คำว่า "เนระพูสีไทย" ฟังไม่คุ้นหูสำหรับพันธุ์ไม้ชื่อแบบนี้ แต่หากเอ่ยคำว่า "ว่านนางครวญ" หรือ "ว่านค้างคาวสีดำ" หลายๆท่านก็จะเริ่มคุ้นเคยโดยชื่อเรียกว่าชนิดนี้มีหลากหลายเช่น ว่านหัวฬา(จันทบุรี) ดีงูหว้า(ภาคเหนือ) ดีปลาช่อน(ตราด) เนระพูสีไทย(ภาคกลาง) มังกรดำ ค้างคาวดำ นิลพูสี(กรุงเทพ) ม้าถอนหลัก ว่านพังพอน (ยะลา) ว่านนางครวญ(นครศรีธรรมราช) ชื่อหลังสุดท่านเกษตรยะลาเคยนำมาเขียนเล่าเรื่องใน G2K ในบันทึก "ว่านนางครวญ"
บ้านครูนกแม่เรียกว่า "ค้างคาวสีดำ" ที่บ้านเราออกดอกมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ตำแหน่งที่แม่ปลูกอยู่หน้าบ้านเลยเป็นที่สนใจของผู้พบเห็นอยากได้ต้นไปปลูกกันบ้าง
"ค้างคาวดำ" นับเป็นพืชล้มลุก ที่มีเหง้าอยู่ใต้ ดิน ใบจะเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม เนื่องจากมีประโยชน์ทางด้านสมุนไพรด้านการรักษาโรคบางอย่าง ในอดีตจึงนำมาปลูกเพื่อเป็นส่วนระกอบของการทำยา แต่ในปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นไม้ดอกไม้ประดับในหลาย ๆ แห่งทางภาคเหนือ มีขายทั้งที่เป็นเหง้า และเป็นต้น
ข้อมูลทางพฤกษศาสตร์
อาณาจักร พืช (Plantae)
ส่วน Magnoliophyta
ชั้น Liliopsida
อันดับ Liliales
วงศ์ Taccaceae
สกุล Tacca
สปีชีส์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ใบ เรียงสลับเวียนเป็นรัศมี รูปวงรี รูปขอบขนานถึงรูปใบหอกกว้าง 6-18 เซนติเมตร ยาว 25-60 เซนติเมตร
ก้านใบแผ่เป็นครีบ
ดอก คล้ายค้างคาวบิน บาน 2-3 สัปดาห์ ลักษณะเป็นดอกช่อ ซี่ร่ม มีดอกย่อย 4-6 ดอก มีสีม่วงแกมเขียวถึงสีม่วงดำ ใบประดับ 2 คู่ สีเขียวถึงสีม่วงดำเรียงตั้งฉากกัน
เมล็ด เมล็ดรูปไต
ผล ผลสด รูปขอบขนานแกมสามเหลี่ยม มีสันเป็นคลื่นตามยาวหัว มีหัวใต้ดิน
การขยายพันธุ์ แยกกอ
ฤดูกาลขยายพันธุ์ ตลอดปี
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ชอบที่ชื้นแฉะ แดดจัด ใกล้หนองน้ำ อยู่ตามร่มไม้
การใช้ประโยชน์
ทางอาหาร ใบยอดอ่อน เผาไฟ ลวกต้ม ทานกับลาล
ทางยา หัว หั่นแว่น ดองเหล้า เป็นยกบำรุงกำลัง มูเซอใช้ต้น ใบ ราก ต้มกิน แก้มะเร็ง
การใช้สอยอื่น ไม้ประดับ
ในด้านความเชื่อหรือเรื่องเล่าที่อ่านพบในอินเตอร์เน็ตคือ ต้นเนระพูสีไทย หรือดอกไม้ค้างคาวนี้ คือ ว่านพังพอน ที่สามารถส่งเสียงร้องได้เหมือนเสียงนกในคืน๑๕ค่ำ
แต่เมื่อใครได้ยินเสียงร้องนี้ให้ถือว่าเป็นลางร้าย บอกให้เจ้าของว่านระมัดระวังตัวเพราะจะมีเคราะห์ร้ายต้องรีบไปทำพิธีเสดาะเคราะห์ ความเชื่อเรื่องนี้ท่านนักเลงว่านรุ่นผู้เฒ่าในภาคใต้หลายจังหวัดที่เชื่อกันว่า ว่านพังพอนหรือเนระพูสีไทยต้นนี้ร้องได้อยู่ (อ้างอิงจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=luckystar&month=12-2010&date=23&group=20&gblog=217)
สำหรับครูนกเองไม่เห็นด้วยกับคำว่า "ค้างคาวสีดำ" เพราะเดินวนไปวนมาก็คิดว่า "น่าจะชื่อว่าค้างคาวสีม่วง" แต่ก็เห็นด้วยว่าเป็นไม้งามแปลกตา ธรรมชาติออกแบบได้อย่างหรูหรามีระดับสำหรับดอกไม้ชนิดนี้
ที่มา
- หนังสือของสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
- http://www.maipradabonline.com/news/news1/news7.htm
-