“LEADERS” ในความหมายของแต่ละท่านคงมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป
ซึ่งดิฉันขอสรุปคุณสมบัติในการเป็นผู้นำในยุคโลกาภิวัฒน์ ดังนี้
๏ L = Listening & Learning
๏ E = Ethic
๏ A = Ability
๏ D = Dominance
๏ E = Employee-center
๏ R = Reinforcement
๏ S = Stability (No bias)
ดิฉันขอนิยามคุณสมบัติแต่ละตัวให้ท่านผู้อ่านเข้าใจยิ่งขึ้น
L:Listening & Learning ผู้นำที่ดีไม่ใช่ผู้ที่ชอบสั่งการให้ผู้อื่นทำงานแทนเท่านั้น แต่ผู้นำที่ดีต้องมีทักษะในการฟัง คือต้องฟังอย่างตั้งใจและเข้าอกเข้าใจ (Empathy Listening) เพราะท่านมิใช่แค่ใช้หูฟังเท่านั้นแต่ท่านต้องเอาใจของท่านฟังเพื่อรับรู้ความรู้สึกและปัญหาของผู้ร่วมงานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการทำงานร่วมกันในระยะยาว อีกทักษะที่ขาดไม่ได้นั่นคือการหาความรู้ใหม่ๆ (Self-learning) ทั้งด้านการบริหารงานและคนเพื่อนำมาพัฒนาตัวท่านเอง และผู้ใต้บังคับบัญชา เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ถือว่า ความรู้คืออำนาจ ความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น หากผู้นำหยุดการเรียนรู้ ก็เท่ากับหยุดทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ในการคิดสิ่งใหม่ๆ
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อธุรกิจในปัจจุบันที่แข่งขันกันที่ความแปลกใหม่ที่จะนำเสนอกับลูกค้า ดังนั้นเริ่มอ่านหนังสือดีๆที่ท่านคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองสักวันละนิด ท่านอาจจะได้ข้อคิดดีๆที่สามารถประยุกต์ในการทำงานของท่านได้นะคะ
E: Ethic คุณธรรมที่ว่านี้เป็นความงดงามในจิตใจ (Integrity) ช่วยส่งเสริมความก้าวหน้าของท่าน ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ การยึดถือหลักคุณธรรมอย่างเดียวคงไม่พอ ยังรวมไปถึงคุณธรรม จรรยาบรรณต่างๆ ที่ท่านสามารถนำไปใช้ในการทำงานร่วมกับผู้ร่วมงานได้อย่างมีความสุข
ดังที่กล่าวว่า “ให้สิ่งที่ดีแก่เขา เราก็ได้สิ่งที่ดีตอบ”
หากท่านสนใจหลักการบริหารแนวพุทธล่ะก็ ขอแนะนำหนังสือ “หัวใจนักบริหาร” ของพระเทพโสภณ ซึ่งท่านจะได้แง่คิดดีๆในการทำงานร่วมกับผู้อื่นให้สำเร็จและมีความสุข
A: Ability ผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถ(Competence) และมีบุคลิกลักษณะ (Characters) เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน
มีความสามารถในการมอบหมายงานให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้ใต้บังคับบัญชาและสามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยเฉพาะองค์กรในปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือกับการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง
D: Dominance ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าผู้นำที่มีคุณธรรมสามารถสร้างบารมี (Charisma) ให้กับตนเองได้
โดยบารมีในที่นี้คือ การแสดงออกให้ผู้อื่นยอมรับและทำงานตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ โดยไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ ความเป็นผู้นำไม่ได้เกิดจากการมีอำนาจในการให้คุณให้โทษแต่เพียงอย่างเดียวแต่เป็นการสั่งการหรือควบคุมลูกน้องทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิผลยังเป็นการสร้างบรรยากาศในการทำงานให้น่าทำยิ่งขึ้นด้วย
E: Employee-center การเป็นผู้นำที่ดีต้องรู้จักซื้อใจและประสานใจระหว่างผู้ร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์อันดีในการทำงาน
สร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ซึ่งจะเอื้อไปถึงการทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข หากมองภาพรวมขององค์กรคุณสมบัติของผู้นำในข้อนี้ยังส่งผลดีในแง่จิตใจของพนักงานที่อยากจะทุ่มเทการทำงานให้กับองค์กรและส่งผลมายังเม็ดเงินขององค์กรอีกด้วย
R: Reinforcement การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จร่วมกันซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ท่านสามารถสร้างทีมของท่านให้แข็งแกร่งดังเช่นบริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน)
มีนโยบายการบริหารจัดการคนโดยเน้นบทบาทของหัวหน้างานให้สามารถเป็นครูและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง หัวหน้าและลูกน้องจะใกล้ชิดและดูแลกันตลอดเวลา ถ้าหัวหน้าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกน้องได้ แบบปฏิบัติก็จะต่อเนื่อง กันเป็นทอดๆ ในทุกระดับสายบังคับบัญชา
S: Stability มาถึงข้อสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นเช่นกัน นั่นคือ ความยุติธรรม ท่านสังเกตหรือไม่ว่าแผนกใดองค์กรใด มีความลำเอียงในการตัดสินใจดำเนินการ ผู้ใต้บังคับบัญชาทำดีเท่าไร ก็เหมือนไม่ทำเสียดีกว่า ท่านอาจปล่อยคนทำงานมือดีหลุดมือไปในไม่ช้า ปัจจุบันมีโครงการ Talent Management เพื่อรักษาคนทำงานที่เก่งงาน และสามารถเอาชนะใจผู้ร่วมงาน เพื่อรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพให้อยู่ในองค์กรได้อย่างมีความสุข
ท่านต้องคอยถามตัวท่านว่า ทักษะการบริหารคนของท่านอยู่ในขั้นโคม่า หรือไม่
หากท่านสามารถแก้ไข หรือเพิ่มทักษะการเป็นผู้นำที่ดีเข้ามาจัดการกับชีวิตการทำงานและบุคคลที่ทำงานแวดล้อมกับท่าน ท่านควรรีบจัดการเป็นการด่วนก่อนที่องค์กรของท่านจะเข้าขั้นโคม่า (ICU)
“Leadership cannot really be taught. It can only be learned.”
ดิฉันขอยกคำพูดของหัวหน้างานของผู้เขียนท่านหนึ่ง ฟังแล้วประทับใจในคำพูดของท่านมาก และยกย่องท่านให้เป็นผู้นำดีเด่นในใจ
ท่านได้กล่าวว่า “การทำงานของเราเป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับ Officer หรือ Manager พวกเราคือเพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องใคร”
“การทำงานให้สำเร็จขึ้นอยู่กับความสามารถสองอย่างเป็นสำคัญ
คือสามารถในการใช้วิชาความรู้อย่างหนึ่ง
สามารถในการประสานสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง
ทั้งสองประการนี้ต้องดำเนินคู่กันไป และจำเป็นต้องกระทำด้วยความสุจริตกาย สุจริตใจ
ด้วยความคิดความเห็นที่เป็นอิสระปราศจากอคติ และด้วยความถูกต้องตามเหตุตามผลด้วย
จึงจะช่วยให้งานบรรลุจุดหมายและประโยชน์ที่พึงประสงค์โดยครบถ้วนแท้จริง”
ไม่มีความเห็น