Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

ตอบคุณ supaporn เรื่องการใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ที่เกิดในประเทศไทยจากบิดาตามกฎหมายสัญชาติสิงคโปร์


บันทึกเพื่อตอบปัญหากฎหมายของประชาชนเกี่ยวกับสิทธิในสถานะบุคคลตามกฎหมาย โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔

คำถาม

คุณ supaporn เข้ามาใน

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/259492

เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๒๐.๔๓ น. โดยมีใจความว่า

สวัสดีค่ะ อยากรบกวนถามเรื่องลูกค่ะ ดิฉันได้จดทะเบียนสมรสกับชาวสิงคโปร์มีลูกด้วยกันหนึ่งคน คลอดที่เมืองไทยค่ะตอนนี้ลูกอายุ ๑๑ เดือน ทางสามีจะขอหย่ากับดิฉันและจะขอลูกไปอยู่สิงคโปร์โดยที่ดิฉันไม่ได้มีความผิดใดๆ (พ่อกับแม่สามีบังคับให้หย่าค่ะ)  ดิฉันไม่อยากให้ลูกไปอยู่สิงคโปร์ อยากให้ลูกอยู่กับดิฉันที่เมืองไทยค่ะ แต่ทางสามีจะให้ทำสิงคโปร์พาสปอร์ตด้วย ดิฉันกลัวว่าสามีจะหาทางพาลูกไป โดยที่ดิฉันไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายอ่ะค่ะ ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ (๑) ถ้าลูกมีสิงคโปพาสปอร์แล้วเค้าจะสามารถพาลูกไปอยู่สิงคโปร์โดยที่ดิฉันไม่ยินยอมได้มั้ยคะ (กลัวแอบพาลูกไปค่ะ) (๒) ถ้าดิฉันไม่ให้ลูกไปตอนนี้แต่จะให้เค้าไปเรียนตอนโตจะได้มั้ยคะ (๓) ถ้าลูกทำสิงคโปร์พาสปอร์ตแล้วเท่ากับว่าลูกได้สองสัญชาติรึป่าวคะ (๔) ถ้าหากดิฉันไม่ให้ลูกไปแล้ว เค้าจะฟ้องดิฉันได้มั้ยคะ (ในกรณีลูกถือสองสัญชาติแล้ว) ขอรบกวนด้วยนะคะตอนนี้เครียดมากๆ เลยค่ะ... ขอบคุณค่ะ

นอกจากนั้น คุณ supaporn ยังได้ให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุตรว่า “บุตรเกิดที่เมืองไทยค่ะ แจ้งเกิดที่ในทะเบียนราษฎรไทยค่ะ เกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ ค่ะ

--------

คำตอบ

--------

          อ.แหววตอบคำถามของคุณ supaporn เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๔ เวลา ๒๑.๑๙ น. ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/259492 ดังนี้

“ในประการแรก บุตรของคุณย่อมมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากมารดาโดยผลของมาตรา ๗ (๑) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขและเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ และมีสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิดโดยหลักดินแดน และเมื่อมีการรับรองชื่อบุตรในทะเบียนบ้านประเภทคนอยู่ถาวรตามกฎหมายการทะเบียนราษฎรไทย บุตรก็ย่อมมีสถานะบุคคลตามกฎหมายเป็น "คนสัญชาติไทย (thai national)" ในสายตาของรัฐไทย

ในประการที่สอง บุตรก็ "น่าจะ" มีสิทธิในสัญชาติสิงคโปร์โดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดา "อันนี้ต้องไปตรวจสอบกฎหมายสัญชาติสิงค์โปร์อีกทีนะคะ" หากบุตรมีสิทธินี้ การรับรองสิทธิของรัฐสิงคโปร์ก็อาจทำได้โดยบิดาสัญชาติสิงคโปร์โดยการแจ้งบันทึกชื่อในทะเบียนราษฎรสิงคโปร์ และเมื่อมีการรับรองสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรสิงคโปร์แล้ว  บิดาก็อาจร้องขอให้บุตรมีหนังสือเดินทางสิงคโปร์ได้ค่ะ

ในประการที่สาม การนำเด็กไปอยู่สิงคโปร์โดยมารดาไม่ยินยอมไม่อาจทำได้ บิดาตามกฎหมายและมารดาย่อมมีอำนาจปกครองบุตรเท่าๆ กัน แต่การแอบเอาไป ก็เป็นเรื่องที่คุณต้องระวังเอง กฎหมายช่วยไม่ได้ค่ะ

