เห็นเด็กๆ หลายคนขะหมีขะหมัน ตั้งใจเรียนกันอย่างเอาเป็นเอาตายนะ บางคนก็อิเหรื่อยเฉื่อยแฉะ แต่มุ่งหวัง คาดหวัง งอแง ทำไม่ได้ สอบเข้าเรียนไม่ได้พาลจะฆ่าตัวตายกันให้ได้
จากตรงนี้ก็ทำให้ผมอยากรู้ว่า อะไรน้าคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ความฝันของหลายคนสำเร็จได้ พยายามคิดอยู่นานมากแล้วล่ะ ก็มองเห็นนะว่า รวมทั้งประสบการณ์ของตนเองด้วย ก็คิดว่าเจ้าความรักในสิ่งที่ทำ หรือเราทำในสิ่งที่เรารักนี่แหละ น่าจะใกล้เคียงคำตอบที่สุดนะ แต่ไม่แน่ใจ
เมื่อครั้งอดีตก็ได้ร่ำได้เรียนกันมาเหมือนกันนะพวก ธรรมะแห่งความสำเร็จอะไรเนี่ย
แต่ก็เป็นนามธรรม ยากที่จะเข้าใจและนำไปใช้
ในชีวิตจริงๆ ส่วนใหญ่ก็สังเกตจากคนที่ประสบความสำเร็จใกล้ๆ ตัว ก็ทำให้เราสามารถพัฒนาตนเองไปได้บ้างเหมือนกันนะ
ในวันนี้ก็ลองกลับไปนำธรรมะที่เรียกว่า อิทธิบาทสี่ มาปัดฝุ่นและตั้งใจศึกษาลงไป
ก็ไปเห็นคำแปลที่ทำให้ได้ภาพของการเสริมกันโดยมีเจ้าความสำเร็จอยู่ตรงกลาง แล้วฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อยู่รายล้อม หรือหากเราดูจากตรงกลางคือความสำเร็จไล่ออกไปทางรัศมี เราก็จะได้เห็นสิ่งที่ต้องทำ และเห็นได้ชัดเลยว่า
เจ้าฉันทะนี่แหล่ะสำคัญที่สุด คำแปลก็คือ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
ตรงนี้มันสอดคล้องกับประสบการณ์ที่ได้ใช้ชีวิตกันมานานนะ เมื่อเราทำในสิ่งที่รักตรงนี้แล้ว ...
ความพากเพียร ความพยายามก็จะเกิดขึ้นมาเอง เพื่อสิ่งที่เรารักแล้วพละกำลังอันมหาศาลก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันมีมากมายเลยล่ะ เค้าเรียกว่า วิริยะ
เมื่อถึงตรงนี้ในชีวิตจริงน่ะ ความก้าวหน้าในงาน ความก้าวหน้าในการเรียน ก็จะรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วนะ พุ่งเป็นจรวจเลย
แบบมีกำลังใจเลยเชียวล่ะ จริงๆตรงนี้จิตเราก็จะจับไปกับงานของเรา จดจ่อไปกับสิ่งที่เราชอบเรารักแล้วโดยไม่น่าจะต้องออกแรงอะไรนะ ตรงนี้เค้าเรียกว่า จิตตะ แปลว่า ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินมาจนถึงตรงนี้ ความเจริญก้าวหน้า ผลงานต่างๆ ผลการเรียนที่ดีก็จะผลิดอกออกผลแล้ว เมื่อมันดีมันมีระบบคิดระบบทำที่ดีแล้ว
เราก็จะมีเวลาในการพักหรือผ่อนคลาย ตรงนี้ก็เป็นงานเบาแล้วล่ะ โดยปกติก็จะค่อยๆ ไล่ดูไปว่าตรงไหนน่าจะปรับปรุง ตรงไหนควรจะแก้มั๊ย อย่างไร โดยดูเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างท้าทายเป็นหลัก งานก็จะมีคุณภาพดียิ่งๆ ขึ้นไป เค้าเรียกตรงนี้ว่า วิมังสา แปลว่า ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
ที่ได้เล่า ได้เปรียบเทียบมาทั้งหมดนี่ ก็เพื่อที่จะทำตัวเอง ให้รู้สึกว่าเราได้ใช้ธรรมะในการดำเนินชีวิตอยู่แล้วนะ ธรรมะคือธรรมชาตินะ เป็นสิ่งที่คนเราสัมผัสได้ ทำได้อย่างไม่ยากนะ ก็ทำให้ได้นึกถึงเจ้าเด็กน้อยทั้งหลายว่า บรรดาผู้ปกครองผู้ถือหางสือชีวิตเขาเหล่านั้น น่าที่จะต้องหาคีย์ของความสำเร็จในชีวิตให้กับพวกเขาตั้งแต่เนิ่นๆ นะ
เห็นด้วยหรือเปล่าว่า ให้เขาทำในสิ่งที่เขารัก ทำในสิ่งที่เขาชอบน่ะ น่าจะทำให้เขาเดินไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายกว่า และเจ้าความชอบในงาน ความรักในงานนี่ก็เป็นคนละเรื่องกับความเก่งนะ
จะรู้จะสังเกตได้อย่างไรนั้น คงมีวิธีในการหาคำตอบกันอยู่ หนึ่งในนั้นผมคิดว่า สิ่งที่ลูกให้เวลา และใช้เวลาไปนาน ถึงนานมากกับงานนั้นๆ ตรงนี้แหละที่ ผมคิดว่าเค้าชอบล่ะ
ไม่มีความเห็น