"เย้! ถึงบ้านเราแล้ว" เสียงแรกที่เราอุทานขึ้นมาหลังจากที่ไม่ได้กลับบ้านตั้งนาน กลับบ้านมาคราวนี้อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปตั้งเยอะ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีมากกว่าเดิมหลังจากที่เม็ดฝนตกลงอย่างหนักเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อฝนมาอาหารของกินบ้านป่าก็มากขึ้น มีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียด อาหารบ้านนอกที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีนอกเสียจากที่มีอาหารการกินเยอะแล้ว ยังมีพ่อ แม่ พี่ๆและหลานๆมาพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อมากราบ คุณย่า คุณยาย ทำให้วันนั้นอบอวลไปด้วยความรักที่ลูกๆหลานๆมีให้กับบุพการี หลังจากที่พี่ๆและหลานๆแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วแม่ก็พาเดินดูรอบๆบ้าน พอดีเหลือบไปเห็นโอ่งน้ำ 2 ใบตั้งอยู่ข้างกันก็เลยถามแม่ดู ”แม่....นั่นโอ่งอะไร" "โอ่งเลี้ยงปลาดุก"
แม่พูดพร้อมชวนไปดู เห็นปลาดุกตัวเล็กๆว่ายขึ้นมาหายใจ แม่บอกว่า พี่สาวเพิ่งซื้อมาเลี้ยงได้ 2-3 วันแล้ว วันต่อมาพี่ชายก็เลยขุดบ่อเลี้ยงโดยเอาพลาสติกสีดำรองพื้น ทำเป็นบ่อขนาดเล็กจากนั้นเอาน้ำใส่ประมาณครึ่งขาแล้วเอาปลาดุกมาปล่อยลง ตกแต่งขอบสระ หาจอกแหนมาใส่ ปลาดุกมันคงดีใจที่ได้อาศัยอยู่ที่กว้างกว่าเดิม หลังจากนั้นพ่อก็หาปลวกมาให้ปลาดุกกิน นับว่าการขุดบ่อเลี้ยงปลาทุกคนในบ้านช่วยกันทำงานสร้างความรักและความผูกพันธ์ยิ่งขึ้น
เมื่อทำบ่อปลาเสร็จแล้วคนที่เดินผ่านไปมา(บ้านนอกไม่นิยมทำกำแพงกั้นผู้คนสามารถเดินผ่านไปมาได้) พอเห็นอะไรที่มันแปลกตาก็เดินมาดู ลูกเล็กเด็กแดงก็พากันมาดูและได้สอบถามว่าทำอย่างไร เลี้ยงอย่างไร พวกเราก็เลยบอกเขาไปถึงวิธีการทำ การหาอุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการเลี้ยงดู พอชาวบ้านที่เขาเห็นเขาก็อยากเอาไปทำบ้างเพราะลงทุนไม่มากนัก สามารถทำได้ ข้าพเจ้าเชื่อว่าถ้าเรามีความรู้ เราทำให้เขาได้เห็น ทำเป็นตัวอย่างให้เขาดู ชาวบ้านก็จะได้เห็น และนำไปประยุคใช้
"ชีวิตบ้านนอกที่พอเพียง เพราะเพียงพอกับวิถีชีวิตของตน"