ในประการที่สี่  "ถ้าดิฉันไม่ให้ลูกไปตอนนี้แต่จะให้เค้าไปเรียนตอนโตจะได้มั้ยคะ" อันนี้ สามีภริยาต้องคุยกันเองค่ะ

ในประการที่ห้า "ถ้าลูกทำสิงคโปร์พาสปอร์แล้วเท่ากับว่าลูกได้สองสัญชาติรึป่าวคะ" ในวันนี้ บุตรก็น่าจะมีสองสัญชาติแล้วค่ะ แต่อาจยังไม่ได้ใช้สิทธิในสัญชาติที่สอง ก็คือ สัญชาติสิงค์โปร์ มีการแจ้งเกิดบุตรในทะเบียนราษฎรสิงค์โปร์หรือไม่คะ

ในประการที่หก "ถ้าหากดิฉันไม่ให้ลูกไปแล้วเค้าจะฟ้องดิฉันได้มั้ยคะ(ในกรณีลูกถือสองสัญชาติแล้ว)"  การฟ้องแย่งอำนาจปกครองบุตรนั้นไม่เกี่ยวกับการมีสัญชาติเดียวหรือสองสัญชาติค่ะ เมื่อหย่ากันแล้ว ก็ต้องตกลงว่า ใครจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ถ้าตกลงไม่ได้ ก็ไม่ควรหย่า แต่ถ้าจะหย่า ก็ต้องระบุเรื่องการจัดการบุตรในหนังสือรับรองการหย่านะคะ

ถ้าเราไม่มีความผิดอะไร ก็อย่าไปยอมหย่าซิคะ หรือถ้าจะยอมหย่า ก็ต้องเรียกร้องอำนาจการดูแลบุตรและค่าเลี้ยงดูให้เพียงพอ

หมายเลขบันทึก: 464778เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2011 22:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 20:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ค่ะเข้าใจแล้วค่ะขอขอบคุณ อ.แหววมากๆค่ะ^^

ยินดีค่ะ

มีอะไรก็หารือมานะคะ

<p>อาจารย์ที่เคารพ ครั้งที่ 2 ของผมที่เขียนถึงอาจารย์นะครับ คือเรื่องที่ผมได้เขียนหาอาจารย์คร้งแรกผมก็ได้บอกกับอาจารย์ว่า ผมมีสายโลหิตตามแม่ และ อาจารย์ก็ได้ตอบกลับมาหาผมแล้วอาจารย์ถามผมมาว่า เลขบัตรที่ญาติของแม่ผมเริ่มต้นด้วยเลขอะไรใช่ไหมครับคือญาติของแม่ผมนั้นเป็นคนไทยแล้วก็เป็น ครูสอนอยู่ที่โรงเรียนของรัฐในอำเภอแม่สอด 1 คน ที่โรงพยาบาลก็มีแล้วก็อยู่ที่หน่วยองกรเอกชนด้วย ผมไม่รู้ว่า เป็นเลขอะไรเพราะบ้านของทางญาติแม่ผมไม่กล้าที่จะเข้าไปหาเพราะว่าญาติทางแม่นั้นไม่ค่อยที่จะพูดคุยด้วยครับ เรื่องของเรื่องที่ผมได้ไปถามแม่แล้วได้เรื่องอย่างนี้ว่าแม่ของ คนทั้ง 3 คนที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นพี่สาวของพ่อของแม่ผม แม่ของเขานั้นก็เป็นอาของแม่ผม (ดังนั้น แม่กับ เขาทั้ง 3 คนก็ต้องเกี่ยวข้องเป็น ลูกพี่ลูกน้อง) เรื่องที่แม่ไม่ได้เป็นคนไทยก็คือ สมัยก่อนคนไทยเคยอพยพไปอยู่ที่ประเทศพม่าตั้งเป็นหมู่บ้านคนไทยที่ประเทศพม่า ครอบครัวของปู่ก็เคยอพยพไปอยู่ที่นั่นแล้วช่วยกันทำมาหากินมีที่บ้านเป็นของตัวเอง หลังจากนั้นก็ต่อมาประเทศไทยก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆครอบครัวของปู่ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยแต่ปู่ไม่ยอมกลับมาอยู่เพราะว่าปู่ได้แต่งงานแล้วหลังจากแต่งงานแล้วปู่ก็ได้แวะมาเที่ยวหาพาอแม่ของปู่และได้พาแฟนปู่มาเยียมเที่ยวหากันบ่อยๆ แต่ ปู่ก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทยเพียงแต่มาเที่ยวหากันเท่านั้นหลังจากนั้นได้เกิดแม่และพี่น้องร่วมแม่มีทั้งหมด 4 คนด้วยกันตอนที่แม่เกิดก็มาเกิดที่ประเทศไทยหรือเปล่านนั้นผมยังไม่ได้ถามนะครับ ก็เลยไม่แน่ใจเดียวจะผิดเล่าเรื่อง

หลังจากแม่เกิดมาแล้่วทางพี่สาวของปู่ก็ได้เกิด ลูกเหมือนกันก็คือ คน 3 คนที่บอกไปเมือต้นเรื่องนั่นเองครับ แม่ก็เคยได้อยู่ด้วยกันที่บ้านของลูกพี่ลูกน้องนี้แหละครับ จนโตเป็นสาวแม่ก็ได้แต่งงานโดยย่าบังคับแต่งงานกับคนพม่า ก็คือพ่อของผมทั้งพ่อและแม่ของผม

ก็ได้อยู่ที่บ้านประเทศไทยนี้แหละครับช่วยกันทำงานแม่ก็ช้วยกันทำงานที่นี่บ้างที่โน้นบ้างพ่อก็ไปๆมาๆเพราะว่าพ่อทำการค้าขายหลังจากนั้นก็ เกิด พี่ชายผม พี่สาวผม และผม แม่บอกว่ากลับไปเกิดที่ประเทศพม่าเพราะว่าแม่บอกว่า ค่ายา ค่า รักษาอะไรๆมันถูกกว่าที่ประเทศไทย ผมเกิด ค.ศ 1984 เท่ากับ พ.ศ 2527 ผมอายุได้ 4 ปี พ่อก็เสียชีวิต หลังจากนั้นแม่ก็ได้พาผมเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย

เมือปี พ.ศ 2533 หรือ 2532ประมาณนั้น ครับ ผมก็ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดในประเทศไทยตอนนั้นแม่ก็ไม่รู้หนังสือและไม่รู้เรื่องกฏหมายหรือ จะนำตัวเองและลูกๆเข้าหาทางกฏหมายและไม่กล้าเพราะแม่บอกว่าสมัยนั้นน่ากลัวอะไรๆก็กลัวไปหมดไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ตอนเข้ามาใหม่ๆก็ไม่มีงานทำค่ารับจ้างก็แค่วันละ 15 - 20 บาทแม่บอกว่าทุกข์มากเข้าไปรับจ้างเป็นแม่บ้านเขาส่งผมและพี่ชายไปอยู่เรียนที่วัด ผมกับพี่ชายก็ได้เรียนหนังสือที่วัดหลายปีได้บวชปเป็นสามเณรผมได้จบเรียน นักธรรมศึกษา ชั้นโท หลังจากนั้นไม่นานหลวงพ่อก็ เสีย(มรณภาพ)หลังจากที่หลวงพ่อ มรณะ ผมก็ได้อยู่ที่วัดอีกหลายปี จากนั้นผมก็ได้เอาความรู้เข้าเทียบที่โรงเรียนก็ได้อยู่ที่ ม .3 แต่ ด้วยกฏของโรงเรียนให้เรียนในชั้น ม. 1 ใหม่ เรียนอยู่ 3 ปี จบม.3 แม่ก็ได้พาผมเข้าไปกราบญาติๆที่บ้านของพี่สาวของปู่ผม(ก็ คือยาย ) ผมจึงได้รู้ว่าผมมีญาติทางแม่เป็นคนไทยเยอะเหมือนกัน ก็ทุกปีได้เข้้าไปกราบ ยาย

ทุกปี ก่อนที่ท่านเสีย ตอนนี้ท่านก็เสียไปแล้วหลายปี ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าทำยังไง แม่เอง และ ญาติทางแม่ก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ในสถานะอะไร ด้วยความที่ผมเองก็ยังไม่รู้กเกีียวกับกฎหมายอะไรก็ไม่ได้ทำอะไรปล่อยเลยมาเ็นเวลานานพอสมควร จนมีกฎหมายมาว่าให้ทำบัตร

บัตรไม่มีสถานะทางทะเบียนผมก็เลยได้พาแม่และพี่ไปทำกัน ตอนนี้ก็ผ่านมา 4 ปีกว่าแล้วเพราะว่าผมได้ทำเป็นชุดแรกแต่ว่าผมไม่สามารถทำใบขับขี่ได้และทำงานก็ลำบากก็เลยได้ติดต่อมาหาอาจารย์หาวิธีช่วยครับ

ขอบคุณครับ

รัญ

คุณธัญคะ

ขอความกรุณาตั้งคำถามในที่ที่คุณเคยถาม

ในหน้าเว็บนี้ เป็นการตอบคุณสุภาภรณ์ กรุณาอย่าทำให้มีหลายเรื่องสับสนไปหมดนะคะ

หรือคุณตั้งคำถามใหม่ก็ได้

ในอีก ๗ วัน อ.แหววจะลบข้อมูลของคุณในหน้าเว็บนี้ กรุณาเอาข้อมูลไปคุยในที่เดิมค่ะ

กรุณาเคารพคุณสุภาภรณ์ด้วยค่ะ

สวัสดีครับ อาจารย์ ช่วยไขปัญหาให้ผมหน่อยครับผมกับลูกเดินทางกลับมาถึงอังกฤษพอถึงสนามบินก็ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวผมกับลูกของผมไปแล้วบอกว่่าผมโดนข้อหาลักพาเด็กซึ่งเด็กคนนั้นเป็นลูกของผม และคนที่แจ้งความและเอาหมายศาลมาก็อดีตภรรยาที่ยังไม่ได้หย่า ซึ่งเด็กไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา ( แต่ผมมีรายละเอียดตรงนี้สักหน่อยที่อยากอธิบาย ) ผมก็อยากจะขอคำปรึกษาครับ
ผมขอคำปรึกษาที่ในประเทศไทยในฐานะที่ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่อยู่ต่างแดนแล้วเจอปัญหาแบบนี้เงินค่าทนายก็ไม่่มี สตางคก็ไม่พอค่าทนายผมหาทางออกไม่ได้เลย เขาไม่ผมพบลูกเลยคุยก็ได้ไม่เกิน 1 นาที ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม ผมได้คุยกับลูกผมแค่ 3 ครั้งเท่านั้นมันทรมารเหลือเกินครับผมเลยอยากขอคำปรึกษาครับ 
ได้โปรดกรุณาให้คำปรึกษาผมหน่อยครับ และวันที 6 มีนาคม ผมก็ต้องไปศาลผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรครับ  

ที่จริงเด็กคนนี้เป็นลูกของหลานทีอายุเพิ่ง 15 ปีและยังศึกษาอยู่ในขนานนั้นและผมก็มีครอบครัวอยู่ที่อังกฤษแต่ผมไม่มีลูก ในขณะนั้นเขาได้โทรศัพท์มาปรึกษาผมผมก็ได้ปรึกษากับครอบครัวว่าอยากอุปการะเด็กมาเป็นลูกไหมภรรยาผมก็ยินดี และอีกอย่างเขาก็เป็นหลานแท้ๆของผมเองผมเลยรับไว้อุปการะโดยให้ใช้ชื่อผมเป็นพ่อเด็ก และผมก็ทำเอกสารนำเด็กมาเลี้ยงที่อังกฤษ โดยที่มีผมเป็นพ่อ แต่ผมไม่เคยปิดบังเด็กว่าใครเป็นพ่อแม่แท้ๆและพากลับประเทศไทยปีละครั้งมาเยี่ยมบ้านและพ่อแม่เด็กตอนนี้มีน้องแท้ๆเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คนที่มีพ่อกับแม่เป็นเป็นพ่อแม่เดียวกัน และผมก็มีใบรับรองบุญที่ออกให้ที่อำเภอก่อนที่จะพามาอังกฤษตอนนั้นน้องอายุได้ 5 เดือนเองครับ และตอนนี้น้องอายุ 7 ขวบ

  คำถามคือ แม่ของน้องแท้ๆสามารถเอาเด็กกลับประเทศไทยได้ไหมครับเพราะแม่เขาเป็นห่วงน้องมาก และจะต้องทำอย่างไรบ้างครับ ผมไม่ทราบว่ากฏหมายของอังกฤษแตกต่างกับของไทยมากขนาดไหน ส่วนตัวผมเองจะต้องทำอะไรบ้างในลักษณะไหนและจะพูดอย่างไรดีครับ ถ้าผมไปอยู่ในศาล (ครั้งต่อไปคือวันที่ 6 มีนา 2013 ครับ)

    หลักฐานในตอนนี้ที่มีคือ 1 ใบเกิดของเด็กที่มีผมเป็นบิดา (ศาลทราบแล้วว่าผมไม่ใช่บิดาแท้ๆ) 2 ผมมีใบรับรองบุตรที่ออกให้ที่อำเภอ (ทนายที่อังกฤษเขาบอกว่าถ้าใบเกิดผิดทุกอย่างที่ตามมาก็ผิดครับ) 3 ผมมีจดหมายจากแม่แท้ๆของน้องที่เขียนมาเพื่อขอพาเด็กกลับมาประเทศไทยก่อนด้วยครับ ตอนนี้น้องถือสัญชาติอังกฤษด้วยครับผมก็ไม่รู้ว่าจะมีผลอะไรไหมครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท