เปิดเลนส์ ส่องโลก ท่องแดนไกล ตามใจฉัน อินเดีย แคชเมียร์ ตอนที่ 2 ทัวร์เมืองอัครา


พักนิวเดลี ตะลอนทัวร์อัครา ชมทัชมาฮาล สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

                 อิชั้นและเพื่อนๆ กลับมาจากอินเดียโดยสวัสดิภาพแล้วเจ้าค่ะ ทริปนี้เป็นทริปหนึ่งที่ประทับใจมิรู้ลืมเลยค่ะ ได้เจอ ได้เห็น ได้เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นเยอะแยะไปหมด คำบรรยายต่อไปนี้อาจจะใช้คำไม่เหมาะสมไปบ้าง หรืออาจจะทำให้ภาษาไทยดูผิดเพี้ยนไปบ้าง อิชั้นต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ หากเพียงต้องการใช้คำเหล่านั้นเพื่อสื่อให้เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน ณ เวลานั้นจริงๆค่ะ

                คณะทัวร์ของพวกเรามีด้วยกัน 4 คนค่ะ พวกเราออกเดินทางวันที่ 20 กันยายนโดยสายการบินแอร์เอเชีย บนเครื่องบินเราเจอกลุ่มคนไทยอีกสองกลุ่มค่ะ นอกนั้นก็เป็นฝรั่งคนสองคน และผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็จะเป็นแขกอินเดียค่ะ บนเครื่องบินวุ่นวายมากค่ะ เอาเป็นว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอความโกลาหลบนเครื่องบินมากมายเท่านี้มาก่อนเลยค่ะ อิชั้นรู้สึกสงสารแอร์โฮสเตสไฟล์นี้จริงๆ ความวุ่นวายเริ่มขึ้นตั้งแต่ขึ้นเครื่องยันลงเครื่องบินเลยค่ะ พอขึ้นเครื่องเสร็จปุ๊บ พี่ๆ แขกอินเดียก็เริ่มยืน (ทำไมไม่นั่งไม่เข้าใจเหมือนกัน) และส่งเสียงคุยกันตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยเลยทีเดียว เสมือนหนึ่งว่ากำลังอยู่ในงานปาร์ตี้ ตะโกนคุยกันข้ามแถวที่นั่ง วางของบนชั้นวางเหนือศีรษะล้นออกมาระเกะระกะ จนแอร์โฮสเตสต้องตะโกนแกมขอร้องว่า “Sit down please” กันเป็นสิบๆ รอบถึงจะนั่งลงกันได้ ตลอด 4 ชั่วโมงกว่าๆ ที่อิชั้นนั่งอยู่บนเครื่องหลับไม่ได้เลยค่ะ เพราะพี่แกส่งเสียงคุยกันดังมาก บ้างก็เปิดเพลงอินเดียเผื่อชาวบ้านซะงั้น บ้างก็กินโน้นกินนี่ หกตามพื้นเกลื่อนกลาด และที่เด็ดคือมีงานแฮปปื้เบิร์ดเดย์กันบนเครื่องบินด้วย มีการฉลองงานวันเกิดโดยการส่งถั่วต่อๆ กัน เพื่อนอิชั้นได้กินถั่วด้วย เธอปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็เหมือนจะโดนบังคับให้กินเพื่อร่วมอวยพร อิชั้นก็ลืมถามเพื่อนว่า ถั่วอร่อยหรือเปล่า ฮ่าๆๆ อิชั้นและเพื่อนอีกคนหนึ่งนั่งแอบนินทาพวกพี่ๆ แขกอินเดียด้วย เพราะคิดว่าเค้าคงไม่เข้าใจภาษาไทย ที่ไหนได้ พอเครื่องเกือบจะลง พี่แขกอินเดียกับฝรั่งอีกคนนั่งหลังอิชั้นคุยภาษาไทยกันจ้อยๆ ซะงั้น โอ้แม่เจ้าทำไมไม่คุยกันก่อนหน้านี้วะ ปล่อยให้แม่นั่งนินทาอยู่ด๊ายยยย เอาละเว้ยที่นี้ ที่นินทาไปทั้งหมด คงรู้หมดแล้ว ณ วินาทีนั้นอิชั้นอยากขุดรูหลบภัยบนเครื่องบินจริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้ จึงทำได้แต่ตีมึน หน้าด้านๆ  ไม่รู้ไม่ชี้ไปตามเรื่องตามราว

                พวกเรามาถึงสนามบินอินทิราคานธีประมาณเกือบห้าทุ่มค่ะ สนามบินดูดีมีชาติตระกูลมากค่ะ สวย สะอาด ห้องน้ำน่าเข้า ประทับใจกับสนามบินที่นี่มากค่ะ พวกเราจองบ้านพักไว้ที่ www.newdelhibedandbreakfast.com ด้วยความขี้เกียจวุ่นวายหารถเข้าที่พัก พวกเราจึงให้เจ้าของบ้านพักจัดรถมารับที่สนามบิน บ้านพักของพวกเราอยู่ไม่ห่างจากสนามบินมากนัก ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่พักค่ะ หลังจากทักทายกับเจ้าของที่พักก็แยกย้ายกันเข้านอน

                วันที่ 21กันยายน พวกเราต้องตื่นกันแต่เช้าตรู่ เพราะนัดรถมารับตอนหกโมงเช้า (เวลาอินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชม.) คนขับรถมาตรงเวลามากค่ะ ประทับใจตรงนี้เหมือนกัน อ้อลืมบอกไปว่าพวกเราติดต่อเจ้าของบ้านเรือที่เราจะไปพักที่แคชเมียร์ให้จัดทัวร์เมืองอัคราให้พวกเราด้วย และแล้วความตื่นเต้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้ ระยะทางจากนิวเดลีไปอัคราประมาณ 200 กม. แต่ใช้เวลาเกือบครึ่งวันในการเดินทาง เพราะตลอดสองข้างทางจากนิวเดลีไปอัคราคราคร่ำไปด้วยสิงสาราสัตว์ คนเดินเท้า พาหนะ ทุกสิ่งทุกอย่างใช้ถนนเดียวกันหมด รถจึงไม่สามารถวิ่งเร็วได้ เพราะต้องระมัดระวังซึ่งกันและกัน  ไฟเขียวไฟแดงเหมือนจะมี แต่ประมาณว่าตูไม่สนใจ แดงก็จะไป เขียวก็จะไป แล้วมีไว้เพื่อ? ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วอีกอย่างที่เป็นที่ฮอตฮิตมากนั่นคือ “บีบแตร” รถแทบจะทุกคันจะต้องบีบแตรใส่กัน ประหนึ่งว่าเป็นการทักทายกันซะอย่างนั้น ถ้าเป็นเมืองไทยบีบแตรกันอย่างนี้ คงได้ลงไปชกกันกลิ้งแล้วเป็นแน่ อิชั้นแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งคือการจราจรไร้ระเบียบเยี่ยงนี้ แต่ไม่ยักกะเห็นอุบัติเหตุระหว่างทางเลยแม้แต่ครั้งเดียว สงสัยคนขับรถคงจะรู้จังหวะกันแล้ว นับถือๆ

                  บ้านเมืองตลอดสองข้างทางให้ความรู้สึกประมาณว่าเมืองนี้ผ่านสงครามโลกมา เพราะมันเป็นเหมือนซากปรักหักพัง เหมือนบ้านที่สร้างไม่เสร็จ มองเข้าไปในแต่ละซอยให้ความรู้สึกน่ากลัว ประมาณว่าถ้าตูเดินเข้าไปในซอยนั้น คงไม่มีชีวิตรอดกลับออกมาเป็นแน่แท้ น่ากลัวมาก และเพื่อนของอิชั้นเธอยังอุตส่าห์สังเกตเห็นคนนั่งขี้ตรงข้างทางเลยคร๊า ณ เวลานั้นทุกคนในคณะรู้สึกว่าชั้นรักประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า

                คนขับรถแวะจอดร้านอาหารระหว่างทางเพื่อให้พวกเราได้รับประทานอาหารเช้า ที่นี่อิชั้นสั่งกาแฟอินเดียมาชิม ปรากฏว่ากินไม่ได้ค่ะ ดื่มไปอึกสองอึกก็ต้องเลิก เพราะมันคือนมกับเนยชัดๆ หากาแฟไม่เจอเลยทีเดียว เพื่อนอิชั้นสั่งโค๊กกระป๋องมาดื่ม ใช้หลอดดูดไปได้ซักพัก สังเกตเห็นว่าเป็นหลอดรียูส (Reuse) แว๊กกกกกกกกกกก โยนทิ้งแทบไม่ทัน หลอดมีรอยหักงอ ข้างในหลอดเป็นสีดำๆ ด้วย

                เที่ยงๆบ่ายๆ พวกเราก็มาถึงสถานที่เที่ยวที่แรกค่ะ ตามชื่อที่เห็นจากรูปถ่ายของน้องที่ไปด้วยกันมันคือ AKBAR’S TOMB” ธรรมเนียมค่าเข้าคนละ 100 รูปีค่ะ แต่พวกเรายื่นพาสปอร์ตไทยเลยลดเหลือแค่คนละ 10 รูปีเอง ดีนะที่หาข้อมูลมาก่อน เลยไม่ต้องจ่ายแพง ที่นี่เราเจอคนมาตื้อขอเป็นไกด์ด้วยค่ะ อิชั้นก็ได้แต่เซย์โนแอนด์แท้งกิ้ว แต่พี่แกตื้อไม่หยุดค่ะ ไม่เป็นอันได้ถ่ายรูปกัน เพื่อนของอิชั้นจึงเริ่มสำแดงฤทธิ์เดชเป็นครั้งแรก ณ ที่ตรงนี้ค่ะ เธอยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ไม่ๆๆๆๆ ชั้นขอเวลาส่วนตัว ไม่สนใจ กรุณาไปเสียที” ได้ผลค่ะ เก่งมากคร๊า อิชั้นเป็นนางเอกเลยทำแบบเธอมิได้ ฮ่าๆๆๆๆ

                  จุดหมายต่อไปของพวกเราคือ “ทัชมาฮาล” หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สถานที่ตรงนี้เจ้าของบ้านเรือที่จัดรถมารับพวกเราให้ไกด์ผีพวกเรามาหนึ่งคน (ตอนท้ายๆ จะรู้ว่าทำไมถึงต้องเรียกว่าไกด์ผี) ไกด์มารับพวกเรา ณ จุดนัดพบ พอจะลงจากรถ พี่แกบอกว่า “เดี๋ยวๆ ขอเวลาหนึ่งนาที ทำข้อตกลงกันก่อน ห้ามเอา walkman ลูกอม ขาตั้งกล้อง ฯลฯ เข้าไปในทัชมาฮาล แล้วถ้าชั้นทำงานดีก็ให้ทิป หรือถ้าคุณไม่พอใจก็แล้วแต่พิจารณา” พวกเราก็โอเค ตามไกด์ไป ณ จุดซื้อตั๋ว นักท่องเที่ยวทั่วไปเสียค่าธรรมเนียมคนละประมาณ 700 กว่ารูปี แต่พวกเรายื่นพาสปอร์ตไทยเลยเสียค่าเข้าคนละ 510 รูปี จะมีถุงเท้ากระดาษแจกฟรีคนละ 1 คู่ และน้ำดื่มฟรีคนละ 1 ขวด

        

                  พอเข้าไปไกด์ก็เริ่มบรรยายประวัติความเป็นมา บลาๆ และให้พวกเราถ่ายรูป พอเดินไปได้ซักพักก็สั่งให้พวกเรา Sit down please”   ตลอดทาง พอไม่นั่งก็บังคับให้นั่งอยู่นั่นแหละ พวกเราก็ใสซื่อเชื่อฟังไกด์เป็นอย่างดี เค้าให้หันซ้ายก็ซ้าย หันขวาก็ขวา ทำตัวเหมือนนักเรียนที่เดินตามคุณครูอย่างไรอย่างนั้น พอถึงจุดทางขึ้นไปชมทัชมาฮาลด้านบน พวกเราถามไกด์ว่า “ให้เวลาเท่าไหร่” ไกด์ตอบว่า 15-20 นาที” โอ้แม่เจ้า ช้านเดินทางจากนิวเดลีมาอัคราครึ่งค่อนวันเพื่อมาชมทัชมาฮาลแค่ 15-20 นาทีเนี่ยนะ ใครเชื่อฟังแกก็บ้าแล้ว ชั้นมากันเองนะ ไม่ได้มากับทัวร์ ทำไมจะต้องมากำหนดเวลากับพวกชั้นด้วย และแล้วพวกเราก็เปิดแน่บไปเลยค่ะ อย่าได้แคร์ ใช้เวลาเดินชมบนทัชมาฮาลไปพอสมควร ที่นี่อากาศร้อนเหมือนเมืองไทยค่ะ

                  พอลงมาเจอไกด์ พี่แกก็บอกว่าจะพาพวกเราไปชมสินค้าที่เป็นของรัฐบาลราคาถูก และสั่งพวกเราว่าระหว่างทางเดินไปร้านขายของห้ามสนใจคนขายของข้างทางทั้งสิ้น ห้ามซื้อสินค้าใดๆ ทั้งสิ้น ห้ามแวะที่ไหนทั้งสิ้น พอมาถึงร้านพวกเราก็ถึงบางอ้อว่าทำไมให้เวลาเดินชมทัชมาฮาลน้อยมาก ที่แท้ก็จะเอาเวลามาหลอกขายของพวกตูนี่เอง แต่ชิๆๆ ไม่โง่นะเว้ย แต่ไหนๆ ก็มาแล้วก็เลยต้องตามน้ำ ฟังๆ ไปตามมารยาท

                                  มาถึงร้านก็มีการต้อนรับด้วยน้ำเป๊บซี่แถมสนิมเขรอะบริเวณปากขวด ครั้นจะไม่กินก็กลัวจะเสียมารยาทก็เลยต้องฝืนๆ กินไป ส่วนเพื่อนของอิชั้นบางคนเธอรังเกียจเดียดฉันท์ถึงขั้นกินไม่ลง แกล้งทำวางลืมไว้ พ่อเจ้าพระคุณยังอุตส่าห์เห็นแล้วเก็บตามเอามาให้ตอนพวกเรานั่งฟังสาธิตสินค้า เริ่มจากสินค้าชิ้นใหญ่เป็นกระเบื้องวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ทำทัชมาฮาล แผ่นละตั้งหมื่นกว่าบาท แพงก็แพงหนักก็หนัก ใครจะไปซื้อลง นึกว่าจะได้กลับ พนักงานขายพาเข้าไปอีกห้องหนึ่งไปขายผ้าต่ออีก บอกเราเป็นผ้าแคชเมียร์อย่างดีเลยนะผืนละ 900 รูปี (เท่าที่หาข้อมูลมาผ้าแบบนี้มีคนซื้อได้แค่ผืนละ 300 กว่ารูปีเอง) อิชั้นบอกว่าพรุ่งนี้จะไปแคชเมียร์ซื้อที่โน้นก็ได้ พี่แกก็ยังแถไปได้อีกว่าที่โน้นแพงที่นี่ถูกกว่าไม่มีภาษี ใครจะไปเชื่อล่ะ อยากจะออกจากร้านนี้แล้วโว้ย พนักงานขายยังพาไปชมสินค้าอื่นๆ ต่ออีกห้อง เล่นเอาเหนื่อย ไกด์ผีเริ่มไม่ค่อยปลาบปลื้มกับพวกเราที่พวกเราไม่สนใจสินค้าของที่ร้านเลย พอตอนออกมาส่งขึ้นรถกลับเดลีพวกเราลงความเห็นกันว่าไม่ปลื้มไกด์คนนี้เหมือนกัน ไม่จริงใจ ก็เลยจะให้ทิปแค่ 200 รูปี พอยื่นทิปให้เท่านั้นแหละ ไกด์ผีรับไม่ด๊ายยยยยยยยยย บอกพวกเราว่าอย่างน้อยต้องคนละ 100 รูปี 4 คนก็ 400 รูปี เพราะว่าเค้าต้องจ่ายเงินส่วนตัวเป็นค่าตุ๊กๆ ให้พวกเราตอนเข้าไปทัชมาฮาล (เพื่อนของอิชั้นแอบเห็นจ่ายค่าตุ๊กๆ ไปแค่ 10-20 รูปีเองนะ) ยังไงก็ไม่ยอมจะเอา 400 รูปีให้ได้ ไกด์ผีเริ่มขึ้นเสียง ไม่ยอมๆ  อิชั้นเป็นพวกอยากตัดความรำคาญว่าจะให้เจอกันครึ่งทางคือ 300 รูปี แต่เพื่อนของอิชั้นเธอไม่ยอมคร๊า เธอเริ่มแปลงร่างเป็นนางมารรอบที่สอง คราวนี้องค์จริงลง พร้อมกับเดือดปุดๆ เธอก็ร่ายว่า “ค่าตุ๊กๆ ชั้นจะจ่ายคืนให้ แล้วไกด์ก็เป็นอภินันทนาการจากอาจ๊าด (เจ้าของบ้านเรือ) ค่าใช้จ่ายทุกอย่างชั้นจ่ายกับอาจ๊าด ทิปคือสิ่งที่ชั้นจะให้ตามความพอใจ ชั้นพอใจจะให้เท่านี้ ถ้าคุณไม่ยอมชั้นก็จะพูดกับอาจ๊าดว่าชั้นไม่แฮปปี้กับคุณที่ให้ไกด์แบบนี้มา แล้วก็บลาๆ ไปอีกสิบชุด (ด้วยน้ำเสียงเครียด โมโห)” แค่ไกด์ผีได้ยินคำว่าจะบอกอาจ๊าดว่าไม่แฮปปี้เท่านั้นแหละคร๊า พี่แกหยุดกึก เหมือนชื่อนี้เป็นชื่อทรงอำนาจ น้ำเสียงเริ่มอ่อนลงเป็นคนละคน "โอเคชั้นยอมก็ได้ 200 ก็ 200 หรือชั้นไม่เอาก็ได้นะ เธอจะเอา 200 นี้คืนไปก็ได้นะ แต่สัญญาได้มั๊ยว่าจะไม่บอกอาจ๊าด" วู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดยอด ไกด์ผียอมศิโรราบแต่โดยดี ที่เห็นพวกเราหงิมๆ ติ๋มๆเชื่อฟังตอนอยู่ที่ทัชมาฮาลนั่นเพราะเกรงใจ ตอนนี้มันไม่เหลือแล้วล่ะ พอไกด์ผีลงจากรถไป คนขับรถเริ่มหันมาถามพวกเราว่า "ชั้นมีปัญหาอะไรมั๊ย พวกคุณแฮปปี้กับชั้นมั๊ย" คนขับรถเริ่มกลัวพวกเราค่ะ  เพื่อนอิชั้นเธอแร๊งส์จริงไรจริง สุดยอดจริงๆ  ปรบมือให้เลย แปะๆ

                ระหว่างทางกลับนิวเดลีคนขับรถแวะพาพวกเรารับประทานอาหารเย็นเป็นร้านอาหารระหว่างทาง บรรยากาศไม่ค่อยน่านั่งเพราะฝุ่นเยอะ แต่ก็ต้องสั่งอาหารมากินเพราะกว่าจะถึงที่พักก็คงค่ำๆ จะหาอะไรแถวนั้นกินคงไม่สะดวก พนักงานที่ร้านก็มารยาทดีใช้ได้ อาหารที่นำมาเสิรฟก็ดูสะอาด (แต่วิธีทำไม่รู้)

                เรากลับมาถึงบ้านพักตอนค่ำๆ พอลงจากรถอิชั้นยื่นทิปให้คนขับรถ พี่แกรับแล้วรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าโดยไม่เช็คเลยว่าให้เท่าไหร่ สงสัยกลัวเพื่อนของอิชั้นจะแปลงร่างเป็นนางมารรอบที่สาม อิๆๆๆๆ  พอมาถึงบ้านพักเจ้าของบ้านพักก็ให้พวกเราทุกคนกรอกเอกสารการเข้าพัก ขอบอกว่ากรอกข้อมูลเยอะมาก ต้องเอารูปถ่ายไปแปะด้วย ยังนึกอยู่เลยว่ามาพักหรือมาสมัครงานเนี่ย เจ้าของบ้านพักบอกว่ามันเป็นกฎหมายของอินเดียที่ต้องทำแบบนี้ จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้านอน ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

เครดิตภาพถ่ายจากกล้องของอิชั้นและกล้องของผองเพื่อนค่ะ

แล้วมาต่อกันกับตอนที่ 3 เร็วๆ นี้นะคะ

หมายเลขบันทึก: 463784เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2011 10:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 23:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับ

บันทึกเล่าเรื่องได้สนุก น่าอ่านดีครับ

สวัสดีค่ะ Ico48  ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท