การร่วงหล่น ของเมล็ดข้าว จะป้องกัน หรือแก้ไข -1


ที่นำเสนอข้อมูล ในส่วนนี้เพื่อที่จะบอกว่า เมล็ดข้าว ทุกเมล็ด เงิน ทุกบาท ทุกสตางค์ ที่ร่วงหล่นในเเปลงนานั่น มีความหมาย ต่อต้นทุน กำไร การผลิต ในแต่ละรอบของชาวนา ครับ

ขอขอบคุณสำหรับท่านที่กรุณาติดตามบันทึกชาวนาวันหยุดมาอย่างต่อเนื่อง

ผมยังยึดคติ ที่ว่า "การเริ่มต้นที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" 

สำหรับท่านที่สนใจ/กำลังจะเป็นชาวนา ฉันจะเป็นชาวนา กำลังจะไปสร้างความมั่นคงทางอาหาร (หลังน้ำลด) ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ การเตรียมความพร้อม ด้วยการศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจ ควบคู่ไปกับการลงมือปฏิบัติจริง ในเเปลงนา จะทำให้ท่านมั่นใจ  และไม่เสียเวลาลองถูกลองผิด  จะช่วยนำพา การทำนาไปสู่ความมั่นคงทางอาหารได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนครับ   

 

ตอนนี้ใกล้ถึงวันเก็บเกี่ยวแล้ว ขอพาทุกท่าน ไปทำความรู้จัก และเพิ่มเติมความเข้าใจ เกี่ยวกับ

"การร่วงหล่น ของเมล็ดข้าว" ก่อนและระหว่างการเก็บเกี่ยวข้าวกันครับ


การสูญเสียผลผลิตข้าว ก่อนและระหว่างการเก็บเกี่ยว หากคิดเป็นเปอร์เซนต์ ต่อน้ำหนักผลผลิตข้าวต่อไร่ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-10 เปอร์เซนต์ 

ดังนี้ หากเก็บเกี่ยวข้าวได้ 800 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนที่ร่วงหล่น ก็ประมาณ 80 กิโลกรัม คิดเป็นการสูญเสียรายได้ของชาวนาก็ประมาณ 800 บาท (คิดราคาข้าวเปลือกที่ราคา 10 บาท/กิโลกรัม ยังไม่ได้จำนำข้าว จ้า) 

ดังนั้นถ้าทำนา 10 ไร่ เงินร่วงหล่น อยู่ในท้องนา = 8,000 บาท 

ปริมาณเมล็ดข้าวเปลือกที่ร่วงหล่นนี้ ทำให้เกิดปัญหา ข้าวเรื้อ หรือข้าวปน ในกรณีที่ รอบต่อไปเปลี่ยนพันธุ์ข้าว 

จึงเป็นที่มาของ "อาชีพเป็ดไล่ทุ่ง เลี้ยงเป็ดหลังการเก็บเกี่ยวข้าวในเเปลงนา" 


เพราะ ข้าวร่วงหล่น(ของเรา)+หอยเล็กๆ= อาหารเป็ดไล่ทุ่ง(ของเพื่อนบ้าน) =แลกเปลี่ยนเป็นไข่เป็ด ตอบแทนเจ้าของนา เฉลี่ย ไร่ละ 10 ฟอง เป็นเงิน 30 บาท (คิดราคาไข่เป็ดหน้าเเปลงนา ฟองละ 3 บาท

ส่วนต่าง ที่ยังคงค้างในเเปลงนา 800-30=770 บาท  ..... (ยังหายไปอยู่ในนา) 

และถ้าเจ้าของนา ยังต้องไปซื้อพันธุ์ข้าวปลูก ของใครก็ไม่รู้ ที่ขายอยู่ตามห้องแถวมาหว่านลงเเปลงนา ในอัตราเดิมๆอีก ไร่ละ 25-30 กิโลกรัม ต่อไร่ จะต้องใช้เงิน มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน (นาดำใช้เมล็ดพันธุ์ 8-10 กิโลกรัมต่อไร่)

เพราะหลังจากรัฐบาลประกาศจำนำ ข้าวขาวที่ตันละ 15,000 บาท ราคาพันธุ์ข้าวปลูก ก็น่าจะขึ้นไปอยู่ที่ กิโลกรัมละ 25-30 บาท  พร้อมๆกับสถานการณ์พันธุ์ข้าวปลูกคุณภาพดี ขาดตลาด จากภัยน้ำท่วม  

ดังนั้น เจ้าของนา จะมีต้นทุนเมล็ดพันธุ์ ในรอบต่อไป  625-900 บาท/ไร่ (ควักกระเป๋าจ่ายอีกแล้ว) 

ที่นำเสนอข้อมูล ในส่วนนี้เพื่อที่จะบอกว่า เมล็ดข้าว ทุกเมล็ด เงิน ทุกบาท ทุกสตางค์ ที่ร่วงหล่นในเเปลงนานั่น  มีความหมาย ต่อต้นทุน กำไร การผลิต ในแต่ละรอบของชาวนา ครับ

ดีที่สุด คือ ทำอย่างไร ไม่ให้ข้าวร่วงหล่น ในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว 

ตอบ คือ ทำความเข้าใจ กับเรื่องนี้ ในบันทึกต่อไปครับ ....->>>>>

 

 



ความเห็น

ผมคิดว่าน่าจะเป็นระยะเก็บเกี่ยว กรมวิชาการส่งเสริมให้เกี่ยวเกี่ยวตอนระยะพลับพลึง คือหลังออกดอก 28-30 วัน เพื่อที่ให้ผลประโยชน์สูง และขั่วต่อเมล็ดยังสดอยู่ทำให้ไม่ร่วง

ขอบคุณ น้องศักดา ครับ 

ตามหลักการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง เป็นเช่นนั่นครับ แต่ก็มีปัจจัยอื่นร่วมอยู่ด้วย 

ตามไปชมต่อได้ที่บันทึกนี้ครับ 

http://www.gotoknow.org/blogs/posts/464704

ยุคข้าวยากหมากแพง ต้องมีความรอบคอบเรื่องการใช้เงินทุกบาทจริงๆค่ะ


ทำนาอย่างมีความเข้าใจ มีหลักวิชาการสนับสนุนประสบการณ์ชาวนาเช่นนี้ เมื่อน้ำลดจะได้ตั้งหน้าตั้งตาฟื้นฟูท้องนากันอีกครั้งนะคะ

มาส่งข่าวด้วยว่าบ้านพี่น้ำเริ่มลงแล้วค่ะ ขอบคุณมากที่ห่วงใยกันนะคะ

Ico48 สวัสดีครับ พี่นุช 

-ต้องช่วยทำงานร่วมกันครับ ทั้งชาวนา และนักวิชาการ

-นักวิชาการจะไปแนะนำให้เค้าทำโดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าทำจริงๆอย่างไร(เคยแต่เรียนมา) ก็ไม่มีประโยชน์ 

-หลังน้ำลด ถ้าชาวนาไม่ปรับตัว ก็จะยิ่งลำบาก ครับ เพราะเงื่อนไข ธรรมชาติเปลี่ยนเเปลงไปมาก จริงๆ 

-ถือเป็นข่าวดีครับที่พี่นุช สบายดีน้ำเริ่มลดแล้ว ...ขอบคุณที่แวะมาส่งข่าวครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท