โลกกว้างคือห้องสมุด การท่องเที่ยวคือการอ่านหนังสือ ตอนตามรอยมหาราช ตอนที่5


หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการท่องเที่ยวและตามหาเมมฟิสมาทั้งวันแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนกันแล้วค่ะ ผู้เขียนพักที่ Horizon Pyramids Hotel ที่กีซ่าค่ะ

ต้นอินทผาลัมกับพระจันทร์เต็มดวง

จากห้องที่เราพักสามารถมองเห็นปิระมิดแห่งกีซ่าได้ชัดเจน

สำหรับตอนที่ 5 ผู้เขียนใช้ชื่อตอนใหม่ว่า "ตามรอยมหาราช" เพราะว่าเราจะไปท่องเที่ยวที่เมืองอเล็กซานเดีรย (Alexandria) กันค่ะ

หลังจากยุคของรามเสสที่ 2 จวบจนสิ้นราชวงศ์ที่ 19 อาณาจักรไอยคุปต์ (ไอยคุปต์ : เป็นคำศัพท์ที่คนไทยใช้เรียกอียิปต์สมัยโบราณ มีความหมายรวมถึงชนชาติ ภาษา และวัฒนธรรม กล่าวโดยย่อคือใช้ทั้งในฐานะของคำนามและคุณศัพท์ ส่วนอียิปต์หลังยุคฟาโรห์นิยมใช้คำว่า "อียิปต์"ตามปกติ ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีการใช้คำ "ไอยคุปต์"ในภาษาไทยมาช้านานเพียงใด แต่มีการกล่าวถึงชัดเจนในข้อเสนอแนะของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่แสดงพระราชนิยมเกี่ยวกับการใช้คำศัพท์เรียกชื่อทางภูมิสาสตร์เมื่อราว พ.ศ. 2465 ดังนี้ "นามประเทศ อียิปต์ รักให้เรียก ไอยคุปต์ ตามแบบหนังสือสันสกฤต"เปลี่ยนไป การแก่งแย่งอำนาจระหว่างนักบวชกับฟาโรห์ที่เกิดรอยร้าวลึกมานานเริ่มแสดงผลให้เห็น ราชวงศ์ที่ 20-21 คือความแตกแยกทั่วแผ่นดิน อียิปต์กลับเป็น 2 อาณาจักร ฟาโรห์มีอำนาจแค่บางส่วน ที่เหลือคืออำนาจของนักบวชและทหารที่สถาปนาตัวเองเป็นฟาโรห์ จนสุดท้ายอะบูวิมเบลสิ้นมนต์ นูเบียประกาศตัวเองเป็นเอกราช แม้แต่ "โนม" หรือหัวเมืองย่อยเริ่มไม่ยอมรับอำนาจส่วนกลาง ฤาอียิปต์จะถึงเวลาสิ้นสูย

ไอยคุปต์ไม่สิ้นคนดี แม้คนดีรายนี้จะเป็นชาวต่างชาติในอดีตอียิปต์เคยรบพุ่งกับอาณาจักรรอบด้าน บางครั้งกวาดเกณฑ์ผู้คนเข้ามา ไม่ผิดอะไรกับชาวมอญในประเทศไทย แต่ในอียิปต์คือชาวลิเบีย เมื่ออยู่มานานชาวลิเบียผู้หนึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจสถาปนาตนเองเป็นฟาโรห์โชเชง นั่นคือจุดเริ่มต้นของราชวงศ์ที่ 22

แม้เชื้อชาติมิใช่สายเลือดไอยคุปต์ แต่ฟาโรห์นับตัวเองเป็นส่วนหนึ่งแห่งอาณาจักร พระองค์ทำสงครามกับปาเลสไตน์จนได้รับชัยชนะ ก่อนบุกยึดเยรูซาเลม อียิปต์คล้ายกลับคืนสู่ยุครุ่งโรจน์ น่าเสียดายที่ฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 23-24 ไม่สามารถรักษาความเก่งกาจเช่นปฐมกษัตริย์เมื่อ 2,700 ปีก่อน กษัตริย์แห่งนูเบียได้เวลาล้างแค้น พระองค์ยกกำลังมาตามลุ่มน้ำไนล์ก่อนพิชิตอียิปต์ได้โดยแทบไม่ต้องก่อสงคราม และนั่นคือที่มาของราชวงศ์ที่ 25 เมื่อนูเบียครองอียิปต์

ฟาโรห์ผิวดำคงอยู่ในอียิปต์อีกนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไปแค่ร้อยปี อาณาจักรน่ากลัวที่สุดในยุคนั้นเริ่มคิดรุกรานอียิปต์ พวกเขาคือชาวอัสซีเรียหรือรากศัพท์ของคำว่า "อสูร" ที่สืบต่อมาจนเป็นคำศัพท์ไทย อัสซีเรีย (อัสซีเรีย คือ อิรัก ในปัจจุบันชื่นชอบการรุกรานชนชาติอื่น พวกเขาโหดร้าย ฆ่าสิงห์โตเป็นว่าเล่น อัสซีเรียเป็นใหญ่เหนืออียิปต์ ตั้งผู้ปกครองขึ้นมา แต่อย่างว่าแหล่ะค่ะ ใครมายุ่งกับอียิปต์เป็นต้องหลงมนต์อยู่ร่ำไป จะเป็นชาวลิเบียหรือนูเบียยึดอียิปต์ปุ๊บ เปลี่ยนตัวเองเป็นฟาโรห์ปั๊บ หันมานับถือความเชื่อและประเพณีแบบอียิปต์ ชาวอัสซีเรียก็ไม่ผิดกัน ผู้ปกครองนั้นจึงทรยศตั้งตนเป็นฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 26 อัสซีเรียเตรียมบุกเข้ามาจัดการ ทว่า...เรามาถึงจุดมืดในประวัติสาสตร์จู่ๆอาณาจักรอัสซีเรียกลับล่มสลายโดยไร้สาเหตุแน่ชัด

อัสซีเรียจากไป เปอร์เซียเข้ามาแทน จักรวรรดิแห่งนี้ยิ่งใหญ่กว่าอัสซีเรียหรือศัตรูอื่นใดที่ชาวไอยคุปต์เคยเผชิญ เปอร์เวียคืออาณาจักรใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น อาณาเขตยาวเหยียดจากทะเลดำจดทะเลแดง จากตุรกีจดลุ่มแม่น้ำสินธุ อียิปต์ในยุคตกต่ำไม่สามารถทานอำนาจ ชาวเปอร์เซียจึงปกครองอียิปต์ตั้งตนเป็นฟาโรห์แห่งราชวงศ์ที่ 27 แต่คำสาปฟาโรห์ยังคงมีมนต์ ผู้ปกครองถูกกลืนหายไปเป็นส่วนหนึ่งของอียิปต์ ก่อนชาวอียิปต์จะตั้งราชวงศ์ที่ 28-30 ขึ้นมาเอง แม้จะไม่รุ่งเรืองถึงขั้นมีวิหารสำคัญใดในประวัติศาสตร์

จุดจบอย่างแท้จริงของฟาโรห์สายเลือดไอยคุปต์ คือ ฟาโรห์เนคทาโนโบที่ 2 พระองค์พยายามต่อต้านเปอร์เซียด้วยการร่วมมือกับหลายอาณาจักรย่อยที่ถูกปกครองดดยพวกนั้น น่าเสียดายผลของสงครามไม่เป็นตามคาด ฟาโรห์ชาวอียิปต์องค์สุดท้ายลี้ภัยจนสาบสูญไปในซาฮารา เปอร์เซียกลับมาปกครองอียิปต์โดยสมบูรณ์ และครั้งนี้เปอร์เซียไม่ปล่อยให้มนตราแห่งฟาโรห์มีอำนาจเหนือพวกตนอีกต่อไป พวกเขากดขี่ข่มเหงชาวไอยคุปต์จนแม่น้ำไนล์แทบกลายเป็นสีเลือด

นั่นคงเป็นบรรทัดสุดท้ายของความลับแห่งลุ่มน้ำไนล์ วิหารอย่างเอ็ดฟู คอมออมโบ และฟิเล คงไม่เหลือสิ่งใดให้เราเห็นหากโลกนี้ไม่มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้วึ่งประกาศว่าข้าต้องการพิชิตโลก พระองค์ชื่ออเล็กซานเดอร์

อเล็กซานเดอร์...เขาเป็นลูกของกษัตริย์ฟิลิปผู้นำเก่งกล้าแห่งมาซีโดเนีย ฟิลิปต้องการรวบรวมกรีกเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งเอาไว้ต่อกรกับศัตรูในภายหน้า แต่สิ่งที่กษัตริย์รายนี้ประสบความสำเร็จสูงสุดโดยที่เขาไม่รู้ตัว คือ ลูกชายของเขานามอเล็กซานเดอร์ ผู้เชื่อว่าตนคือเชื้อสายของเทพเจ้า เขามีความฝันใหญ่กว่าบิดา เขาฝันว่า...เขาจะชนะทั้งโลก ด้วยความฝันนี้ อเล็กซานเดอร์จึงกลุ้มใจทุกครั้งที่ได้ยินว่าพระบิดาได้รับชัยชนะในการสู้รบ เพราะเขากลัวในสิ่งที่ไม่เคยมีเด็กคนไหนกลัว เขากลัวบิดาเขาจะรบชนะหมดไม่เหลือดินแดนใดให้เขาพิชิต = = !!

เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุ 10 ขวบ ฟ้าเปิดโอกาสแรก กษัตริย์ฟิลิปได้ม้าศึกจากเมือง Thrace ม้าหนุ่มตัวนี้มีรูปร่างสมเป็นยอดอาชา ผิดตรงว่าไม่มีใครสามารถบังคับได้ จนกษัตริย์เบื่อจึงเตรียมแทงจำหน่าย อเล็กซานเดอร์ไม่เห็นด้วย บอกว่าไม่ใช่บังคับไม่ได้ ม้าตัวนี้เพียงรอเวลา กษัตริย์และเหล่าขุนพลทำหน้าสงสัย รอเวลาอะไรเหรอ! อเล็กซานเดอร์ตอบอย่างภาคภูมิใจ รอเวลาให้ข้าขึ้นไปอยู่บนหลังมัน เสียงหัวเราะก๊ากดังลั่น บ้างเกรงใจกษัตริย์ก็หัวเราะเบาๆ แต่ฟิลิปนั่นแหละหัวเราะดังกว่าเพื่อน เร็วไปมั้งลูก เจ้าจะมีปัญญาบังคับมันได้อย่างไร แต่สุดท้ายหลังจากอเล็กซานเดอร์ยอมพนันด้วยทุกอย่างที่พระองค์มี อเล็กซานเดอร์จึงได้ขึ้นไปอยู่บนหลังม้าที่ทั้งพยศทั้งโลดแล่นจนเขาแทบตกลงมาคอหักตายไม่ได้พิชิตโลก เคราะห์ดีที่เขาสังเกตเห็น บูซีฟาลัส (ชื่อม้า) กลัวเงาของตัวเอง เมื่อใดที่หันหัวม้าเข้าหาแสงอาทิตย์บูซีฟาลัสเริ่มสิ้นพยศ อเล็กซานเดอร์พูดจนม้ายินยอมให้เขาเป็นเจ้านายคนแรกและคนเดียวตลอดชีวิต เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตม้าท่ามกลางความตกใจของคนรอบข้าง กษัตริย์ฟิลิปตรัสกับคนรอบกาย มาซีโดเนียเล็กเกินไปสำหรับลูกข้า

เมื่อฟิลิปสวรรคตในฉับพลัน อเล็กซานเดอร์พิสูจน์ว่ามาซีโดเนียเล็กเกินไป เขาจัดการกับผู้ต่อต้านอย่างเฉียบขาด ก่อนเดินทัพถล่มโลก เริ่มต้นที่เมืองทรอย อเล็กซานเดอร์เข้าไปในวิหารซีอุส เทพสูงสุดของกรีก เขายืนเหนือปมเชือกปริศนาที่มีตำนานว่า ผู้ใดแก้ปมนี้ออกผู้นั้นพิชิตโลก อเล็กซานเดอร์แก้ออกในพริบตา ด้วยการชักดาบฟันขวับเดียวปมขาดพินาศสิ้น เขาใช้เวลาทั้งคืนขอพรจากมหาเทพ นี่คือนิสัยประจำตัวของชายหนุ่มผู้สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า

จากกรีกสู่เปอร์เซียสู่อินเดีย เขาพิชิตอาณาจักรใหญ่เท่ายุโรปในเวลา 12 ปี ไม่เคยมีผู้ใดทำเช่นนี้ได้ และไม่มีวันจะมีอีกแล้ว เมื่อใดที่ร่างกายของชายผู้นั่งอยู่เหนือม้าดำสนิทปรากฎกาย กองทัพใดในหล้าล้วนขวัญผวา วิ่งหนีและพ่ายแพ้ แต่อเล็กซานเดอร์สมเป็นมหาราช เขาไม่เคยทำร้ายผู้แพ้ ยกย่องและให้เกีนรติเสมอมา เป้าหมายของเขาคือพิชิตโลก มิใช่ทลายโลก และหากอยากพิิตโลกเขาต้องครอบครองดินแดนไอยคุปต์ที่กำลังตกอยู่ภายใต้การข่มเหงของเปอร์เซีย

มหาราชมาอย่างที่ควรจะเป็น ได้รับชัยชนะ ครอบครองดินแดน แต่เขาคือกษัตริย์ต่างชาติหนึ่งเดียวที่คนอียิปต์นับถือด้วยดวงใจ เพราะเชื่อว่านี่คือสายเลือดแห่งฮอรัสผู้กลับมาปลดปล่อยอียิปต์ อเล็กซานเดอร์ไม่เคยประกาศว่าตัวเองเป็นฟาโรห์ แต่สำหรับทุกคนที่นั่น เขาคือฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ แม้พระองค์อยู่อียิปต์เพียง 45 วัน และไม่ได้กลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิต แต่ชาวอียิปต์ไม่เคยลืมชายผู้นี้

ในบรรดาเมืองต่างๆกว่า 200 แห่งที่อเล็กซานเดอร์ตั้งขึ้นมาระหว่างกรีธาทัพยึดโลก ทุกเมืองล้วนชื่ออเล็กซานเดรีย แต่หนึ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงใช้ชื่อเยี่ยงนี้แม้เวลาผ่านมากว่าสองพันปี

อเล็กซานเดรีย เมืองแห่งความฝันของอเล็กซานเดอร์มหาราช...

หากนับตามตำนานที่เล่าขาน Alexandria สมควรเป็นเมืองระดับสุดยอดเป็นเป้าหมายของคนที่ชื่นชอบควาโรแมนติกคลาสสิกทั้งปวง เมืองสร้างขึ้นริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยจอมจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราช (331 ปีก่อนคริสตกาล)เพื่อเป็นเมืองท่าสำคัญสุดในการคมนาคมทางเรือย่านนี้ หลังจากจอมทัพสิ้น ขุนพลของอเล็กซานเดอร์แตกเป็นก๊กเป็นเหล่า ในยุคนั้นมีองครักษ์ทั้งเจ็ด หนึ่งในนั้นคือ Ptolemy เขาต่อสู้จนนำร่างของพระองค์กลับมาที่เมืองนี้ ก่อนประกาศตนเป็นผู้นำปกครองอียิปต์สืบมา ปโตเลมีกลายเป็นฟาโรห์แห่งราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์ ครองอำนาจต่อเนื่องร่วม 300 ปี ก่อนสิ้นยุคเมื่อโรมันบุกยึดครองอียิปต์โดยสมบูรณ์เมื่อ 30 ปีก่อนคริสตกาล ถือเป็นจุดจบแห่งอารยธรรมไอยคุปต์ฉะนี้แล

ในช่วง 300 ปีแห่งการปกครอง มีฟาโรห์หลายองค์ที่ช่วยพัฒนาอียิปต์ฟื้นฟูโบราณสถานเก่าแก่ แต่ทั้งหมดแทบถูกลืมเลือน ด้วยมีหญิงหนึ่งขึ้นมาเป็นเอก เธอคือสตรีผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก พระนางคลีโอพัตรา Cleopatra VII

หมายเลขบันทึก: 460286เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2011 15:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2012 07:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท