วันที่ ๖ ก.ย. ๕๔ ชั้นเรียนคณิตศาสตร์ของคุณครูนุ่น – พรพิมล เกษมโอภาส มีผู้เข้าสังเกตการณ์มากกว่าวันอื่นๆ นอกจากจะมีเพื่อนครูที่เพลินพัฒนาแล้ว ยังมีเพื่อนครูจากโรงเรียนทอสี และปัญญาประทีป เข้ามาร่วมเรียนรู้ด้วย
คุณครูนุ่นเป็นหนึ่งในกลุ่มครูที่เข้าร่วมเรียนรู้กระบวนการ Lesson Study มาตั้งแต่ปลายปีการศึกษาที่แล้ว และเมื่อฝ่ายวิชาการเปิดโครงการ Open Class เพื่อสร้างการเรียนรู้ของกลุ่มครูไปบนหน้างานจริง
คุณครูนุ่นเป็นคุณครูคนแรกที่อาสานำห้องเรียนคณิตศาสตร์ชั้น ๔ ที่ตนดูแลอยู่ เปิดเป็นพื้นที่เรียนรู้ของคุณครูที่สนใจศึกษาห้องเรียนมีการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ Open Approach และสนใจเข้าร่วมเป็นกลุ่ม Lesson Study เพื่อเรียนรู้ทั้งในขั้นเตรียมสร้างแผนการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับความรู้ก่อนหน้า (met before) ขั้นจัดกระบวนการเรียนรู้ในชั้นเรียน และขั้นการสะท้อนหลังสอนร่วมกันอย่างเข้มข้น
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการ Open Class ช่วงสะท้อนหลังสอนจึงเป็นช่วงของการตกผลึกประสบการณ์ที่ทุกคนได้เรียนรู้ร่วมกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อนๆ หลายคนสะท้อนว่าคุณสมบัติสำคัญที่ครูนุ่นมีคือความพร้อมรับฟังคำแนะนำของทุกคน และสามารถที่จะนำเอาคำแนะนำนั้นไปพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของห้องได้ทันที ทำให้คุณภาพของห้องเรียน และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนดีขึ้นทุกครั้ง
ตัวคุณครูนุ่นเองสะท้อนว่า “กระบวนการ Lesson Study ในครั้งนี้ทำให้ตัวเองได้พบว่าจะทำให้การทำงานเป็นการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันได้อย่างไร ทำให้ได้อยู่กับปัจจุบันขณะอย่างชัดเจนดดยไม่ต้องไปปฏิบัติธรรม การลดความคาดหวัง ลดความตื่นเต้นที่กำลังเกิดขึ้น เป็นการได้รู้จักจริงๆ ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไรอยู่
ขณะที่เราเป็นคนสอน ต้องรู้ว่าตอนนี้เรากำลังฟังเด็ก ตอนนี้เราเขียนกระดาน ตอนนี้เรากำลังคิดกับความคิดของเด็ก ขณะที่ทำแผนก็เหมือนกัน LS ทำให้ได้อยู่กับชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆ รู้สึกกับการอยู่กับปัจจุบันขณะได้จริงๆ แล้วนุ่นก็คิดเสมอว่างานที่เลือกทำในชีวิตต้องเป็นงานที่ได้พัฒนาศักยภาพตลอด เป็นงานที่ต้องท้าทายเรา นุ่นไม่เคยมองงานครูเลย เพราะเราเคยเห็นมาว่าครูสอนเสร็จก็ไปเที่ยวไปทำนั่นทำนี่
พอมาทำงานเป็นครูที่เพลินพัฒนา แล้วได้มาเจอ LS จึงทำให้ได้เห็นว่างานครูเป็นงานที่ท้าทายศักยภาพอยู่ตลอดเวลา แล้วครูก็ต้องพัฒนาตัวเอง ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งนุ่นชอบงานที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือเหมือนกับว่าได้สนุกที่จะพัฒนาไปในทุกเรื่อง พอมาเจอ LS ก็ยิ่งชัดกับการทำงาน และเอาไปใช้กับชีวิตได้ LS เหมือนธรรมะด้วย ต้องอยู่กับปัจจุบันขณะจริงๆ แล้วจะมีความสุขกับชีวิตทุกขณะจริงๆ เพราะเราอยู่กับตรงนั้น ไม่ต้องไปคาดหวังถึงวันข้างหน้า เพราะเรารู้ว่า LS นำพาไปอยู่แล้ว
เราได้เห็นตัวเองจากการกระทำในอดีตว่าเพราะเราทำอย่างนั้น มันมี met before มันถึงงอกเงยออกมาเป็นอันนี้ ตัวนุ่นเองมีความสุข แม้ว่าจะมีความคาดหวังหรือความเครียดแต่ว่าได้เห็นตัวเอง และได้แก้ปัญหาบางอย่างในชีวิตของเราได้ชัดเจนขึ้น เพราะได้วิธีการ
ที่ผ่านมานุ่นจะคอยเช็คตัวเองตลอดว่าตอนนี้ต้องแก้ปัญหาอะไร แต่พอคิดเองจะไม่มีวิธีแก้ เพราะเรามองจากมุมที่ทำให้เกิดปัญหาอยู่ แต่คราวนี้มีคนอื่นมาช่วยคิดด้วย นุ่นชอบเวลาที่มีคนมา comment ชอบที่เขามาช่วยเรา เพราะเขาไม่ได้บอกแค่ว่าเราไม่ดีอย่างไรแต่เขาบอกวิธีการแก้มาด้วย ซึ่งทำให้นุ่นรู้สึกว่านุ่นได้กำไรจากการทำ LS เยอะมาก
การที่เขาต้องสละเวลามาหลายครั้ง (เพื่อมาช่วยคิดกระบวนการในการจัดการเรียนรู้ มาดูการสอน และมาสะท้อนหลังสอน - ผู้บันทึก) ทำให้นุ่นเป็นคนเดียวที่ได้เยอะมาก นี่จึงเป็นแรงบันดาลใจที่อยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รับเหมือนกัน”
ขณะที่เราเป็นคนสอน ต้องรู้ว่าตอนนี้เรากำลังฟังเด็ก ตอนนี้เราเขียนกระดาน ตอนนี้เรากำลังคิดกับความคิดของเด็ก ขณะที่ทำแผนก็เหมือนกัน LS ทำให้ได้อยู่กับชีวิตที่เป็นชีวิตจริงๆ รู้สึกกับการอยู่กับปัจจุบันขณะได้จริงๆ
จิตอยู่กับปัจจุบัน..ทำงานเหมือนปฎิบัติธรรม
ขอบคุณคะ