โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) เทศบาลนครนคราชสีมา

อาหารขยะ ...ราคาแพง และมีภัย (ครูสุภาภรณ์)


ความจริงแล้วเราควรจะภาคภูมิใจในอาหารไทยของเรา ที่ใคร ๆ ก็บอกว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพ แม้แต่ชาวต่างชาติยังติดอกติดใจ

 

 

 

อาหารขยะ  ...ราคาแพง  และมีภัย

(ข้อมูลจาก : รศ.นพ.สังคม  จงพิพัฒน์วณิชย์)

 

        น่าแปลกใจที่คนอื่นที่เขามีปัญญา  เขาพยายามหาทางกำจัดขยะ  แต่คนไทยกลับพยายามเสียเงินเพื่อซื้อขยะ (อาหารขยะ) เหล่านี้เข้าบ้านเสียทั้งเงินทองและสุขภาพ  อาหาร "รับประทานจานด่วน"  ฝรั่งรับประทานยามเร่งรีบเพื่อประทังชีวิต และเรียกว่า "อาหารขยะ" (Junk Food)   แต่ทำไมคนไทยยังนิยมว่าเป็นของโก้เก๋?

         ความจริงแล้วเราควรจะภาคภูมิใจในอาหารไทยของเรา  ที่ใคร ๆ ก็บอกว่าอร่อยและดีต่อสุขภาพ   แม้แต่ชาวต่างชาติยังติดอกติดใจ  จะเห็นว่าร้านอาหารไทยในต่างประเทศมีเพิ่มขึ้นมาก  สร้างฐานะความร่ำรวยให้กับคนไทยในต่างแดน  เป็นที่น่าหดหู่ค่ะ....ที่ห้างสรรพสินค้า  ศูนย์การค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย  มีร้านอาหารฟาสต์ฟูดมากมาย  เช่น  พิซซ่า  แฮมเบอร์เกอร์  มันทอด  ไก่ทอด  ลองคิดดูสิคะ  ว่าปีหนึ่ง ๆ เราจะต้องเสียเงินออกนอกประเทศเพื่อไปซื้อลิขสิทธิ์เหล่านี้ทากเพียงใด  หากยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวร้านอาหารฟาสต์ฟูดเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีก  จะเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากเพียงใด

 

         นอกจากนี้อาหารฟาสต์ฟูดยังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อสุขภาพร่างกายของคนไทยอีกด้วย   จากการวิจัยพบว่าเด็กไทยใน 8 จังหวัดภาคกลาง  เป็นโรคอ้วนเกือบร้อยละ 20  และเด็กนักเรียนในโรงเรียนสาธิตและเอกชนหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร    เป็นโรคอ้วนถึงร้อยละ 25-26   ซึ่งน่าตกใจมากที่เด็กไทยทุก 4-5 คน  จะเป็นโรคอ้วน 1 คน  ซึ่งจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและสมรรถภาพในการทำงาน   อันมีผลต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย  และเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว  เนื่องจากคนอ้วนมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเรื้อรัง  เช่น  เบาหวาน  ความดันโลหิตสูง  ไขมันในเลือดสูง  โรคหลอดเลือดแข็งและอุดตันและโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงที่เป็นสาเหตุของการตายอันดับ 1 หรือ 2 ของคนไทย  ทำให้เราต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลและสูญเสียค่าใช้จ่าย  ในการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมหาศาลในแต่ละปี   ซึ่งมาตรการ 30 บาท รักษาทุกโรคของรัฐบาลชุดนี้คงรองรับไม่ไหว  

                                                                                  

            ในทางการแพทย์อาหารฟาสต์ฟูดนั้น  เป็นอาหารที่มีผลกระทบและเป็นภัยต่อสุขภาพ  เนื่องจากมีไขมันสูง เกลือมาก และไฟเบอร์หรือใยอาหารต่ำ   คนที่รับประทานมีโอกาสเป็นโรคอ้วน   ไขมันในเลือดสูง  ความดันโลหิตสูง  โรคหลอดเลือดแข็งและอุดตัน  โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด  และโรคมะเร็ง  นักวิชาการจึงเรียกอาหารฟาสต์ฟูดเหล่านี้ว่า  อาหารขยะ  (Junk Food)  คนฝรั่งเองเขาก็ทราบ  เขาจึงรับประทานอาหารฟาสต์ฟูดเฉพาะเมื่อยามเวลาจำเป็น  ในเวลาที่เร่งรีบหรือทานเพื่อประทังชีวิตเท่านั้น จึงเรียกว่า  ฟาสต์ฟู๊ด (Fast Food)  หรือที่คนไทยเรียกให้สุภาพหน่อยว่า "อาหารจานด่วน"   และในต่างประเทศอาหารเหล่านี้จะมีราคาถูกเมื่อเทียบกับอาหารที่มีคุณค่าอื่น ๆ   แต่คนไทยกลับเห็นผิดเป็นชอบ  รับประทานกันด้วยความโก้เก๋  เลี้ยงฉลองกันสนุกสนาน  และราคาก็แพงมากเมื่อเทียบกับคุณค่าทางอาหาร  และกับอาหารไทยโดยทั่วไป   ทำให้ดูเหมือนคนรับประทานอาหารฟาสต์ฟูดนั้นมีรสนิยมโก้หรู   เวลาทานก็จะพยายามนั่งหน้าเชิดอยู่ริมกระจกให้คนอื่นได้มองเห็นด้วยความอิจฉา

 

        น่าแปลกใจนะคะที่คนอื่นที่เขามีปัญญาเขาพยายามหาทางกำจัดขยะ แต่คนไทยกลับพยายามเสียเงินเพื่อซื้อขยะ  "อาหารขยะ"  เหล่านี้เข้าบ้านเสียทั้งเงินทองและสุขภาพ

                                                                               

         สถาบันสุขภาพและสมาคมแพทย์โรคหัวใจของประเทศอเมริกา  ได้แนะนำอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับเด็กอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป   ตลอดจนผู้ใหญ่ทุกคนให้รับประทานอาหารที่มีพลังงานและสารอาหารเพียงพอไม่มากหรือน้อยเกินไป   รับประทานไขมันไม่เกินร้อยละ 30 ของพลังงานทั้งหมดที่รับประทานใน 1 วัน   รับประทานไขมันอิ่มตัวซึ่งมีมากในไขมันสัตว์และเนื้อสัตว์ให้น้อยกว่าร้อยละ 10   รับประทานโคเลสเตอรอลน้อยกว่า 300 มิลลิกรัม/วัน (ไข่แดง 1 ฟองจะมีโคเลสเตอรอลประมาณ 300 มิลลิกรัม) รับประทานคาร์โบไฮเดรต ซึ่งได้จากอาหารประเภทแป้งหรือข้าวร้อยละ 50-60 โปรตีนซึ่งได้จากอาหารประเภทเนื้อนมไข่ร้อยละ 15-20   และควรรับประทานผัก และผลไม้สดเพื่อให้ได้ใยอาหารเป็นประจำ ซึ่งกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำแนวทางการรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ  ดังนี้

 

1.  กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว

2.  กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ

3.  กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ

4.  กินปลา เนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ

5.  ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย

6.  กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร

7.  หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานและเค็มจัด

8.  กินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน

9.  งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

        จะเห็นได้ว่าอาหารที่ดีสำหรับสุขภาพคนเรานั้น   ก็คือ  อาหารไทยและอาหารของชาวเอเซียที่มีข้าวหรือแป้งเป็นอาหารหลัก   และรับประทานพืชผักผลไม้สดกันเป็นประจำ  ไม่เหมือนกับอาหารของฝรั่ง  หรือชาวตะวันตกที่มีไขมันและโปรตีนมากเกินไป  จนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ   ซึ่งฝรั่งหรือชาวตะวันตกเขาทราบดีถึงภัยนี้   เขาจึงเริ่มหันมารับประทานอาหารไทย แต่คนไทยกลับหันไปนิยมรับประทานอาหารตะวันตก    จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันและอนาคตคนไทยจะเป็นโรคเจ็บป่วย  และเสียชีวิตด้วยโรคต่าง ๆ   ที่เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้องกันมากขึ้นเรื่อย ๆ  จนเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย

                                                                               

           คงถึงเวลาแล้วนะคะที่เราคงต้องหันมาช่วยกันคิด  ช่วยกันทำให้เกิดค่านิยมอาหารไทย   และปลูกฝังความรู้การปฏิบัติในการรับประทานอาหารที่ถูกต้อง   เพื่อสุขภาพดีถ้วนหน้าสำหรับคนไทยทุกคน   ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งในด้านการกินและค่ารักษาพยาบาล   และเนื่องจากตัวยาทุกชนิดเรายังผลิตเองไม่ได้ ต้องสั่งซื้อเข้ามาจากต่างประเทศ   การรับประทานอาหารไทยที่ถูกต้อง  นอกจากจะช่วยให้เงินทองไม่รั่วไหลแล้ว  ยังช่วยกู้ภัยเศรษฐกิจให้แก่ตัวเราและประเทศไทยของเราได้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  รศ.นพ.สังคม  จงพิพัฒน์วณิชย์http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=711&sub_id=54&ref_main_id=4 

รูปภาพ

 

P

ครูสุภาภรณ์

ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย

โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ)

คำสำคัญ (Tags): #อาหารขยะ
หมายเลขบันทึก: 464001เขียนเมื่อ 6 ตุลาคม 2011 23:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณครับ คราวหน้าผมจะได้เลือกแต่ของดีมีประโยชน์ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท