ปุราณคติว่าด้วยเทพบนฟ้า (1)


ฟ้า, ชาติพันธุ์วรรณนา
ปุราณคติว่าด้วยเทพบนฟ้า
                                    โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อัจฉรา  ภาณุรัตน์
               บนท้องฟ้ามีดวงดาวจำนวนมากมาย  คำว่า “ฟ้า” ไม่อาจวัดระยะทางอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ และหากมองท้องฟ้าในซีกโลกภาคเหนือ ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม จะเห็นแสงลาง ๆ หย่อมหนึ่งของกลุ่มดาวฤกษ์ขนาดมหึมาที่เรียกว่ากาแลกซีแอนโดรมีดา (Andromeda Galaxy)  ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์พยายามวัดระยะทางในจักรวาลโดยการคำนวณด้วยอัตราเร็วของแสงประมาณ 300,000 กิโลเมตร/วินาที ในสุญญากาศและนำมาอธิบายด้วยหน่วยวัดเป็นปีแสง (Light Year) ในอวกาศ  กล่าวคือ ระยะทาง 1 ปีแสง  หมายถึงระยะทางที่แสงเดินทางได้ใน 1 ปีเท่ากับ 9,460 ล้านล้านกิโลเมตร 
ยามเราแหงนดูท้องฟ้าในคืนแจ่มใสดูเหมือนว่าเรามองเห็นดาวเป็นล้าน ๆ ดวง
แต่ในความเป็นจริง สายตาเราเพ่งดูดาวไปได้ไกลไม่เกินประมาณ 6,000 ดวง ยกเว้นนับจากห้องปฏิบัติการดาราศาสตร์ได้ล้านดวงโดยนับผ่านทางกล้องโทรทัศน์
              มโนทัศน์ชาติพันธุ์วรรณนา ส่งเสริมให้เราศึกษาผลและอิทธิพลของดวงดาวที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มากกว่าโดยความแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์จะกำหนดความรู้ความเชื่อเรื่อง “ฟ้า” อันเป็นคุณลักษณะสำคัญและเป็นองค์อำนาจเหมือนธรรมชาติมนุษย์ดังนี้
  • คุณลักษณะเกี่ยวกับความสว่างและแสงสี
  • คุณลักษณะเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์
  • คุณลักษณะเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครอง
จึงเป็นที่มาของการวิวัฒน์เป็นเทพเจ้าที่มีลักษณะอย่างบุคคลที่มีเครื่องทรง  พาหนะ อาวุธ  อิทธิฤทธิ์ต่าง ๆโดยอิงลักษณะธรรมชาติทางกายภาพของฟากฟ้า 
กล่าวคือพยายามจินตนาการให้เทพเจ้าองค์ต่าง ๆ มีแสงสว่างส่องทั่วฟ้านภาอากาศเป็นต้น ในบางสภาวะองค์เทพเจ้ามีอำนาจเหนือธรรมชาติเป็นผู้บันดาลความอุดมสมบูรณ์โดยให้กำเนิดโลก  พืชพรรณสิ่งมีชีวิตทั้งเหนือธรรมชาติและในธรรมชาติโดยที่บนท้องฟ้าสามารถแสดงตนในลักษณะเพศชาย  ซึ่งต้องผนึกรวมกับเพศหญิง  ก่อให้เกิดลูกคือโลกอันมีองค์ประกอบเป็นดิน  ทราย  น้ำ หิน  หรืออื่น ๆ เป็นต้น  นอกจากนี้ฟ้ายังมีคุณลักษณะเสมือนหลังคาหรือใยข่ายครอบคลุมคุ้มครองและมีลักษณะเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันลงมา  อันแสดงว่าชั้นสูงสุดมีอำนาจมากที่สุด  และอาจกำหนดเทพเจ้าพื้นฐานอาทิ เดือน  ตะวัน ดาว  หมอกเมฆ  น้ำค้าง สายลม เป็นต้น ซึ่งเทพเจ้าเหล่านี้ถูกให้คุณค่าและความหมายเป็น  อัญมณีบ้าง ถูกกำหนดเป็นปฏิทินเวลาหรือการนับวันเดือนปีบ้าง  เกี่ยวกับทิศทางความอ่อนหรือแรงของลมโดยจัดให้เทพขี่ม้าหรือสัตว์บางชนิดเป็นพาหนะแทนความเร็วของลมบ้าง  บางกลุ่มชนจะกำหนดให้ดวงดาวบางดวงเป็นเครื่องทำนายโชคชะตาบ้านเมืองหรือคนที่เกิดในวันเดือนปีนั้นๆ โดยพิจารณาถึงความสว่างมากสว่างน้อยของดวงดาว ส่วนชนบางกลุ่มในเอเชีย เช่น อินเดีย เมียนมาร์ และจีน จะผูกเรื่องตามความเชื่อในการนับเวลาทั้งทางจันทรคติและสุริยคติ ว่าเดือนและตะวัน
เป็นพี่น้องกันตามลำดับโดยยกให้เทพแห่งเดือนมีศักดิ์สูงกว่าเทพแห่งตะวัน เป็นต้น
หมายเลขบันทึก: 453962เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2011 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม 2012 23:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท