เมืองเล็กๆที่เรียกว่าแม่ฮ่องสอน ตอน 4


       เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่ค่อนข้างเย็นแต่ก็รู้สึกสบายตัวดี หลังจากที่ได้พักเอาแรงในบ้านพักที่ตัวบ้านเป็นไม้ไผ่สานสไตล์พื้นบ้าน แต่มันก็ดูแข็งแรงใช้ได้(เข้ากับบรรยากาศสุดๆ) ข้าพเจ้าตื่นมาตอนเช้าก็ได้เห็นหมอกยามเช้า(ก็มันเมืองสามหมอกนี่ ก็เลยมีหมอกทุกฤดู)ดูแล้วอย่างกับหน้าหนาว ทั้งที่เป็นปลายฝนต้นหนาว แต่ถ้าหน้าหนาวจริงๆข้าพเจ้าว่าคงจะอยู่บ้านพักไม้นี้ไม่ได้แน่ เพราะคงจะเย็นเข้าไปถึงหัวจิตหัวใจและหมอกก็คงจะหนาจัดทีเดียว ตื่นมาสูดอากาศยามเช้าจนเต็มปอดแล้ว ก็ได้เวลาเก็บของเตรียมเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนกัน แค่คิดว่าต้องนั่งรถที่ทางโค้งไปโค้งมาก็เริ่มเวียนหัวแล้ว ข้าพเจ้าออกจากเมืองปายในตอนสายๆ ระหว่างทางก็ผ่านสถานที่ชมวิวอยู่หลายแห่ง เช่น “ดอยกิ่วลม”  “ถ้ำผีแมน” หรือตรงไหนที่วิวสวยๆก็จะจอดแวะเก็บภาพซักเล็กน้อย ตลอดเส้นทางมีอะไรให้ข้าพเจ้าได้ดูแบบไม่มีหลับเลย เพราะข้าพเจ้ารู้สึกอยากจะเก็บทุกรายละเอียดของเมืองแห่งนี้จริงๆ หรือเป็นเพราะว่าข้าพเจ้าหลงรักที่นี่เสียแล้ว บอกได้เลยว่าถ้ามีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ข้าพเจ้าคงจะไม่ย้ายไปไหนเป็นแน่ถึงแม้ว่าจะไกลบ้านเกิดของข้าพเจ้าก็ตาม ที่นี่เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ น่าอยู่ แล้วก็ดูอบอุ่น ชาวเมืองก็มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย อยู่ร่วมกันแบบพี่แบบน้อง เป็นเมืองเล็กที่แม้จะไม่มีเทคโนโลยีหรูหราเหมือนที่อื่นแต่ถ้าพูดถึงเรื่องธรรมชาติก็คงไม่มีที่ใดเทียบได้
ข้าพเจ้าถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนราวบ่ายแก่ๆ จากเมืองปายมาถึงตัวเมืองนี้ก็ใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนกัน ผ่านโค้งมาประมาณพันสามร้อยกว่าโค้ง ทั้งที่ระยะทางไม่เท่าไหร่(เจ๋งสุดๆ เมืองพันโค้ง) พอถึงที่พักในเมืองก็เตรียมของบางส่วน เพราะตอนเย็นข้าพเจ้าจะไปพักในสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ “ปางอุ๋ง” ซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านรวมไทย เป็นหมู่บ้านภายในโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ในพระบรมราชินูปถัมป์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นแนวสนที่ปลูกเรียงรายอย่างกลมกลืน ยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี งดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อเตรียมของเสร็จทั้งเสบียง เครื่องนอน ก็เกือบเย็นแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางพอดี ข้าพเจ้าไปถึงที่นั่นก็ตะวันพลบค่ำ เมื่อลงรถปุ๊บข้าพเจ้าก็ไม่วายที่จะเก็บภาพทันที มันเป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดินซึ่งเป็นภาพที่สวยมาก ข้าพเจ้าไม่รู้จะอธิบายยังไงถึงความงามยามพลบค่ำแบบนี้ แต่ประทับใจมากตั้งแต่เห็นเลย ข้าพเจ้าเดินสำรวจบริเวณรอบๆเพื่อหามุมที่จะเก็บภาพก็ได้ภาพสวยๆมาเยอะอยู่เหมือนกัน และแล้วก็ได้เวลาอาหารค่ำ ข้าพเจ้าก็นำเสบียงที่มาด้วยจัดปิกนิกตรงลานหน้าห้องพัก ก่อกองไฟย่างเนื้อ ลูกชิ้น กินกับข้าวเหนียวอุ่นๆ ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติรอบๆ มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก กินไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มเย็นลงๆ แม้กระทั่งน้ำแข็งก็แถบไม่ละลายเลยพอใกล้สี่ทุ่มก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าจะปิดไฟแล้ว อ่อ!!ที่นี่จะหยุดปั่นไฟตอนสี่ทุ่ม เพราะปกติแล้วชาวบ้านในหมู่บ้านนี้เขาจะปั่นไฟใช้เอง ไม่มีไฟฟ้า พอค่ำเขาก็พากันนอนโดยหยุดกิจกรรมทุกอย่างในหมู่บ้าน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวก็จะปั่นไฟให้ถึงสี่ทุ่ม ข้าพเจ้าจึงต้องจุดเทียนทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ อยู่ได้ซักพักอากาศเริ่มเย็นลงจนนั่งไม่ติดแล้ว หนาวขึ้นเรื่อยๆจนต้องพากันเข้าที่พักเพื่อพักผ่อนเตรียมพร้อมที่จะตื่นตอนเช้าไปดูหมอก เพราะเขาบอกกันว่าอย่างกับอยู่นิวซีแลนด์เลย ไปละพักผ่อนดีกว่า…..
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หมายเลขบันทึก: 458853เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2011 01:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวยงาม แต่ยังไม่เคยไปสัมผัส มีโอกาสคงต้องให้กำไรกับชีวิต ไปชมความงาม

พี่เคยไปแม่ฮ่องสอน สี่ครั้งในชีวิต

ไปรถหนึ่งครั้ง ทำเอาเข็ด :-D

น้องเล่าเรื่องได้เห็นภาพดีมากคะ

อ่านเพลิน

ถ้ายิ่งเพิ่มย่อหน้า มากขึ้น ยิ่งอ่านง่ายขึ้นคะ

จับภาพได้สวยงามมากๆ ค่ะ .. เมืองสายหมอก คือเส้นทางแห่งความทรงจำ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท