พี่จ๋อม เล่าว่า ... ทำไมถึงเป็นคนคนนี้
พอเรามีปัญหาเกิดขึ้นปัญหาหนึ่ง จะมองก่อนว่า ใครควรเป็นแกนนำ อันที่หนึ่ง เลือกจากว่า คนนั้นเต็มใจ จะถามว่า ไหวไหม คุยกัน ถ้าไหวก็ OK แต่เราจะเอาคนที่ทำงานภาระกิจหลัก เช่น คนนี้ต้องดูแลภารกิจ CPI ว่า tube หลุด เป็นคนเก็บสถิติ แต่คนนี้มีปัญหาอยากทำแน่ๆ เราก็จะเอาสองคนนี้มาประกบกัน แต่ถ้าเดิมแล้วไม่มีปัญหามาก่อน สมมติเด็กตัวเย็น เราก็จะมองว่า คนนี้มีภารกิจ เป็นคณะบริการในตึก (ใน NICU จะแบ่งเป็นคณะบริหาร บริการ และวิชาการ) เราก็จะประสานไป นั่นคือ ไม่ให้เพิ่มภาระงาน อันที่หนึ่ง และอันที่สอง คือ คนที่มีความตั้งใจ และคนนั้นมีผลสัมฤทธิ์ได้
แม้กระทั่งเป็นคนใหม่ ก็ดูตรงนี้ให้ เมื่อรู้สึกว่า เขามีไฟเริ่มลุกโชนแล้ว เราปล่อยได้ หรือว่าดูแล้วคนนี้ ท่าทางยังไม่รู้อะไร ก็บอกว่า น้องทำเลย เดี๋ยวพี่จะช่วยเรื่องอื่นๆ เอง
เหมือนอย่างพี่จ๋อม เมื่อปี 2547 ที่ว่าหมอก้องเริ่ม ตัวเองเริ่มมาทำใหม่ๆ ทุกคนก็รู้สึกว่า งานก็เริ่มโหลด ดูแลเด็กตั้งหลายตู้ แล้วจะต้องมาให้ทำ ก็เลยต้องทำเป็นตัวอย่างก่อน จะมาบังคับให้น้องทำ พี่ไม่ทำไม่ได้ ก็เริ่มลงทำเลย วิจัย 1 เรื่อง คือ ร่วมสัมผัส ไม่ได้จบโทอะไรมา แต่ต้องการทำให้น้องดูว่า พี่ไม่ได้เรียนโทแต่ก็ทำได้ โดยทำกับน้อง และไปหาที่ปรึกษาอาจารย์ที่ศิริราช ที่ได้ช่วยให้คำแนะนำ ทำให้เกิดผลงานวิจัยให้น้องเห็น
ครั้งหนึ่ง คือ ผอ. ศูนย์ฯ เดินมาบอกว่า จ๋อม ผมเห็นทุกตึกเขาเป็นพยาบาลทำกัน ช่วยคิดอะไรที่เป็นระดับล่างทำให้หน่อยสิ ก็เลยแบ่งกลุ่มประชุม คุยกับน้องแม่บ้านก่อน เราทำกระบวนการคล้ายๆ กัน แต่เราไม่ได้พูดคำอะไรที่บังคับ
บอกว่า ไม่ต้องกลัว ตอนนี้พี่ดูงานของเรามาแล้ว ก็คือ อันที่หนึ่ง ทำความสะอาดห้อง อันที่สอง ดูสิว่าห้องยังเหลืออะไรอยู่ และตอนนี้มันมีปัญหาอะไร งานชิ้นแรกที่เขาได้รางวัลชมเชย ก็คือ สุขาน่าใช้ เอาใบเตยมาหั่น มองดูก็ง่ายๆ ไม่เห็นต้องเป็น KM เลย แต่ว่ากลิ่นมันหอม ตอนแรกเราเริ่มต้นก่อนว่า phase 1 ว่า จะเลือกสมุนไพร หรือจะเลือกสเปรย์ เขาบอกว่า สเปรย์ก็สะดวก แต่สมุนไพรก็ดูดีนะ ก็ลองคิดราคามาให้ดูเลย ให้เขาคิด จะได้ตัดสินใจถูก เขาก็ใจขึ้นแล้ว นั่นคือ ต้อง empowerment เป็นระยะ เมื่อทำไป ก็จะรู้สึกได้เองว่า เขาก็เก่ง ทำได้
ไม่มีความเห็น