คุณครูปราง – ปรางอุษา ตันติอนันท์กุล หัวหน้าช่วงชั้นที่ ๒ เล่าว่า ตอนที่เริ่มขับเคลื่อนเรื่องนี้ไม่เคยมีความรู้มาก่อน แต่ก็เชื่อมั่นว่าน่าจะทำได้ ช่วงแรกรู้สึกงงๆ บ้างแต่ก็ได้คุณครูปาดมาช่วยในเรื่องแนวความคิด และช่วยลำดับทิศทางการเดินด้วย รวมถึงการช่วยจัดวาระว่านี่คือวาระที่ทุกคนจะเดินเรื่องนี้ไปด้วยกัน
จากนั้นก็มีการวางจังหวะในการให้ in put ครูอย่างเหมาะสม เพื่อให้เขาได้เรียนรู้แบบไม่คุกคาม มีการติดตามการทำงานทุกสัปดาห์ จัดเวลา วิธีการ ให้มีความเป็นไปได้ ทั้งหมดนี้การจัดการเวลายากที่สุดเพราะต้องสัมพันธ์กับเพื่อนที่จะมาเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่ม ตั้งแต่ขั้นการวางแผน ขั้นการเข้าสังเกตการณ์ในชั้นเรียน และขั้นของการสะท้อนกัน ที่เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะจะก่อประโยชน์มาก เมื่อคนทำเกิดความสุข ความสุขก็จะกระจายไปในกลุ่มด้วย
คุณครูเล็ก – ณัฐทิพย์ วิทยาภรณ์ ผู้ช่วยหัวหน้าช่วงชั้นที่ ๒ เล่าว่า ได้เข้ามาช่วยจัดระบบ logistic ของครูช่วงชั้นที่ ๒ ให้ความคิดที่วางแผนไว้เกิดการปฏิบัติได้จริงแรกซึ่งทีเดียวโครงการนี้เริ่มจากการสร้างความเข้าใจในกลุ่มครูแกนนำคือครูวิชาการก่อน
เริ่มจากเชิญอาจารย์ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มาบรรยายกึ่งสาธิตที่โรงเรียน จากนั้นก็ไปเข้าร่วมการสัมมนาวิชาการที่เชียงใหม่กัน เพื่อให้กลุ่มครูแกนนำเกิดความเข้าใจในกระบวนการการจัดชั้นเรียนแบบเปิด
เมื่อได้แกนนำที่เข้าใจแล้วก็มาช่วยกันออกแบบกระบวนการเรียนรู้ขั้นทดลองในชั้นเรียนที่ตนลงไปสอน จากนั้นก็ออกแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทำการสาธิตให้ครูคนอื่นๆ เข้าใจในแนวทาง โดยตั้งเป้าหมายไว้กับหน่วยวิชาที่พร้อมในการนำร่องก่อน
ตอนแรกที่เริ่มทำคิดว่าในการจัดโครงสร้างเวลาให้ครูหลายคนมีเวลาว่างตรงกันต้องยากแน่ ต้องสละทุกอย่างให้ครูสามารถเข้าสังเกตกันได้ เหมือนเล่น Sudoku ที่มีเงื่อนมากมาย ตอนที่จัดตารางเสร็จทีแรกคิดว่าดีแล้ว พอเอาไปให้แต่ละวิชาดู ก็ต้องเปลี่ยนกันอีก เพราะมีเงื่อนไขเพิ่ม การทำงานนี้เงื่อนไขความสำเร็จอยู่ที่ใจเราที่จะต้องเปิดกว้าง รับเอาคำแนะนำไปปรับปรุงได้
ก่อนหน้านี้เคยเศร้าใจเมื่อมีครูมาสะท้อนว่าทำไมตารางสอนของครูอีกคนดีกว่า แต่เมื่อย้อนถามตัวเองว่าเราได้พยายามทำเพื่อเด็กให้ดีที่สุดแล้วหรือยัง ก็ได้คำตอบมาว่าถ้าเราทำทุกอย่างเพื่อเด็กเราก็จะมั่นคง
คุณครูน้อย – จันทนา เภกะสุต หัวหน้าช่วงชั้นที่ ๑ เล่าว่า ปีการศึกษานี้ที่ช่วงชั้นมีครูใหม่ ๑๘ คน เรื่องใหม่ที่นำเข้ามาจึงดำเนินไปได้ง่าย เพราะครูยังไม่มีความคุ้นชินเดิมอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน ส่วนครูเก่าก็มีอาการกังวลอยู่บ้างเพราะต้องใช้เวลาเพิ่มมากกว่าปกติ ตอนนี้เริ่มทำวิชานำร่องคือวิชาคณิตศาสตร์ และมานุษกับโลก เหตุการณ์ที่ผ่านมาพิสูจน์ว่าถ้าผู้นำเชื่อ และมีท่าทีที่มั่นคง ก็จะมีการเติบโตที่ดีให้เห็น
ครูแจ๊ด – พัชนา มหพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนปัญญาประทีป ถามว่า เท่าที่ได้ไปเห็นห้องเรียนชั้น ป.๑ พบว่าเด็กสามารถสื่อสารอธิบายสิ่งที่คิดออกมาได้ดีมาก ไม่ทราบว่าโรงเรียนมีวิธีการอย่างไร
คุณครูอ้อ – วนิดา สายทองอินทร์ คุณครูหัวหน้าพัฒนาหน่วยวิชาภูมิปัญญาภาษาไทย ตอบว่า ที่เพลินพัฒนาทุกวิชาส่งเสริมกันหมด กระบวนการเรียนรู้ที่จัดขึ้นเปิดโอกาสให้เด็กได้นำเสนอความคิด ความเข้าใจของตนออกมา
เมื่อครูได้ยิน และเข้าใจสิ่งที่เด็กพูดแล้วหากไม่ได้แก้ไขให้เขาพูดให้ถูกต้อง จะทำให้เด็กกลายเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง แล้วเพื่อนก็ไม่ฟังเพื่อน เพราะเพื่อนพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง แต่จะรอฟังครูอธิบายแทน นอกจากนี้ก็จะส่งเสริมให้ให้เด็กได้ใช้ภาษาทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน และไม่ออมคำศัพท์ที่ครูใช้กับเด็ก เพื่อให้เขาได้เรียนรู้ความหมายไปในการใช้จริง
ครูน้อย – จันทนา เสริมว่า ภาษาเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้ ทางช่วงชั้นที่ ๑เริ่มปลูกฝังจากการสร้างเด็กให้รักการอ่าน จึงทำมุมอ่านหนังสือกับเพื่อนและครูในบรรยากาศสบายๆ ทำให้เขาอยากมาโรงเรียนแต่เช้า และจะเลือกหนังสือที่เหมาะกับพัฒนาการให้เด็กอ่าน มีกิจกรรมสนับสนุนให้เขาเข้าไปอ่านหนังสือ
นอกจากนี้ยังมีการจัดพิธีกรรมหน้าเสาธง หลังเคารพธงชาติจะมีการร้องเพลงที่มีความหมายดีๆ ด้วยกันเพื่อให้เด็กได้ซึมซับถ้อยคำดีๆ ที่มีความงามทางภาษา ที่สำคัญคือต้องฝึกคุณครูให้เป็นผู้ฟังที่ดี เพราะเมื่อเด็กสังเกตเห็นอะไร เขาก็จะพูดออกมา ถ้าเขาพูดได้ถูกแล้วครูต้องช่วยย้ำให้เกิดความมั่นใจ
คุณครูอ้อน – บุปผาสวัสดิ์ รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนทอสี ถามว่าคุณครูสอนสัปดาห์ละกี่คาบ
คุณครูปาด – ศีลวัต ศุษิลวรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการโรงเรียนเพลินพัฒนา ตอบว่า ประมาณ ๑๒ – ๑๔ คาบต่อสัปดาห์ เพื่อที่ครูจะมีเวลาได้พัฒนาตนเอง และดูแลเด็ก การออกแบบกระบวนการเรียนรู้จัดทำเป็นหน่วยวิชา มีการจัดช่วงเวลาให้นำเสนองาน และประมวลความรู้ในโครงงาน “ ชื่นใจ...ได้เรียนรู้”
โครงงานดังกล่าวจะมีวิชาประยุกต์เป็นแกนนำ โดยครูหน่วยวิชาอื่นจะให้งานที่สอดคล้องกัน และมาออกแบบร่วมกันว่างานของแต่ละวิชาจะสานกันอย่างไร เท่าที่ได้ทำไป OA เป็นการเรียนเชิงชั้นเรียน ที่ไม่มีการเรียนเชิงชีวิต คิดว่าการทำโครงงานจะช่วยผสานได้
อาจารย์วิทิต รัชชตาตะนันท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนปัญญาประทีป สะท้อนว่าประทับใจคุณครูที่บอกว่า ทำงานมา ๔ ปี ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่ากับการได้มาทำ Open Class ๑ สัปดาห์ คิดว่ากระบวนการที่ทำอยู่นี้เป็นการพัฒนาครูให้ได้เรียนรู้ และเป็นการเปิดอัตตาตัวตนของครูไปด้วย เป็นกระบวนการที่ดีมาก
ไม่มีความเห็น