หายจากอาการเมารถด้วยใจเราเอง


ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตที่ฝึกแล้วย่อมมีพลัง

       ผู้เขียนให้ความสำคัญกับจิตใจค่อนข้างมาก และคิดว่าจิตใจที่ฝึกแล้วต้องมีพลัง พลังที่ว่าผู้เขียนไม่ได้หมายถึงเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างพระโมคคัลลานะ แต่หมายถึงพลังใจที่เข้มแข็ง อดทน มั่นคงไม่หวั่นไหวและต่อสู้ต่อปัญหาและอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       ผู้เขียนได้รับการฝึกฝนจากบ้านให้มีจิตใจเข้มแข็ง อดทน ไม่กลัวปัญหาอุปสรรค หรือแม้แต่ความเหนื่อยยาก ฝึกให้มองเห็นอะไรตามความเป็นจริง เป็นบวก หรืออาจจะเรียกได้ว่า "มองโลกอย่างสดใสด้วยความระมัดระวัง" ผลก็คือ ตนเองมีความสุขใจ คนรอบข้างก็ไม่ทุกข์ไปกับเรา

       ผู้เขียนเห็นตัวอย่างมามากเหมือนกัน เช่น คนสองคนถูกผ่าตัดด้วยโรคอย่างเดียวกัน แต่แสดงอาการต่างกัน อีกคนหนึ่งมีความอดทนดูไม่ค่อยเจ็บปวดมากมายนัก แต่อีกคนเหมือนกำลังปวดหนัก ถ้าวัดอีกคนเจ็บ 5 อีกคนเจ็บประมาณ 9 ใน 10 ประมาณนั้น ดิฉันคิดว่านั้นน่าจะมีจากจิตใจที่รับได้ไม่เท่ากัน บางคนเจอปัญหาเหมือนกันแต่รับได้ไม่เท่ากัน จึงทุกข์ไม่เท่ากัน

       ผู้เขียนก็ทดสอบกับตนเอง ก็เห็นได้ผลนะ เช่นเวลาเดินกลางแดด ในขณะเดินก็คิดว่า มันก็ร้อนธรรมดา ไม่ได้ร้อนมากนัก มันก็ไม่ร้อนมากจริงๆ แต่วันไหนที่คิดว่าร้อนมาก บ่นด้วยว่าร้อนมาก ไม่ควบคุมตัวเองว่าให้ใจรู้สึกธรรมดา ก็จะร้อนมากจริงๆ เช่นเดียวกับอาการเมารถ ดิฉันเมารถ เมาเรือมาก ชนิดหัวทิ่มบ่อ เป็นลม ก็มีผู้แนะนำว่านั่งรถไฟซิรับรองไม่เมา แต่ขอโทษทีเมาอีกนั่นแหละ ดิฉันมาพิจารณาว่าทำไมเราต้องเมารถ คนจำนวนมากไม่เห็นจะเมา ฉะนั้นเราจะไม่พึงยาและต้องหายให้ได้ด้วยใจที่เข้มแข็งของตนเอง แล้วก้หายจริงๆ นี่คือบทพิสูจน์ด้วยตนเองที่เล่าให้ลูกๆฟัง รวมทั้งคนอื่นด้วย

      ครั้งหนึ่งพี่เขยเล่าให้ฟังว่า น้องสาวตอนสาวๆเมารถมาก จนกระทั่งบัดนี้มีลูกโตแล้วก็ยังเมารถอยู่ ไปไหนต้องกินยา ครั้งหนึ่งน้องสาวลืมยาแก้เมารถ พี่เขยก็บอกว่าของพี่มี ซึ่งยานั้นคล้ายยาแก้เมารถแต่ไม่ใช่ยาแก้แพ้ น้องสาวกินแล้วก็ไม่เมารถเลย ทั้งๆที่ไม่ใช่ยาแก้เมารถ เห็นตัวอย่างอย่างนี้ก็คิดว่าตนเองต้องหายจากเมารถได้ และก็เป็นจริง ลองทำดูซิ ให้ใจห้ามเองว่าไม่เมส ไม่เมาแล้ว มองเห็นสิ่งข้างหน้าเป็นธรรมดา

      อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนทำสำเร็จ คือ เมื่อแปรงฟันจะอาเจียนทุกครั้ง โก่คอจนนำเปรี้ยวออกจากท้องมาถึงลำคอ แต่ก็สังเกตว่าวันไหนที่เราลืมไม่ได้คิดว่ากำลังแปรงฟัน เดี๋ยวจะอ้วก วันนั้นก็ไม่มีอาการ วันหลังจึงกำหนดไว้ที่ใจเลยว่า เรากำลังแปรง ธรรมดา ไม่เห็นจะเป็นอะไร เออก็ไม่เป็นอะไรจริง เดี๋ยวนี้คิดหรือไม่คิอก็ไม่อ้วกแล้วค่ะ ...นั่นแหละ ผู้เขียนคิดว่าหายได้เพราะใจของเราเอง

         

หมายเลขบันทึก: 458382เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2011 15:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท