จาก....รอยไหม.....ไปสู่...รอยฝ้าย (2) ความทุกข์ใจของชาวบ้านหลวง


........จากดินแดนแห่งรอยไหม......ไปสู่ดินแดนแห่ง....รอยฝ้าย ลายงามน้ำไหล เมืองน่าน........... บ้านหลวง

จากแดนอิสานบ้านเกิดเมืองนอน......

มาเล่นละครบทชีวิตใหม่........

จากดินแดนแห่งรอยไหม......ไปสู่ดินแดนแห่ง....รอยฝ้าย ลายงามน้ำไหล เมืองน่าน...........   บ้านหลวง

อ. บ้านหลวง เป็นดินแดนแอ่งกระทะ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขา  ภูมิประเทศค่อนข้างปิด ข่าวสารต่างๆ จึงแพร่กระจายได้เร็วมาก  โดยเฉพาะโรคภัยไข้เจ็บ มีแนวโน้มที่จะเกิดความเชื่อตามกัน

อ. บ้านหลวง มี 4 ตำบล ประชากรประมาณ 12,000 คน

มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดีสูงที่สุดใน จ. น่าน เฉลี่ย 36 ราย/ปี และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง

       นับเป็นปัญหาที่สำคัญ........เพราะชาวบ้านต้องพบกับความสูญเสีย  ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วโรคนี้สามารถรักษาได้ถ้าพบตั้งแต่ระยะแรกๆ และมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอย่างเพียงพอ  โดยการผ่าตัด.......และอาจรักษาร่วมกับวิธีอื่นๆ ได้

     แต่เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม  โรงพยาบาลขนาด 30 เตียง ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำการรักษาโรคนี้ได้ 

การเดินทางออกจากชุมชนเพื่อไปรักษาในเมือง ที่ตัวจังหวัดหรือบางครั้งอาจไปไกลถึงเชียงใหม่ (ถ้าต้องผ่าตัด)  นับเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับชาวบ้าน

เคยมีผู้ป่วยที่ออกไปรักษา...ผู้ป่วย 1 คน ต้องมีญาติอย่างน้อย 1 คน ที่คอยดูแล

ช่วงที่รอ...ต้องขอกลับบ้านเพราะปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย..........  แม้ว่าระบบบัตรประกันสุขภาพจะช่วยให้ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล 

แต่ญาติต้องเสียค่าใช่จ่ายอย่างอื่น........โดยเฉพาะค่าอาหาร  ที่อย่างน้อย มื้อละ 40 บาท ..........ไม่อิ่ม...........หากจะกินให้อิ่มต้องจ่ายมากกว่านั้น............ไม่มีเงิน

สุดท้ายต้องกลับมาบ้านหลวง.......โรคเริ่มลุกลาม.........รักษาตามอาการ ทั้งๆ ที่โอกาสอยู่แค่เอื้อม

     นี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้โรคนี้น่ากลัวในความเชื่อของชาวบ้าน.......โรคลุกลามเร็ว....  ...ตาย.....

จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า โรคนี้เป็นแล้วไม่หาย....ตายอย่างเดียว

 

ดังนั้น...จึงกลัวการเป็นโรค.......ไม่อยากตรวจเพราะกลัวเจอโรค  

        กลัวกระทั่งว่า....เมื่อถึงคิวตรวจอัลตราซาวด์....แลกคิวให้คนอื่นมาตรวจแทน  หรือบางคนไม่มาตรวจเลย.....

         ไม่รักษา......เพราะคิดว่ารักษาไม่หาย

ส่งผลให้อัตราการตายสูง...... ยิ่งเกิดความกลัว....ยิ่งไม่รักษา  เกิดวงจรต่อเนื่องเรื่อยไป

บางคน..... 

         กลัวการเป็นโรค.......แม้กระทั่ง  เห็นคุณหมอพิมพ์ผลการตรวจของตนเองที่ยาวกว่าของเพื่อน....ร้องไห้....

                 เปลี่ยนเตียงตรวจ   เปลี่ยนเครื่องตรวจ.......กังวลมาก......คิดว่าตัวเองเป็นโรค  หมอจึงเปลี่ยนเครื่อง......

ฟังดูน่าขำ.........แต่ถ้าเราอยู่ตรงนั้น.........เราจะขำออกหรือไม่

        ดังนั้น บุคลากรที่ รพ.บ้านหลวง จึงต้องใช้หลักจิตวิทยาเป็นอย่างมากในการพูดคุย  อธิบายกับชาวบ้านหลวง

       วันที่พวกเราไป......บุคลากรจึงมีความสนใจที่จะมารับฟังข้อมูล ซักถาม.......เพื่อนำไปพูดคุยกับชาวบ้าน.........นับเป็นการเสริมพลังอำนาจให้กับบุคลากรอีกวิธีหนึ่ง

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคนี้ในชาวบ้านหลวง....เกิดจากอะไรกันแน่...ยังต้องรอการพิสูจน์....ว่าจะคล้ายกับของชาวอืสานหรือไม่....

        ชาวอิสานที่เป็นโรคนี้มักชอบกินปลา(มีเกล็ด)ดิบ โดยเฉพาะประเภทหมัก ปลาส้ม ปลาจ่อม ปลาร้าดิบ (มีสารก่อโรคมะเร็ง) มีความสัมพันธ์กับพยาธิใบไม้ตับคือตรวจพบไข่พยาธิในอุจาระ  ตรวจพบตัวพยาธิใบไม้ตับในตับ ระบบทางเดินน้ำดี

แต่จากที่เคยมีการศึกษาที่ รพ.มหาราช เชียงใหม่ในเชิงระบาดวิทยาของโรคนี้ (อ.สุมิตรา ทองประเสริฐ) พบว่า 

          ไม่พบความสัมพันธ์ของพยาธิใบไม้ตับกับการเกิดโรค เพราะตรวจพบไข่พยาธิเพียง 1 ราย

         ไม่พบความสัมพันธ์ของการกินอาหารกับการเกิดโรค

           แล้วสาเหตุการเกิดโรคนี้ในชาวบ้านหลวงละ  เกิดจากอะไร........

เบื้องต้นจากการพูดคุย....พบว่า ชาวบ้านมีพฤติกรรมการกินปลาสับดิบๆ คือ นำปลามาสับให้ละเอียด หมักไว้ 2-3 วัน แล้วจึงนำมากิน(ไม่แน่ใจว่าปลาอะไร).....นี่เป็นเหตุส่วนหนึ่งหรือไม่...

แต่มีที่แตกต่างคือ  ชาวอิสานอุบัติการณ์เกิด พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

ส่วนชาวบ้านหลวง  พบการเกิดโรคในผู้หญิงพอๆ กับผู้ชาย บางครั้งอาจมากกว่า

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

หมายเลขบันทึก: 466121เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2011 23:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2013 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

-ชาวเหนือชอบกินลาบดิบนะครับ เช่น ลาบปลาดิบ ปลาส้มดิบ ก้อยปลา ก้อยกุ้ง ลาบหมูดิบ ลาบควาย หลู้เลือดดิบ หส้าดิบ และอาจจะรวมถึงปลาร้าดิบด้วย เป็นต้น..... วัฒนธรรมการกินจะคล้ายภาคอีสานบ้านเฮามากๆ เลยอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคแบบเดียวกับที่ชาวอีสานเป็นกัน

-ผมเคยถามชาวเหนือว่า ทำไมถึงชอบกินลาบดิบ เขาก็บอกว่า ชอบและอร่อยดี ผมถามเขาว่า ไม่กลัวเป็นโรคเหรอ....เขาก็บอกว่า กลัวเหมือนกัน แต่ว่าเลิกกินไม่ได้ ไม่ได้กินแล้วใจจะขาด....วาจังซั่น!

-สำหรับผม ผมไม่กินของสุกๆ ดิบๆ นะครับ แต่เลือกที่จะกิน "ของเป็นๆ" แทน 555555555555555555

นี่ก็ใกล้กำหนดตรวจสุขภาพประจำปี

กลัวเหมือนกัลลลล  แฮะ

สวัสดีค่ะน้องติกน้ำ

น่าคิด น่าสนใจค่ะเรื่องนี้

เด็กๆพี่เคยกินปลาดิบนะ กลัวๆแล้วหละ

ชื่นชมค่ะมีการสื่อสาร เปิดใจคุยกัน

น่าติดตามค่ะ

Ico48

แต่เลือกที่จะกิน "ของเป็นๆ" แทน

ของชอบ ของทุกคน ๕๕๕๕

 

วัฒนธรรมการกินดิบ

แถวอิสานเริ่มดีขึ้นแล้วนะคะ

เท่าที่คุยกับชาวบ้านหลวง ก็เริ่มปรับแล้วเหมือนกัน

น่าสนใจศึกษา สาเหตุของการเกิดโรคที่เหนือนะคะ

พี่เขี้ยว

Ico48

ติกก็กลัวคะ

กลัว Chronic broken heart disease  อิ อิ

สวัสดีค่ะ

Ico64

 การที่คนตายเฉลี่ย 36 ราย/ปี เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว...ความตายจากโรคมะเร็งตับและท่อทางเดินน้ำดี...คนกลัวเพราะไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค...และมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาโรค...เป็นเรื่องน่าคิด น่าสนใจ...และน่ากลัว...ที่ไม่มีการศึกษาว่าสาเหตุของการเกิดโรคนี้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร...การส่งต่อผู้ป่วยยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำการรักษาโรคน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี...หลายสถาบันที่มีชื่อเสียงในการรักษาโรคมะเร็งน่าจะเข้าไปศึกษาถึงสาเหตุของการเกิดโรค...ขอเป็นกำลังใจให้พบสาเหตุของการเกิดโรคโดยเร็วนะคะ...

โยมพ่อเป็นมะเร็งสำใส้ระยะที่สาม หมอให้คีโม ติดรำใส้ทิ้ง แนะนำให้บำบัด้วยสมาธิ และเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ทำให้ท่านไม่ตาย ตอนนี้บวชอยู่ที่วัไ้ ๓ พรรษาแล้ว

ผมไม่เคยตรวจสุขภาพประจำปีเลย...ไม่รู้กลัวอะไร...

โตมากับสายน้ำ ไม่กินดิบ แต่ก็กลัว...กลัวทุกเรื่อง...

ขอบคุณคะ

Ico48

เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา เริ่มมีหน่วยงานเข้ามาดูแลแล้ว จะกล่าวถึงในบันทึกต่อไปคะ

ส่วนเรื่องการค้นหาสาเหตุ เป็นประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง อาจารย์ผู้นำทีมกำลังดำเนินการพิจารณาอยู่คะ

นมัสการพระคุณเจ้า

Ico48

ในทางการแพทย์ พยาบาล ก็นำหลักธรรม มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยเหมือนกันคะ

เป็นการดูแลแบบผสมผสาน.........ช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย สงบ ไม่ทุกข์ทรมาน

 

Ico48

ที่โรงพยาบาลมีนโยบายให้บุคลากรทุกคนตรวจสุขภาพประจำปี คะ

แต่ก็มีบางท่าน ที่โดด การตรวจ ไม่ทราบเหมือนกันว่ากลัวอะไร เหมือนอย่างที่อาจารย์บอก........

บางทีก็อาจมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก มั้งคะ (เหมือนที่พี่เคยคิด)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท