น้ำตาของเราทุกคนล้วนมี “รสเค็ม”


จะมีก็แค่เพียงคำว่า “โลก” หรือ “สิ่งมีชีวิต” เท่านั้น ที่เราทุกคนจะต้องดูแลรักษา เอาใจใส่ ให้ความรัก ความเมตตา ปกป้องคุ้มครอง และทะนุถนอมให้มากที่สุด

 

 

 

 

 

คิดแบบวงกลม  :

น้ำตาของเราทุกคนล้วนมี “รสเค็ม”

 

 

 

น้ำตาของเด็กน้อย

 

 

 

(๑)

 

          ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กน้อย

          ฉันเคยร้องไห้บ่อยๆ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง

          บางครั้ง.....เพราะถูกเพื่อนรังแกหรือกลั่นแกล้ง

          บางครา.....เพราะถูกพ่อแม่ดุด่าจากความดื้อรั้นของตัวเอง

          บางคราว.....เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา

          บางที.....เพราะดีใจเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

          บางเวลา.....ก็เกิดจากชัยชนะหรือความพ่ายแพ้

          หลายครั้ง....ที่น้ำตาอาบแก้มและไหลนองลงมาถึงมุมปากของฉัน

          ทำให้ฉันได้สัมผัสกับรสชาติแห่งน้ำตาของตนเอง

          ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

          สิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

          ก็คือ....ฉันได้เรียนรู้ว่า......  “น้ำตาของฉันมีรสเค็ม”

 

 

(๒)

 

          เมื่อฉันเติบใหญ่ขึ้น

          ยามที่ฉันเห็นเด็กๆ ชายหญิงร้องไห้จนน้ำตาอาบแก้ม

          ฉันมักจะเข้าไปปลอบโยนและให้กำลังใจพวกเขา

          พร้อมทั้งถามว่า...."น้ำตาของเธอมีรสชาติเป็นอย่างไร?"

          พวกเขาก็ตอบฉันว่า.....”น้ำตามีรสเค็มครับ(ค่ะ)”

         บางคราวฉันก็อาจหาญที่จะถามพวกผู้ใหญ่ที่กำลังร้องไห้จากเหตุผลต่างๆ ด้วยเหมือนกันว่า.....

          “น้ำตาของคุณมีรสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”

          สิ่งที่เขาตอบกับฉันก็คือ.....”น้ำตามีรสเค็มครับ(ค่ะ)”

          ซึ่งทำให้ฉันได้เรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกว่า....

          มิใช่แค่ฉันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ “น้ำตามีรสเค็ม”

          หากแต่น้ำตาของเด็กๆ และคนอื่นๆ อีกหลายพันล้านคนบนโลกใบนี้

          ต่างก็มี “รสเค็ม” เฉกเช่นเดียวกัน

 

 

(๓)

 

 

          หลายครั้งที่ฉันนั่งครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อยู่คนเดียวตามลำพัง

          ฉันพยายามมองให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งต่างๆ

          คนรวยกับคนจน......ผู้หญิงกับผู้ชาย....ผิวขาวกับผิวดำ

          เด็กกับผู้ใหญ่......คนสูงกับคนต่ำ.....ชาวพุทธกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น

          คนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลืองหรือเสื้อสีอื่น

          และอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง

 

          แปลกใจไหม?

          หากฉันจะบอกคุณว่า.....ฉันมองไม่เห็นความแตกต่างใดๆ เลย

          ไม่มีความแปลกแยก ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีชนชั้น วรรณะ  เพศ วัย เชื้อชาติ และศาสนา

          ไม่มีคำว่า....พวกเขา พวกเรา

          จะมีก็แค่เพียงคำว่า  “โลก” หรือ “สิ่งมีชีวิต” เท่านั้น

          ที่เราทุกคนจะต้องดูแลรักษา เอาใจใส่  ให้ความรัก ความเมตตา ปกป้องคุ้มครอง และทะนุถนอมให้มากที่สุด

          ด้วยว่า.....น้ำตาของเราทุกคนล้วนมี “รสเค็ม” เฉกเช่นเดียวกันนั่นเอง

 

 

 

เหตุการณ์(ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น)เมื่อ พ.ค.2553

น้ำตาแห่งความทุกข์ทนจากความยากจน

 

น้ำตาแห่งชัยชนะของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์

 

น้ำตาแห่งชัยชนะของไทเกอร์ วูดส์

 

น้ำตาผู้แพ้ของนักกีฬายิมนาสติกสาวที่ทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์โลก

 

น้ำตาของเวสลีย์ สไนเดอร์

เมื่อคราวที่ฮอลแลนด์ทำได้เพียงตำแหน่งรองแชมป์โลก Word Cup 2010

 

(ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต  ขอบคุณเจ้าของภาพไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)

 

 

เพลง      "คิดฮอด"

ร้องโดย      "Bodyslam"

 

 


หมายเลขบันทึก: 456603เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2011 12:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 12:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

 ที่เราทุกคนจะต้องดูแลรักษา เอาใจใส่  ให้ความรัก ความเมตตา ปกป้องคุ้มครอง และทะนุถนอมให้มากที่สุด

          ด้วยว่า.....น้ำตาของเราทุกคนล้วนมี “รสเค็ม” เฉกเช่นเดียวกันนั่นเอง

ตรงใจ คนเราบางครั้งก็แปลกคะ มีอะไรคล้ายกันเยอะมาก
แต่ชอบเพ่งมองความแตกต่าง

สวัสดีครับ คุณหมอแต้ CMUpal

ขอบคุณครับ ที่วันนี้กรุณาแวะเข้ามาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดให้สมบูรณ์ขึ้น....เป็นคนแรกเลย

 

หากเราเพ่งมองหาแต่ความแตกต่าง.....เราก็จะพบแต่ความแปลกแยก.....นะครับ

หากเรามองหาความเหมือน.....เราก็จะพบเจอแต่ความใกล้ชิดและมีแต่ความสุข....ครับ

 

สุขหรือทุกข์.....จึงขึ้นอยู่กับมุมมองของเราเอง เหมือนกับที่ Frederick Langbridge กล่าวไว้ใน A Cluster of Quiet Thoughts(1896) (แปลโดย เจษฏาจารย์ ฟ.ฮีแลร์) ว่า......

Two men look out through the same bars:

One sees the mud.

and One the stars.

 

สองคนยลตามช่อง :

คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม.....

คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

รู้รสชาติของน้ำตา...

ย่อมรู้คุณค่าของตัวเอง..

  • น้ำตากลัับแสดงถึงอารมณ์ที่แตกต่างนะคะ

ดีจัง ลืมไปแล้วค่ะ ว่าเมื่อก่อนร้องไห้แล้ว น้ำตาเค็ม ทำให้คิดถึง ขอบคุณค่ะ

 ไข่มาฝากด้วยนะคะ

 

สวัสดีครับ คุณครู ป.1

เห็นด้วยกับความเห็นของคุณครูนะครับ

ขอบคุณมากๆ เลยครับผม

สวัสดีครับ คุณ Kanchana Su.

น้ำตา....แสดงออกได้กับทุกอารมณ์นะครับ

แต่ที่เหมือนกันก็คือน้ำตาของทุกคนล้วนมี "รสเค็ม"

ไม่ว่าจะอยู่ในห้วงของความรู้สึกหรืออารมณ์ใดๆ ก็ตาม

สวัสดีครับ คุณกานดา น้ำมันมะพร้าว

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและนำไข่มาฝากตั้งหลายฟอง

ทำให้รู้สึกอิ่มใจและอิ่มท้องอย่างบอกไม่ถูก คิคิคิ

ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ

ตามมาขอบคุณที่มอบดอกไม้ให้ค่ะ

อดีต...เคยลิ้มรสเค็มของน้ำตาอยู่บ่อยๆ

ปัจจุบัน..เข้าใจโลกมากขึ้น

แต่ก็ยังจำรสชาติความเค็มได้ดีค่ะ

มีความสุขกับการดำเนินชีวิตนะคะ

สวัสดีครับ คุณ krupadee

ยินดีมากๆ ครับ ที่ได้รู้จัก

ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

ขอให้มีความสุขกับทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิตเช่นกันนะครับ

จริงนะคะ.....บางคนชีวิตอาจโรยด้วยกลีบดอกไม้

เขาอาจเคยได้เสียน้ำตาเเค่ตอนอยู่ในวัยเด็ก

อาจจำรสชาติของมันไม่ได้เลยไม่รู้ไม่เข้าใจ

ว่าน้ำตาเค็มอย่างไร......

น้ำตา

หรือจะแก้ปัญหาใจ

แต่น้ำตา คืดเพื่อนที่วิเศษเวลาเราสุขทุกข์

สวัสดีครับ คุณ Oraphan

ไม่ว่าน้ำตาของเด็กหรือของผู้ใหญ่....ต่างก็มีรสเค็มเหมือนๆ กันนะครับ

หากเรานำเอารสเค็มของน้ำตามาพิจารณาไตรตรองให้ลึกซึ้ง

ในที่สุดแล้ว....ก็จะพบว่า เรากับคนอื่น ก็ไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย

หากแต่เราทุกคนล้วนเป็นเพื่อน เป็นญาติ และเป็นพี่น้องกัน

ดั่งวาทะที่ท่านมหาตมะคานธี ได้กล่าวไว้ว่า..."เราทั้งผองพี่น้องกัน"  นั่นเอง

สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส

ผมร้องไห้ด้วยความดีใจสุดๆ ในตอนที่ผมบวชเป็นเณรน้อยเมื่อปี 2527 ตอนนั้นดีใจมากจริงๆที่ตนเองมีโอกาสได้บวชเรียน

ในขณะเดียวกัน...ผมเคยร้องไห้ด้วยความทุกข์ใจสุดๆ ตอนที่พ่อผมเสียชีวิตในขณะที่ผมกำลังป่วยหนักอยู่ในห้องไอซียู(ที่สหรัฐฯ)

 

ซึ่งก็เป็นอย่างที่ คุณพิชัยบอกมาแหละครับว่า...."น้ำตา คือเพื่อนที่วิเศษเวลาเราสุขทุกข์"....ถูกต้องเลยนะครับ

น้ำตา...เป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่อนคลาย...

สวัสดีครับ คุณอุ้มบุญ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับที่บอกว่า...."น้ำตา...เป็นสิ่งที่ทำให้เราผ่อนคลาย..."

แต่ถ้าหากว่าร้องไห้หรือเสียน้ำตาบ่อยเกินไป....ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกันนะครับ

จาก "รสเค็ม" ก็จะกลายเป็น "รส(ขื่น)ขม" แทนเลยล่ะคราวนี้   คิคิคิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท