อย่าเป็นเช่นนั้นเลย


เมื่อมีปัญหาที่ใด ก็จงแก้ไขตรงจุดนั้น เมื่อทุกข์ที่กาย ก็จงแก้ไขที่กาย และเช่นกันเมื่อมีความทุกข์หรือปัญหาเกิดขึ้นที่ใจ ก็จงแก้ไขปัญหาเหล่านั้นที่ใจ ด้วยว่าไม่มีความทุกข์หรือปัญหาใดๆ ในโลกนี้ ที่เราจะดับหรือแก้ไขไม่ได้

 

 

 

 

 

 

 

สถานีความคิด  :

อย่าเป็นเช่นนั้นเลย

 

 

 

 

           เจ้าตูบเป็นสุนัขจรจัดที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ  โดยไม่มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง  เที่ยวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ   ค่ำไหนก็นอนนั่น  ตามประสาของสุนัขที่ไร้เจ้าของ  แต่ถึงกระนั้น เจ้าตูบก็รู้สึกมีความสุขดีที่ชีวิตมีความเป็นอิสระเสรีภาพ  โดยไม่ต้องตกอยู่ในการดูแลเลี้ยงดูของใคร  ซึ่งทำให้ชีวิตของมันมีความเป็นตัวของตัวเองตลอดเวลา  โดยไม่ต้องติดอยู่ในกรงขังแห่งบุญคุณที่ไม่มีวันเป็นอิสระ  แม้ว่าบางทีอาจจะเกิดกรณีพิพาทหรือทะเลาะวิวาทกันขึ้นบ้างกับเพื่อนสุนัขทั่วๆ ไป   แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทุกอย่างก็จบลงด้วยดี  และต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขตามอัตภาพและวิถีทางของตน 

            เจ้าตูบคงจะมีความสุขมากยิ่งขึ้นและคงจะดำรงชีวิตอยู่ไปได้อีกยาวนาน  ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นกับมันเสียก่อน 

            เพราะอยู่มาวันหนึ่ง  ขณะที่เจ้าตูบกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ข้างถนนอย่างมีความสุข  ก็มีเด็กๆ อายุประมาณ 9-11 ขวบ  จำนวน  5 คน ค่อยๆ เดินย่องเข้ามาหาตัวมัน  และช่วยกันจับหัว  จับขา  และจับคอของมันเอาไว้อย่างแน่นหนา  จนกระทั่งเจ้าตูบไม่สามารถที่จะดิ้นหรือขยับตัวได้  ขณะนั้นมีเด็กคนหนึ่งได้เอาอะไรอย่างหนึ่งผูกมัดไว้ที่เอวเจ้าตูบ  เมื่อผูกเสร็จแล้วก็พากันนับหนึ่งถึงสาม  จากนั้นเด็กๆ เหล่านั้นก็พากันวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทางอย่างรวดเร็ว  

            ฝ่ายเจ้าตูบเองนั้น  เพราะความที่ตกใจกลัวอย่างมาก  พอถูกปล่อยเป็นอิสระ  ก็เลยวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต  ซึ่งขณะที่วิ่งหนีนั้นเจ้าตูบก็ต้องรู้สึกตกใจมากยิ่งขึ้น  เพราะยิ่งวิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ดูเหมือนกับ มีอะไรวิ่งตามหลังมา และยิ่งส่งเสียงดังน่ากลัวขึ้นทุกที  เลยทำให้เจ้าตูบยิ่งตกใจและวิ่งอย่างลืมตายมากยิ่งขึ้น  โดยที่ไม่ได้หันมามองดูหรือหยุดพิจารณาดูให้แน่ใจเสียก่อนว่ามันคืออะไรกันแน่  เจ้าตูบก็เลยได้แต่วิ่งๆ  และวิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีการหยุดหย่อนเอาเสียเลย 

            เช้าวันรุ่งขึ้น  มีคนพบเจ้าตูบนอนสิ้นลมหายใจอยู่ที่พุ่มไม้ริมถนนแห่งหนึ่ง    ใกล้ๆ หมู่บ้านคานทองนิเวศน์  โดยสภาพศพของเจ้าตูบนั้น  อยู่ในสภาพเอาหัวมุดเข้าไปในพุ่มไม้  ซึ่งทำให้มองเห็นได้แค่เพียงลำตัวและส่วนหางเท่านั้น  และที่เอวของเจ้าตูบนั้นมีเชือกไนล่อนเส้นหนึ่งผูกมัดไว้อย่างดี ที่ปลายเชือกเส้นนั้นมีกระป๋องน้ำอัดลมลูกหนึ่งถูกเจาะตรงกลางเป็นรูและเอาเชือกเส้นนั้นมัดไว้ 

            ผู้ที่ได้พบเห็นศพเจ้าตูบต่างก็รู้สึกเศร้าและสลดสังเวชใจไปตามๆ กัน  ชายใจดีคนหนึ่งทนเห็นสภาพรันทดใจเช่นนั้นต่อไปไม่ไหว  ได้นำเอาจอบมาขุดหลุมฝังศพเจ้าตูบเอาไว้  พร้อมๆ กับเขียนป้ายปักติดไว้ที่หน้าหลุมฝังศพของเจ้าตูบแผ่นหนึ่ง  โดยข้อความมีอยู่ว่า….

"แด่......เจ้าตูบ   

สุนัขจรจัด......ผู้วิ่งหนีกระป๋องน้ำอัดลมจนสิ้นใจ"

                                       

 


--------------------------------------------------------------------------

 


          ชีวิตของคนเรามีความเป็นไปมากมายหลากหลายรูปแบบ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตที่แต่ละคนได้เลือกสรรและเลือกที่จะดำเนินไปด้วยลำแข้งของตนเอง  บ้างก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่  บ้างก็ต้องหกล้มหกลุกคลุกคลานอยู่เกือบตลอดเวลา   

          อย่างไรก็ตาม  ไม่ว่าชีวิตจะเป็นเช่นไร  จะดีหรือร้าย  จะร่ำรวยหรือยากจนปานใด   ชีวิตก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของยังต้องรักใคร่ทะนุถนอม  หวงแหน  และพยายามอยู่เสมอที่จะนำชีวิตของตนไปสู่ความดีงามที่ดีกว่าเสมอ 

         ไม่ว่าหนทางสายนี้จะเต็มไปด้วยปัญหาหรืออุปสรรคมากมายสักแค่ไหนก็ตาม  แต่เราก็ยังอยากที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป   เพราะชีวิต คือการเคลื่อนไหว  ไม่ใช่การหยุดนิ่งอยู่กับที่  การก้าวเดินไปข้างหน้า  แม้จะเป็นเพียงก้าวเดียว  แต่นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว...มิใช่หรือ?  

          ธรรมชาติและความเป็นไปของชีวิต  ย่อมมีขึ้นๆ ลงๆ ประดุจดั่งสายแม่น้ำ ที่บางครั้งก็เต็มปริ่มจนล้นฝั่ง ในขณะที่บางครั้งก็ลดลงจนแห้งขอด เหมือนกับชีวิตของคนเราที่ย่อมจะมีทั้งสุขทุกข์ นินทาสรรเสริญ สมหวังผิดหวัง มีทั้งการได้รับและการสูญเสีย ซึ่งทุกๆ คนสามารถที่จะสัมผัสและเรียนรู้ได้ในทุกๆ ช่วงเวลาของชีวิต

          เพราะถนนชีวิตสายนี้มิได้โรยไว้ด้วยดอกกุหลาบ…การดำเนินชีวิตของคนเราในแต่ละวัน จึงย่อมจะมีทั้งความเรียบง่าย และความยากลำบากอาจมีหลายๆ ครั้งที่เราต้องพบกับปัญหาหรืออุปสรรคที่หนักหน่วงเกินกว่าจะอดทนไหว ทั้งปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาด้านจิตใจที่เข้ามารุมล้อม จนอาจทำให้เรารู้สึกท้อแท้ไปบ้าง

          แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็คือกระบวนการแก้ไขปัญหาโดยธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาหรืออุปสรรคเกิดขึ้น เราจึงไม่ควรวิ่งหนีปัญหา เพราะการวิ่งหนีปัญหาก็คือการวิ่งหนีตัวเอง แต่เราควรที่จะใช้สติปัญญาและความอดทนเข้าไปแก้ไข ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราเองที่จะต้องต่อสู้และแก้ไขมันด้วยตนเอง จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลง

         เมื่อมีปัญหาที่ใด ก็จงแก้ไขตรงจุดนั้น เมื่อทุกข์ที่กาย ก็จงแก้ไขที่กาย และเช่นกันเมื่อมีความทุกข์หรือปัญหาเกิดขึ้นที่ใจก็จงแก้ไขปัญหาเหล่านั้นที่ใจ ด้วยว่าไม่มีความทุกข์หรือปัญหาใดๆ ในโลกนี้ที่เราจะดับหรือแก้ไขไม่ได้

          ปัจจุบันนี้มีคนจำนวนไม่น้อย ที่หลงระเริงอยู่กับเกียรติยศและความสุขจนลืมตัว        ตลอดจนหยิ่งทรนงในความกล้าหาญและยิ่งใหญ่อันจอมปลอมของตนเอง แต่เมื่อถึงยามที่ชีวิตต้องพบกับอุปสรรคหรือปัญหา ก็กลับวิ่งหนีปัญหา หรือโยนความผิดให้กับสิ่งอื่น โดยขลาดกลัวไม่ยอมที่จะเผชิญปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งชีวิตของเขาเหล่านั้น ช่างเป็นชีวิตที่อาภัพและน่าสงสาร เพราะไม่มีความแตกต่างใดๆ กับชีวิตของเจ้าตูบที่วิ่งหนีตัวเองและกระป๋องน้ำอัดลม จนสิ้นลมหายใจ

          อย่า....อย่าเป็นเช่นนั้นเลย

 

 

 

 

 

เพลง           "Live  and learn"

ขับร้องโดย       "คุณกมลา  สุโกศล"

 

หมายเลขบันทึก: 455203เขียนเมื่อ 21 สิงหาคม 2011 09:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 01:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีค่ะ

  • แวะมาทำความรู้จัก อีกทั้งมาขอบพระคุณที่มอดอกไม้กำลังใจให้อิงจันทร์ในหลาย ๆ บันทึกที่ผ่านมา
  • ต้องสารภาพว่ามารอบแรกอ่านแบบหยาบ ๆ เพราะเป็นคนอ่านหนังสือตัวเล็ก ๆ ไม่ค่อยได้ คริ  คริ (เป็น สว.สูงวัย)
  • มาอีกรอบ คราวนี้ตั้งใจอ่าน พออ่านแล้วก็ต้องย้อนไปอ่านอีกด้วยความตั้งใจ
  • สงสารเจ้าตูบเอามาก ๆ  คิดว่าจะได้รับอิสระกับเค้าเสียที ที่ไหนได้
  • บันทึกนี้ นอกจากเป็นเรื่องเล่าที่ให้ข้อคิดแล้ว 
  • เจ้าของบันทึกยังขมวดข้อคิด ให้ได้มุมคิด ไว้ปลอบใจตัวเองว่า " ปัญหาทุกอย่าง แก้ไขได้"  ขอเพียงมีสติ 
  • ขอบพระคุณค่ะ 

นึกถึงละครเรื่องนึง คุณพ่อบอกลูกสาวเมื่อคราวเจอทุกข์ว่า

ชีวิตมนุษย์เราต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ปัญญาจะพบทางออก ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณอิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล

ยินดีมากๆ ครับ ที่ได้รู้จัก และขอบคุณครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

เรื่องเจ้าตูบ....เป็นเรื่องที่ผมสมมติขึ้นมาเฉยๆ เพื่ออุปมาอุปไมยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ขออภัยด้วยครับ....ที่ผมทำให้เรื่องของเจ้าตูบจบลงด้วยความหดหู่เกินไป (คิคิคิ)

สรุปแล้ว.....อยากจะบอกว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้นะครับ เพราะฉะนั้น เวลามีปัญหาเกิดขึ้น อย่าวิ่งหนีปัญหา แต่จงต่อสู้และแก้ไข จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงไป

สวัสดีครับ คุณ Poo

ผมไม่มีโอกาสได้ดูละครเลยครับ เพราะต้องเดินทางเกือบตลอดเวลา กลับมาถึงบ้านก็หลับอย่างเดียว เลยไม่ทราบว่าละครเรื่องนั้นมีเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง?

ละครหลายๆ เรื่อง นอกเหนือจากให้ความบันเทิงแล้ว ก็ยังให้ข้อคิดเป็นอย่างดีด้วยนะครับ

ในบันทึกฉบับนี้.....ผมอยากจะบอกทุกท่านว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้นะครับ ไม่มีสิ่งใดหนักหนาเกินกว่าความสามารถของมนุษย์แต่อย่างใด

น่าเสียดาย บางครั้งปัญหาเล็ก ๆ แต่หลายคนก็แก้ไม่ได้ ยิ่งแก้ยิ่งเพิ่มปมไปเรื่อย ๆ

กระบวนทัศน์ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง การมองปัญหาด้วยท่าที่แบบโต้ตอบและหนี จึงไม่ใช่ทางออกที่ดี

ดังนั้น ควรมองปัญหาอย่างผู้เยี่ยมยุทธคือดูต้นเหตุไปตลอดสายทาง

วิเคราะห์จนเห็นสาเหตุของมัน แล้วจึงแก้ปัญหาแต่ละขั้น ๆ ไป

กราบนมัสการครับ ท่านอาจารย์มหาศรีบรรดร

ขอขอบพระคุณมากๆ ครับ สำหรับความคิดเห็นดีๆ ที่ท่านอาจารย์กรุณาเพิ่มเติมเข้ามา

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ กับที่ท่านอาจารย์บอกมาว่า "กระบวนทัศน์ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง"

ถ้าหากว่าเรารู้จักวิเคราะห์ถึงสาเหตุก่อน แล้วค่อยค้นหาวิธีการแก้ไขไปทีละขั้นๆ ก็จะทำให้การแก้ไขปัญหามีความง่ายขึ้น และได้ผลดีด้วย

แต่ก็คงจะต้องใจเย็นและอดทนด้วยนะครับ ถึงจะทำให้ทุกอย่างสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ถ้าตูบ หยุด สักนิด แล้วหันพิจารณา  ตูบคงไม่เหนื่อยล้า จนขาดใจ

ทุกปัญหามีทางออก   ทุกทางออกอาจมีปัญหาบ้าง ไม่ว่ากัน  ออกทางนี้ไม่ได้  ก็ออกทางใหม่

เลือกเพลงได้เข้ากับเรื่องดีคะ

ที่คุณกมลา ร้อง "อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน" มีนัยยะ ที่อยากพูดถึง

เคยมีคนพูดว่า "มองโลกในแแง่ดีเกินไป ไม่ practical"

ที่จริง คำว่า "ดี" หมายถึง พยายามทำสิ่งที่มี ให้เกิดผลดีที่สุด ต่างหาก

สวัสดีครับ เอื้อย กระติก~natachoei ที่ ~natadee

เจ้าตูบ.....จากไปแล้ว เหลือไว้เพียงอุทาหรณ์ให้เราได้นึกคิดว่า.....

ทุกปัญหาล้วนมีทางออกนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีวิธีการอย่างไรบ้างเท่านั้นเอง

หากเราพิจารณาไตร่ตรองให้ดี เราก็จะพบทางออกที่ถูกต้อง

ตรงกันข้าม.....หากเราไม่เคยเอาใจใส่และวิ่งหนีปัญหาอยู่ตลอดเวลา

ปัญหานั้น ก็ไม่มีวันที่จะหาทางออกหรือแก้ไขได้ มันจะเป็นอยู่อย่างนั้นตลอดไป

สวัสดี คุณหมอแต้ CMUpal

ขอบคุณครับ ที่กรุณาช่วยเติมเต็มหรือขมวดความหมายของบทเพลงให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ตอนแรกว่าจะเอาเพลง "ความเชื่อ" ของ Bodyslam มาลงนะครับ

แต่คิดไปคิดมาเพลงนี้น่าจะดีกว่า.....สมวัยดี 555

สวัสดีครับอาจารย์ แวะมาทักทายครับ

อ่านแล้วอดที่จะสงสารเจ้าตูบไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นโชคดีของเจ้าตูบนะครับ

ที่ยังอุตส่าห์มีคนใจบุญนำมันไปฝัง... แต่ชีวิตคนแท้ๆ บางคราวยังต้องลำบาก

พอๆ กํบเจ้าตูบ... คนเหล่านี้ไม่มีญาต ไม่มีใครเห็นใจ.. ขึ้นรถเมล์ก็แม่แต่คนรังเกียจ

ชีวิตเขาคงมีมากกว่าเจ้าตูบเพียงอย่างเดียวครับ คือเขาพูดภาษาคนได้...

สวัสดีครับ คุณป่าไม้เลื้อย/พาดีซอ

ผมอ่านประวัติแล้ว สงสัยจังเลยว่า คุณพาดีซอจบจาก มจร.สวนดอก(เหมือนผม)หรือเปล่า?

ช่วงหนึ่งผมเคยเป็นอาจารย์พิเศษที่ มจร. อยู่ประมาณ 2 ปี เคยไปสอนที่วัดศรีโสดาด้วย

ไม่แน่.....บางทีเราอาจจะเคยพบเจอกันมาก่อนแล้วก็ได้นะครับ

 

ชีวิตของคนเรามีอยู่หลายมุมนะครับ หากเรามองในมุมที่เป็นปัญหา เราก็จะพบแต่ความทุกข์และน้อยเนื้อต่ำใจ

แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะมองในแง่ดี เราก็จะพบแต่ความสุขและสามารถยิ้มหรือหัวเราะได้ตลอดทั้งวัน

สมัยก่อนผมเคยเป็นอย่างแรก แต่ครั้นเมื่อผมเห็นว่ามุมมองเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตมีความสุขขึ้นแต่อย่างใด

ต่อมาผมก็เลยเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ เลยทำให้ผมเป็นอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

 

จะเป็นหรือทำอะไรไม่ใช่ปัญหา สำคัญอยู่ที่ว่าจงเป็นและจงทำอย่างดีที่สุดก็แล้วกันนะครับ

 

ขอเอาใจช่วยตลอดเวลาครับ

  • ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจกันนะจ๊ะ
  • ขอให้กำลังใจเช่นกันจ้ะ

สงสารเจ้าตูบจังเลย

ไม่ต่างจากคนเท่าไหร่ยามไร้ซึ่งสติ คิดแต่จะหนีปัญหา เบื่อหน่ายปัญหา แต่ไม่คิดจะหาวิธีแก้ปัญหา

ยินดีที่ได้เจอชาว DKSH ด้วยกันครับ

สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ

ขอบคุณมากๆ เช่นกันนะครับ ที่กรุณาแวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

ขอให้มีความสุขและสนุกกับการใช้ชีวิตในทุกๆ ช่วงเวลานะครับ

ขอเอาใจช่วยครับ

สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส

ยินดีเช่นกันครับ ที่ได้เจอชาว DKSH ด้วยกัน

เรื่องเจ้าตูบ....ผมแค่แต่งเรื่องขึ้นมาสำหรับอุปมาอุปไมยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเท่านั้นเองนะครับ

ชีวิตของเจ้าตูบตัวจริง สุดแสนจะโหดร้ายและทารุณกว่านี้เสียอีก ไม่เชื่อก็ลองดูกรณีที่เกิดขึ้นที่นครพนมเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้นะครับ

น่าสงสารและน่าเศร้าใจมากๆ เลย

 

หากเราเอาแต่หนีปัญหา ไม่กล้าสู้หรือเผชิญกับปัญหา

เราก็คงจะไม่ต่างจากเจ้าตูบ(ที่ผมแต่งขึ้น)เลยนะครับ

 

อย่า....อย่าเป็นเช่นนั้นเลย 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท