในภูมิทั้ง ๔ ก็สามารถทำได้ด้วยการเจริญวิปัสสนาจนเกิดปัญญาญาณบรรลุเป็นอรหัตตบุคคล ก็ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภพภูมิ (อบาย ๔ มนุสส ๑ สวรรค์ ๒๖) อีกต่อไป

ฉะนั้น นรก สวรรค์ จะต้องมีจริงอย่างแน่นอนเพราะมีหลักฐานแสดงไว้ในพระไตรปิฎกหาใช่เป็นเรื่องหลอกเด็กแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้นมนุษย์สามารถเลือกที่เกิดเองได้โดยเลือกกระทำแต่กรรมที่ดี สวรรค์ก็อยู่ไม่ไกล

ในภูมิจตุกกะ  มีภูมิ ทั้งหมด ๔ ภูมิ (นับรวมได้ ๓๑ ภพภูมิ) คือ

๑. อบายภูมิ มี ๔ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน

๒. กามสุคติภูมิ  มี ๗ ได้แก่ มนุสสภูมิ ๑ เทวดา ๖

๓. รูปภูมิ มี ๑๖ ชั้น

๔. อรูปภูมิ มี ๔ ชั้น

[โสภณ เปียสนิท]

เชื่อว่ามีจริง

ด้วยการค่อยๆ ฝึกสมาธิ

เป็นประจำ นานเข้าย่อมเกิดความเชื่อมากขึ้น

[กาลเวลา]

นรก สวรรค์ ไม่ใช่เรื่องงมงาย

อย่างที่อาจารย์ว่าด้วยการค่อยๆ ฝึกสมาธิ เป็นประจำ เมื่อนานๆ เข้า

จิตย่อมมีพลัง เมื่อจิตมีพลังย่อมมีอนุภาพมาก