การจัดชั้นเรียนใช้วิธีการสัมภาษณ์ในวันสมัคร วิธีนี้ถือเป็น placement test ที่ครูทุกคนควรทำเพื่อวัดระดับความสามารถและทักษะทางภาษาของผู้เรียนแบบปัจเจกบุคคล ซึ่งเมื่อสัมภาษณ์เสร็จแล้วจะแบ่ง class ออกเป็น Basic และ Intermediate สำหรับ class ของข้าพเจ้ามีผู้เรียนอยู่ประมาณ 10 กว่าคน แต่ละคนมีความแตกต่างกันค่อนข้างมากไม่ว่าจะด้วยเรื่องอายุ อาชีพ เพศ สาขาวิชา แต่ก็ดูท่าจะไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่เพราะทุกคนปรับตัวเข้ากันได้ดี อาจารย์มักจะให้จับกลุ่มคละกันเสมอ ทุกครั้งที่ก้าวย่างเข้าไปในชั้นเรียนอาจารย์จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารตลอดทั้ง ๒ ชั่วโมง ไม่ใช่อาจารย์ต้องการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ภาษาอังกฤษแต่อย่างใด อาจารย์ท่านพูดภาษาไทยไม่ได้ต่างหาก แต่ก็นับเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เพราะเป็นการฝึกทักษะการรับสาร(receptive skill)คือ การฟัง และทักษะการส่งสาร(productive skill)คือ การพูด การเริ่มต้นการเรียน อาจารย์จะเริ่มด้วย Review Part เป็นการทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้เรียนและกิจกรรมที่ได้ปฏิบัติในชั้นเรียนที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะเป็นกิจกรรม warm up ทางภาษาคือการอ่านสารหรือไม่ก็สรุปความเนื้อเพลงที่ให้เป็นฟังมาเป็นการบ้าน(homework) ทุกครั้งที่อ่านอาจารย์จะเกริ่นเสมอว่า “You don’t have to speak fast. I want you to try to speak clearly. It’s your practice!” เมื่อทุกคนฝึกอ่านจนครับ อาจารย์ก็จะให้สรุปความว่าใจความสำคัญคืออะไร แทบทุกคนจะมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นของตน(ผู้เขียนขอมีทุกครั้งไป)
ต่อจากกิจกรรมนี้ก็เริ่มเข้าสู่บทเรียนซึ่งอาจารย์จะเริ่มด้วยไวยากรณ์ก่อนเสมอ (Linguistic Competence) โดยใช้วิธีบรรยายและให้ผู้เรียนฝึกแต่งประโยค ขั้นต่อมาหลังจากอัดแกรมมาเรียบร้อยแล้วจะเป็น “กิจกรรม” ที่เกี่ยวข้องกับหลักไวยากรณ์ที่ได้เรียนไปทั้งสิ้น รูปแบบกิจกรรมที่อาจารย์ใช้หลากหลายไม่ซ้ำกันสักชั่วโมง และทุกกิจกรรมจะได้พูด ได้ฟัง ได้เขียน เช่น กิจกรรม information gap activity ซึ่งจะผลัดกันอธิบายภาพแล้วให้วาดภาพ(describe and draw) ใช้กับไวยากรณ์เรื่อง past perfect + past simple (………….when the balloon crashed), กิจกรรม twenty questions(Vocabulary), กิจกรรม jigsaw reading แต่ละคนจะมีเนื้อความคนละครึ่ง อีกฝ่ายต้องถามเพื่อหาคำตอบว่าเนื้อความของอีกฝ่ายคืออะไร, กิจกรรมที่เป็น paper-based ฝึกไวยากรณ์, กิจกรรม Find someone who(present simple), กิจกรรม election เป็นไวยากรณ์เรื่อง Conditional Sentence Type 2(If I were elected, I’d……)หลังจากเสร็จกิจกรรมหลักจะเป็นกิจกรรมสรุปความรู้ และแจก reading assignment หรือไม่ก็ listening assignment เนื้อหาของ Reading จะค่อนข้างหลากหลาย เช่น เรื่อง Marriage Culture, Puffer fish, Ferdinand Magellan, Starbuck, Bill Gates เป็นต้น สำหรับเพลงที่ให้ฟังจะมีทั้งเพลงเร็วและเพลงช้า เช่น Kiss the Girl-little mermaid, You’ll be in my heart-Phil Collins, Last Kiss-Pearl Jam เป็นต้น