เแนวคิดพื้นฐานกับมาตรการที่เกี่ยวข้องในระบบการทำงานเพื่อการจัดการปัญหาเด็กกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
๑ เพื่อทำให้เกิดการจัดทำมาตรการที่ครบถ้วนรอบด้านจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในแง่ของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยพบว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเข้าถึงและใช้งานมีทั้งโอกาสของการใช้งาน และ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการใช้ สามารถจำแนกได้เป็น๓ ประเด็นกล่าวคือ[1]
(๑) เนื้อหาของสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หากเด็กและเยาวชนเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ย่อมส่งผลต่อการศึกษาและการเรียนรู้เชิงลบจากเนื้อหา เช่น สื่อลามกอนาจาร สื่อความรุนแรง เป็นต้น ในทางตรงกันข้าม หากเด็ก และเยาวชนสามารถเข้าถึงเนื้อหาสื่อที่ส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ ทั้ง เรื่องการส่งเสริมระบบคิด ความรู้ทางวิชาการ ทักษะชีวิต ความหลากหลายในทางสังคม และ การส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ย่อมส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ในเชิงสร้างสรรค์
(๒) พฤติกรรมการใช้งาน พบว่า ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อาจจะมีทั้งการใช้งานเพื่อสร้างผลกระทบเชิงลบต่อผู้ใช้งานทั้งต่อร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน เสรีภาพ กล่าวคือ การล่อลวง การหลอกลวง การหมิ่นประมาทบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเจาะระบบ การปลอมแปลงข้อมูล และอาจจะส่งผลต่อการกักขังหน่วงเหนี่ยว การข่มขืนกระทำชำเรา การหลอกลวงให้ถ่ายภาพลามกอนาจาร เป็นต้น แต่หากมีการใช้งานเชิงสร้างสรรค์ ก็จะเป็นประโยชน์ ทั้งเรื่อง การติดต่อสื่อสาร เช่น การสนทนาออนไลน์ การประชุมออนไลน์ รวมทั้ง การได้แสดงตัวตนของตนเองผ่านระบบเครือข่าย
(๓) วัฒนธรรมในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หากมีการใช้งานไอซีทีอย่างไม่พอเหมาะอาจะส่งผลต่อภาวะการติดเกม การติดอินเทอร์เน็ต และส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังเรื่องของสุขภาพ การเรียน เวลาในชีวิตประจำวัน และอาจส่งผลต่อการเลียนแบบเชิงพฤติกรรมจากเนื้อหาในสื่อ แต่หากมีการใช้งานไอซีทีในลักษณะการใช้ประโยชน์จากไอซีที ที่เรียกว่า วัฒนธรรมสร้างสรรค์ในการใช้ไอซีที เป็นการใช้ไอซีทีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และ สังคม ก็จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับการพัฒนา
๒ ในการทำงานเพื่อจัดการปัญหาเกี่ยวกับเด็กในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สามารถจำแนกระยะและมาตรการในการทำงานเพื่อจัดการปัญหาได้เป็น ๓ ระยะ กล่าวคือ (๑) ก่อนที่เด็ก เยาวชน จะเข้าถึงและใช้สื่อ (๒) ในขณะที่เด็ก เยาวชน เข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ (๓) ในขณะที่เด็ก เยาวชน เข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยในแต่ละระยะสามารถดำเนินการได้ในรูปแบบและวิธีการที่แตกต่างกัน
ระยะของการจัดการ |
มาตรการในการทำงาน |
(๑) ก่อนที่เด็ก เยาวชน จะเข้าถึงและใช้สื่อ |
๑.๑ กติกาพื้นฐานในครอบครัว เพื่อสร้างกติการ่วมกันในครอบครัว ถึง เวลา ปริมาณ และ สถานที่ในการใช้งาน |
๑.๒ การจัดระดับความเหมาะสมของเนื้อหาของเกมคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่เป็นเกมคอมพิวเตอร์ ต้องมีการจัดระดับความเหมาะสมของเกมคอมพิวเตอร์ เพื่อเป็นเครื่องมือในการเลือกรับสื่อให้กับเด็กในครอบครัว |
|
๑.๓ ในกรณีที่เป็นเว็บไซต์ หรือ เกมออนไลน์ในโปรแกรมของ flash ในระบบอินเทอร์เน็ต จำเป็นที่จะต้องมีการติดตั้งโปรแกรมการกลั่นกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมในเครื่องคอมพิวเตอร์ในบ้าน (กรณีที่เป็นเด็ก) และ ในระดับภาพรวมต้องการปิดกั้นกลั่นกรองเนื้อหาในประเด็นวัตถุยั่วยุพฤติกรรมอันตราย ทั้งในเรื่องเพศ ยาเสพติด |
|
(๒) ในขณะที่เด็ก เยาวชน เข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร |
๒.๑ มาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กที่ผู้ให้บริการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กในที่สาธารณะหรือผ่านสื่อสาธารณะ |
๒.๒ การปรามปรามเมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ทั้ง การละเมิดต่อประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ และ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง |
|
๒.๓ การส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการสร้างและพัฒนาวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในการใช้สื่อใหม่ ที่ประกอบด้วย ทักษะการเรียนรู้เท่าทันสื่อใหม่ (เท่าทันสารสนเทศ เท่าทันการสื่อสาร เท่าทันเทคโนโลยี) และ ทักษะการใช้ไอซีทีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม |
|
๒.๔ การส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเนื้อหาออนไลน์เพื่อส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย เท่าเทียมในทุกล่วงวัยและคลอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเน้นให้เด็ก เยาวชน เป็นผู้พัฒนาผลงาน |
|
(๓) หลังจากเด็กและเยาวชนเข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร |
๓.๑ การแก้ไขปัญหาการติดเกมคอมพิวเตอร์ ๓.๒ การแก้ไขปัญหาการติดอินเทอร์เน็ต โดยการใช้แนวคิดใน ๒.๓ เข้ามาเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างการเปลี่ยนแปลง |
[1] อิทธิพล ปรีติประสงค์ , รายงานการศึกษาวิจัยเรื่อง Girls in Cyberspace : Opportunities and Risks องค์การแพลนแห่งประเทศไทย ,๒๕๕๓
ไม่มีความเห็น