น้องเพียงพอ(ด.ญ.สิริวิริยา ศรีดารัตน์)ลูกสาวคนโตของผม นอกจากจะชอบดูการ์ตูน Bernard Bear และ Tom and Jerry แล้ว เธอก็ยังชอบฟังนิทานก่อนนอนอีกด้วย โดยเธอจะขอให้ผมกับภรรยาผลัดกันเล่าให้ฟังเป็นประจำ แต่บางครั้งเธอก็จะเป็นฝ่ายเล่านิทาน(ที่เธอได้ฟังมาจากครูที่โรงเรียน)ให้พ่อแม่และน้องสาวฟังเสียเอง โดยเล่าไปตามจินตนาการเล็กๆ ของเธอ เลยทำให้นิทานที่เธอเล่ามีความแปลกใหม่และฟังแล้วรู้สึกขำและอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา
“คืนนี้ หนูจะเล่านิทานให้คุณพ่อคุณแม่และน้องแพรวพราวฟังนะค่ะ เป็นนิทานก่อนนอนค่ะ” เธอบอกกับพวกเราในค่ำคืนหนึ่ง ในขณะที่ผมปิดไฟและล้มตัวลงนอนบนเตียงนอนอันอบอุ่น
“เล่าเลยลูก พ่ออยากฟังจังเลย เอ! วันนี้ลูกสาวพ่อจะเล่านิทานเรื่องอะไรน๊า?” ผมแกล้งถามเล่นๆ
“นิทานไม่มีชื่อค่ะ ครูไม่ได้บอกว่าชื่อนิทานเรื่องอะไร” เธอบอก
“งั้นก็เล่าเลยลูก พ่อแม่และน้องกำลังรอฟังอยู่” ผมบอก ในขณะที่ภรรยากับลูกสาวคนเล็กก็กำลังรอฟังอยู่เช่นเดียวกัน
"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว........!" เธอเริ่มต้นขึ้น ก่อนจะหยุดชะงัก และถามผมด้วยความสงสัยว่า “คุณพ่อขา! ทำไมเวลาเล่านิทานเขาถึงชอบบอกว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว และกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเนี่ย มันนานแค่ไหนค่ะ”
“อ๋อ! เขาก็เล่าไปอย่างนั้นเองแหละลูก เป็นบทเริ่มต้นนิทานน่ะ พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเริ่มต้นอย่างนั้น ส่วนกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วนั้น ก็เป็นเวลานานมาก นานเป็นร้อยๆ หรือพันๆ ปีเลยทีเดียว” ผมชี้แจงให้เธอฟัง
“โอ้โห! นานขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ แล้วทำไมคนเล่าเขาถึงยังจำได้อีกน่ะ คนเล่าต้องความจำดีมากๆ เลย ถึงจำเรื่องราวได้ทั้งหมด” เธอตั้งข้อสงสัย
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันลูก เออ! แล้วคืนนี้หนูจะเล่านิทานจบไหมเนี่ย?” ผมยิ้มและแกล้งพูดเหย้าเธอเล่น
“จบซิค่ะ คุณพ่อ หนูจะเล่าเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” จากนั้นเธอก็เริ่มเล่านิทานต่อไปว่า
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกกระยางแก่ตัวหนึ่ง ยืนอยู่บนขอนไม้และคอยจ้องจับปลาในหนองน้ำด้วยความหิวโซและตาลาย เนื่องจากไม่ได้กินอาหารมาหลายวันแล้ว ทันใดนั้น ก็มีปลาตัวหนึ่งว่ายเข้ามาหามันๆ ก็เลยใช้ปากจับปลาตัวนั้นทันที แต่ปลาตัวใหญ่มากๆ มันก็เลยกลืนเข้าท้องไม่ได้ มันก็เลยวางปลาตัวนั้นไว้บนขอนไม้ก่อน กะว่าจะลองค่อยๆ จิกกินทีละนิดๆ ในขณะที่มันกำลังก้มมองปลาอยู่ ทันใดนั้นเอง เจ้าปลาตัวนั้นก็กระโดดงับเข้าไปที่คอของมันจนขาดและมันดิ้นตกลงไปตายในน้ำทันที แล้วปลาตัวนั้นก็กระโดดลงไปในน้ำและกัดกินนกกระยางโชคร้ายตัวนั้นอย่างเอร็ดอร่อย”
“อ้าวๆ ! ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นละลูก” ผมถามด้วยความงงและสงสัย
“ก็เพราะว่าปลาตัวนั้น มันไม่ใช่ปลาธรรมดานะซิค่ะ คุณพ่อ หากแต่มันคือปลาปิรันย่าจอมโหดร้ายนั่นเอง” เธอชี้แจง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ......” ผมและภรรยาพากันหัวเราะจนท้องแข็ง หลังจากที่ฟังเธอชี้แจงเสร็จ
“สนุกไหมค่ะ?” เธอถาม
“สนุกซิค่ะ สนุกและตลกมากๆ เลยลูก ดูซิพ่อกับแม่หัวเราะจนท้องแข็งเลยทีเดียว” ภรรยาของผมบอกเธอ
“นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้เรื่องอะไรบ้างลูก?” ผมถามขึ้น
“คุณครูไม่ได้บอกค่ะ ว่าสอนเรื่องอะไรบ้าง แต่หนูคิดว่า.....ความหิวทำให้คนตาลายและขาดสตินะค่ะ และ....อะไรๆ ก็เป็นไปได้ในนิทาน”
“ คิ คิ คิ” ผมหัวเราะและรู้สึกชอบใจในบทสรุปตอนท้ายของเธอมากที่สุด
ใช่แล้ว....."อะไรๆ ก็เป็นไปได้ในนิทาน"
เพลง "คนสำคัญ"
ร้องโดย หนู มิเตอร์
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วทำให้นึกถึงลูกสมัยเด็กๆ เพราะเขาก็ชอบเล่านิทานและทำท่าทาง
ประกอบไปด้วย บางครั้งก็ชอบที่จะให้เราเล่าให้ฟัง
เด็กคงจะเหมือนกันหมดนะคะที่ชอบนิทาน..
น่ารักมากครับ
สวัสดีครับ
ขอบคุณมากๆ ครับที่ติดตามอ่านและให้กำลังใจมาตลอด
ผมว่าเด็กก็คือเด็กนะครับ เป็นผู้ที่เราจะต้องดูแลและเอาใจใส่เขาอย่างดีที่สุด
นิทานยังเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อการเพาะบ่มจินตนาการของเด็กๆ อยู่เสมอนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ตาม(ซึ่งการ์ตูนไม่สามารถที่จะเข้ามาทดแทนตรงนี้ได้ทั้งหมด)
หากเราสนใจในสิ่งที่เขาพูด เล่า หรือทำ....ก็จะทำให้เขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นอยู่ตลอดเวลานะครับ
ชอบนิทานของคุณลูกสาวจังค่ะ
เมื่อวานคุณครูสอนภาษาอังกฤษของแม่(พี่เอง) เพิ่งถามด้วยความสนใจว่าเรา(พี่และสามี) เลี้ยงลูกยังไไงเขาถึงอ่านและใช้ภาษาอังกฤษได้ดี(มากกว่าแม่ อิ อิ)
แม่นั่งคิดแล้วคิดอีก ก็ตอบเท่าที่จำได้ว่า ชอบอ่านหนังสือทั้งไทยและอังกฤษให้เขาฟังตอนเขาเล็กมาก ๆ ก่อนจะอ่านหนังสือเป็น ราว ๆ ขวบกว่า ต่อมาเริ่มหมดแรง ปล่อยให้ลูกนั่นแหละ เป็นคนคิดและเล่านิทานให้แม่ฟังก่อนนอน
น่าจะได้ผล ระดับหนึ่งค่ะ
สวัสดีค่ะ
ลูกสาวเล่านิทานสนุกนะค่ะ อะไรก็เป็นไปได้ในนิทาน ส่งเสริมจินตนาการได้ดีค่ะ
สวัสดีครับ อ.ภูสุภา และคุณถาวร
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ
สมัยเด็กๆ ผมชอบฟังนิทานมากครับ(ตอนนั้นไม่มีการ์ตูนให้ดูเหมือนสมัยนี้)
บางวันพ่อหรือแม่เล่าให้ฟัง แต่บางครั้งผมก็รบกวนให้น้าๆ หรือคนอื่นเล่าให้ฟัง
พอฟังแล้วก็ได้ข้อคิดและความบันเทิงใจ....
เมื่อถึงวัยที่ผมได้เป็นพ่อคนกับเขาบ้าง ก็เลยนำเอานิทานที่เคยฟังสมัยเด็กๆ มาถ่ายทอดให้ลูกฟังอีกต่อหนึ่ง
เพื่อเพาะบ่มจินตนาการให้กับเขา ซึ่งเขาก็ชอบฟังมากๆ ครับ และขอให้ผมเล่าให้ฟังก่อนนอนทุกคืนเลย( จนนิทานในสต็อคความจำของผมใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว)
ผมคิดว่าเขาคงได้อะไรหลายอย่างนะครับ จากการฟังนิทาน เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าจะอธิบายให้เราฟังอย่างไรเท่านั้นเอง
สำหรับผม....อย่างน้อยๆ ผมก็รู้สึกว่าผมได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ดีในระดับหนึ่งนะครับ
และหวังว่าเขาเองก็คงจะรู้สึกภูมิใจและอบอุ่นไม่น้อยที่ได้เกิดมาเป็นลูกของผม คิคิคิ
อ่านเรื่องเล่าของลูกสาวตัวน้อยทีไร ได้อมยิ้มทุกที
เป็นบันทึกที่น่ารักมากครับ ขอชื่นชมครับ
ลูกสาวผมตอนนี้ ๖ ขวบ ก็ชอบฟังนิทานก่อนนอนครับ คุณแม่เขาเล่าให้ฟังทุกคืน ส่วนผมก็จะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ และวันหยุดที่กลับมาบ้าน เขาฟังแล้วเขาก็จะหลับง่ายมาก บางเรื่องเล่าซ้ำไปมาจนเขา เล่าแทนเราได้เลยก็มี ^_^
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความดีงามนะครับ
น่ารักมากครับ
สวัสดีครับ คุณ พ.แจ่มจำรัส
-ขอบคุณมากๆ เลยครับ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนเป็นประจำ
-ลูกสาวของผมมีเรื่องราวให้ยิ้มและหัวเราะได้เสมอนะครับ
เพราะครอบครัวของผมอารมณ์ดีกันทุกคนครับ คิคิคิ
สวัสดีครับ คุณ ธนากรณ์ ใจสมานมิตร
-ยินดีที่ได้รู้จัก และขอบคุณมากๆ ครับ ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน
-นิทานยังมีมนต์ขลังเสมอสำหรับเด็กๆ เป็นเครื่องมือเพาะบ่มจินตนาการให้กับพวกเขาได้อย่างดี ผมเองก็เล่าให้ลูกๆ ฟังประจำ แต่บางครั้งเขาก็เป็นฝ่ายเล่าให้เราฟังบ้าง เหมือนอย่างในบันทึกนี้ ซึ่งก็ทำให้ฮาและหัวเราะเกือบทุกครั้งเลยทีเดียว
สวัสดีครับ คุณราชิต สุพร
-ยินดีที่ได้รู้จักครับ
-ขอบคุณมากๆ ที่กรุณาแวะเข้ามาเยี่ยมและให้กำลังใจ