ชายผู้หนึ่งมีบุตรสองคน บุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า “คุณพ่อครับ ได้โปรดให้ทรัพย์สมบัติส่วนที่เป็นมรดกของลูกแก่ลูกเถิด” บิดาก็แบ่งทรัพย์สมบัติให้แก่ลูกทั้งสองคน ต่อมาไม่นาน บุตรคนเล็กได้รวบรวมทุกสิ่งที่มี แล้วออกเดินทางไปยังประเทศห่างไกลที่นั่นเขาได้ประพฤติเสเพล เที่ยวหญิง ผลาญเงินทองที่บิดาได้ให้มาจนหมดสิ้น เมื่อเขาผลาญเงินหมดแล้ว บังเอิญประเทศนั้นเกิดความอดอยากครั้งใหญ่ และเขาเริ่มขาดแคลน บรรดาเพื่อนๆ ของเขาก็ปฏิเสธเขากันหมด เขาจึงไปรับจ้างอยู่กับชาวไร่คนหนึ่งในเมืองนั้น ซึ่งใช้เขาไปเลี้ยงหมูในไร่ เขาอยากกินฝักถั่วที่นำมาให้หมูกิน เพื่อระงับความหิว แต่ไม่มีใครให้ เขาจึงรู้สำนึกและคิดว่า “คนใช้หลายคนของพ่อยังมีอาหารกินอย่างอุดมสมบูรณ์ ส่วนฉันอยู่ที่นี่อดอยากหิวจะตายอยู่แล้ว! ฉันจะกลับไปหาพ่อ” แล้วเขาก็เดินทางกลับบ้านไปหาบิดา ขณะที่บุตรคนเล็กยังอยู่แต่ไกล บิดามองเห็นเขาจึงวิ่งไปสวมกอดและจูบบุตรชาย ด้วยความรู้สึกสงสาร บุตรจึงกล่าวแต่บิดาว่า “คุณพ่อครับ ลูกได้ทำบาป ทำผิดต่อคุณพ่อลูกไม่สมควรได้ชื่อว่าเป็นลูกของคุณพ่ออีกต่อไป ลูกมาของานทำได้โปรดถือว่าลูกเป็นคนใช้คนหนึ่งของคุณพ่อเถิด” แต่ผู้เป็นบิดาหันไปบอกกับคนใช้ว่า “เร็วเข้า! จงไปเอาเสื้อสวยที่สุดมาสวมให้ลูกเรา เอาแหวนมาสวมนิ้ว เอารองเท้ามาใส่ให้ จงเอาลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วไปฆ่า แล้วจัดงานเลี้ยงฉลองกันเถิด เพราะลูกของเราผู้นี้ตายไปแล้วได้กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก” แล้วการฉลองก็เริ่มขึ้น ส่วนบุตรคนโตอยู่ในทุ่งนา เมื่อกลับมาใกล้บ้าน ได้ยินเสียงดนตรีและการร้องรำ จึงเรียกคนใช้คนหนึ่งมาถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนใช้ได้บอกเขาว่า “น้องชายของท่านกลับมาแล้ว บิดาได้สั่งให้ฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้ว เพราะเขาได้ลูกที่สุขสบายกลับคืนมา” บุตรคนโตรู้สึกโกรธบิดาของเขามาก ไม่ยอมเข้าไปในบ้าน บิดาจึงได้ออกมาขอร้องให้เข้าไปแต่เขาตอบบิดาว่า “ลูกได้รับใช้คุณพ่อมานานหลายปี แล้วไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่งของคุณพ่อเลย คุณพ่อก็ไม่เคยให้ ลูกแพะแม้แต่ตัวเดียวแก่ลูกเพื่อเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่พอลูกคนนี้ของคุณพ่อกลับมา เขาได้คบหญิงเสเพล ผลาญทรัพย์สมบัติของคุณพ่อจนหมด คุณพ่อยังฆ่าลูกวัวที่ขุนอ้วนแล้วให้เขาด้วย” บิดากล่าวว่า “ลูกเอ๋ย ลูกอยู่กับพ่อเสมอมาทุกสิ่งที่พ่อมีก็เป็นของลูก แต่ในวันนี้จำเป็นต้องเลี้ยงฉลองและชื่นชมยินดีเพราะน้องชายคนนี้ของลูกเหมือนตายไปแล้ว ได้กลับมีชีวิตอีก หายไปแล้ว ได้พบกันอีก ลูกสมควรที่จะเข้าไปในงานเพื่อแสดงความยินดีกับน้องชายของลูก”
เราอาจจะเป็นทั้งลูกคนเล็กและคนโตในตัวคนเดียวกัน สถานะภาพของลูกทั้งสองคนนี้ ลูกคนเล็กได้รับการอภัย แต่คนพี่กับไม่เห็นด้วยกับการอภัย ธรรมชาติเรามนุษย์ก็จะเป็นอย่างนี้แหละ เราอาจรู้สึกท้อ หรืออาจน้อยใจที่พยายามทำดีแล้วแต่ไม่มีใครเห็น ส่วนคนที่อาจทำไม่ดีในสายตาเรากลับได้รับการยกย่อง จนทำให้เรา บางครั้งไม่อยากให้อภัยกัน ความรู้สึกแบบนี้เป็นธรรมชาติเรามนุษย์ที่ต้องถูกแก้ไข และมันก็เป็นการแก้ไขที่ต้องใช้ต้นทุนสูงมากทีเดียว
สวัสดีครับ ผมแวะเข้ามาอ่านดูเพราะอยากรู้ว่าจะจบลงอย่างไร ?
- เขาว่าพ่อแม่มักจะรักลูกไม่เท่ากัน พ่อแม่ทุกคนมักจะรู้เองในความเป็นจริง แต่ถ้าอยากจะเถียงหรือปฎิเสธก็ไม่ว่ากัน
ความจริงจะปรากฎตอนที่แบ่งสมบัติ หรือตอนที่กำลังดูแลกันอยู่ เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นได้ทุกครอบครัว แล้วแต่ใครจะดำเนินการ
อย่างไรกับลูกหลานตัวเอง.และในที่สุดมักจะได้สิ่งนั้นๆตอบแทน
- แต่ละครอบครัวอาจจะมีลูกดีหรือไม่ดีคนละแบบ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นลูกของเรา ควรอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ดีและที่ถูกต้อง ปลูก
ฝังไปเรื่อยๆ พอสิ้นบุญเราแล้วเขาเหล่านั้นจะได้พบแต่สิ่งดีดีที่เรามอบให้ นอกจาก..คนที่พยายามออกนอกคอก..
- ผู้อ่านเองก็รักลูกเหมือนกัน แต่อาจจะปฎิบัติต่อลูกไม่เหมือนครอบครัวอื่นๆ แม้จะเป็นลูกชายคนเดียว เหล้า บุหรี่ไม่แตะ ทำ
งานอย่างเดียว ไปเที่ยวกับเพื่อนไม่บ่อยนัก. อยากได้ของราคาแพงผมออกให้ก่อน แต่ต้องใช้คืน เพราะจะทำให้เขารู้สึกมีส่วน
ในของนั้นๆ ถ้าได้มาเปล่ๆจะทำให้ไม่รักของ เช่นซื้อคอมฯ๑ชุด ผมออกและให้เขาผ่อนคืน รถมอเตอร์ไซค์ผมออกบางส่วนให้
เขาออกบางส่วน ทุกอย่างผ่อนหมดและเขาก็รักษาเป็นอย่างดี..เพราะรู้ว่าเป็นเงินตัวเองด้วย..
- เด็กสมัยนี้เป็นคนละสมัยกับเรา หลายๆอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแต่เราควรปรามเขาไว้มิให้เตลิดไปมากกว่านี้ ทุกวันนี้เขา
อยากขับรถคันใหม่ๆตามสมัย แฟนผมบอกว่าหนูรู้ไหมว่ากว่าป๋าจะมีรถขับเอง ปาเข้าไปครึ่งชีวิต แต่หนูอายุยังน้อยก็มีรถขับเอง
แล้ว อย่าทะเยอทะยานนัก รถแพงๆไปถึงไหนรถป๋าก็ไปถึงเหมือนกัน และขับแบบไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินใครในแต่ละเดือน เขา
ฟังและก็เข้าใจดี ผมยังปลูกฝังให้เขารักษารถโดยบอกว่าถ้าป๋าตาย ก็จะเป็นของหนู เดี๋ยวนี้ผมให้เขาขับไปไหนมาไหนได้โดย
ไม่กังวลใดใด เพราะเขาไปทำใบขับขี่มาเองแล้ว ถ้าผมนั่งไปด้วยผมยังคอยเตือนและสอนเขาเสมอๆ เพราะถึงจะโตแล้วแต่ยัง
ขาดประสบการณ์อยู่ดี.ใครมีลูกหลานอย่าลืมสอนเขาบ้างจะได้ไม่เกิดเรื่อง หรืออุบัติเหตุใดใดให้เราต้องปวดสมองกันเปล่าๆ.
สวัสดีอีกครั้ง
โตนี่ - ฟาง.
๒๓ ต.ค. ๕๔