เมื่อเราจะซื้อกล้อง , เล่นกล้อง

เมื่อเราจะซื้อกล้อง

ถามตัวเองเลยว่า เราจะจริงจังกับมันแค่ไหน

เพราะความจริงจัง สัมพันธ์กับสิ่งแรกที่จะกล่าว คือ...

 

งบประมาณ ...

กล้อง DSLR ตัวหนึ่ง จะต้องประกอบด้วยเลนส์ที่ติดตามมันมา

อีกอย่างน้อย 3 ตัว ถ้าคุณจะถ่ายให้สนุก คือ wide normal และ tele

เลนส์แต่ละตัว ราคาต่ำสุด คุณภาพห่วยสุด ก็ ห้าหกพันบาทสำหรับ normal และ tele ส่วน wide ก็ หมื่นกลาง ๆ

ดังนั้น ขั้นแรก คำนวณงบประมาณขั้นต้นที่คุณจะเสียไว้ได้เลยว่า มันคือ

1. กล้อง

2. เลนส์ ที่ถ้าจริงจังปานกลางถึงมาก จะต้องห้ามใจไม่ไหว ... มีตามมาครบทั้ง 3 ตัว

 

น่อกจากนั้นจะมีเบี้ยหัวแตกอีก ค่า filter ค่า C-PL ค่า hard drive สำรอง ค่าขาตั้ง

ค่า CF ค่าแฟลช อิอิ

 

ยกตัวอย่าง

 

ตัวผมเอง เพิ่งเปลี่ยนกล้อง D300 ของนิคมา

ผมคำนวณเงินผมคร่าว ๆ ไว้แล้ว

1. กล้อง + กริป 75000

2. เลนส์ 10-20 14500 (wide)

3. เลนส์ 17-50 15000 (normal) + filter 1500

4. เลนส์ 80-200 36000 (tele) + filter 2000

 

บวกไปบวกมา แสนกว่าแล้ว

 

ดังนั้น ถ้าเอางบประมาณตั้งต้น คุณจะได้ pattern แบบนี้ หลาย ๆ ชุด

เช่น ถ้าผมตั้งงบไว้ที่เดิม แล้วเปลี่ยนเป็น canon 40D จะได้อะไร

1. กล้อง + กริป 45000

2. 10-22 24000 + filter 2000

3. 17-40 16000 + filter 2000

4. 70-200 38000 + filter 2000

5. 50 f1.4 12000 + filter 1500

 

อืมมม ราคาถูกลงมาเยอะเลย .... แสดงว่ามันยังไม่จบ เท่านั้น

 

หลังจากเรามีงบ

และจัดชุดกล้องไว้หลาย ๆ สิ่งอย่างแล้ว เรื่องต่อมาที่คุณจะต้องดูคือ

ในงบประมาณที่คุณมีอยู่นั้น เราจะเลือกกล้องอย่างไร ยี่ห้อไหนดี

 

คือการพิจารณา คุณภาพของกล้องแต่ละยี่ห้อ

อันนี้ต้องยอมรับก่อนว่า เราพิจารณาตามงบที่ได้ตั้งไว้

เช่น ถ้างบถึง ก็พิจารณา ระหว่าง 1D ของแคนอน กับ D3 ของนิคอน

ถ้างบน้อยหน่อย ก็อาจจะจับ D300 มาฟาดกับ 40D หรือ 5D

หรือ ถ้างบน้อยลงมา อิอิ

อาจจะได้แค่ IXUS ของพรหล้า กับ พานา LX

 

ถามว่าคุณภาพ มันคือยังไง

เอาด้านกายภาพก่อน

คุณชอบ body ของมันหรือไม่ มันเป็น feeling อย่างหนึ่งเหมือนกันนะ เวลาถ่าย

คนบางคนชอบกล้องที่จับถนัดมือ บางคนบอกไม่มีปัญหา

ถามตัวคุณเอาเถอะว่า ประเด็นนี้มีผลต่อคุณหรือไม่ ถ้ามี ก็ควรนำมาพิจารณา

ในเวลานั้น ผมยังถ่ายภาพไม่เก่ง ผมก็ว่า ไม่มีปัญหาสำหรับผม

เมื่อกาลเวลาผ่านไป ยิ่งถ่ายภาพมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่า กล้องที่ออกแบบมา

เพื่อการจับถือที่ถนัดมือ ทำให้เราถ่ายได้ง่ายขึ้น และสนุกกับการถ่ายมากขึ้น

นอกจากการจับถือแล้ว ปุ่ม control ต่าง ๆ ทำให้คุณถ่ายภาพได้สะดวกหรือไม่

พูดง่าย ๆ ก็คือ มันมีครบถ้วนหรือเปล่า

ไม่ใช่ว่าจะชดเชยแสงที เข้าเมนูกันห้าสิบตลบ กว่าจะทำได้ อันนี้ก้เกินไปนิด

ดังนั้น ลักษณะทางกาภาพ เป็นส่งหนึ่ง ที่ควรจะพิจารณา

แล้วก็สมรรถนะการใช้งาน อย่าดูเบา ....

ถ้าคุณหักโหม ลุย หรือว่า ทิ้งขว้างมัน ... กล้องก็ไม่ควรใจเสาะเกินไป

กันน้ำ ไม่กันน้ำ ต้องดูเรื่องนี้ด้วย

 

ต่อมาเรื่องของไฟล์

กล้องแต่ละตัว แต่ละยี่ห้อทำสีได้ไม่เหมือนกัน แล้วแต่เทคโนโลยี ของใครก็ของมัน

ปัญหามัอยู่ที่ว่า คุณพอใจกับคุณภาพไฟล์ของใครหล่ะ

 

เอาเรื่องสีก่อน

canon ทำสีเป็นธรรมชาติ ไม่แรง หลายคนชอบแนวนี้

nikon สีค่อนข้างจัด ดุดัน

olympus ผมรู้สึกว่าสีเพี้ยน (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ ห้ามด่า) ถ้าถ่ายนอกสตูดิโอ

นอกนั้น ยังมีผลเรื่อง white balance ที่มีปัญหาสุด ๆ คือ olympus ที่ผมรู้สึกว่าสีเพี้ยหนัก

และผมไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างง่าย ๆ และบังเอิญเป็นคนที่ถ่าย raw

เฉพาะตอนจำเป็นซะด้วย ดังนั้น การ process raw file เป็นเรื่องปวดหัวสำหรับผม อันนี้เป็น fact ผมคิดว่าต้องยอมรับ ถูจนสีข้างแดงมันก็แก้ไมได้

 

ส่วน nikon ให้ auto white balance ดีจนน่าตกใจ

หนอน ทำ white balance ได้น่าพอใจสำหรับผม แต่ปัญหาของหนอนคือ ... จอหลังกล้อง สีเพี้ยน จึงทำให้ภาพที่ถ่ายมา กับเปิดบนจอ สีไม่เหมือนกัน ...

ถ้าไม่ซีเรียสคงไม่คิดอะไร แต่สำหรับการทำงานบางอย่าง นี่เป็นิสิ่งอันตราย

นอกจากเรื่องสีแล้ว แน่นอน NOISE เป็นอีกเรื่องที่ต้องพิจารณา

canon ทำไฟล์ได้คุณภาพดีมาก ไฟล์เนียนกว่ายี่ห้ออื่นอย่างโดดเด่น สำหรับคนที่ชอบไฟล์ดี ๆ จะให้น้ำหนักเรื่องนี้ มากกว่า เรื่องอื่น รวมทั้ง dynamic range ที่กว้าง

ทำให้ได้เปรียบเรื่องไฟล์อย่างยิ่ง

 

nikon ในอดีต ไฟล์ทำได้น่าปวดหัว และเมื่อเร่ง iso เกิน 800 ไฟล์จะคุณภาพแย่

จนเซ็ง และเป็นปัญหาของ nik มาโดยตลอด

แต่ดูเหมือน กล้องseries ใหม่ ๆ จะหมดปัญหานี้ไปแล้ว

ดีจนสามารถทำไฟล์ได้อย่างน่าพอใจ

 

olympus ผมเชียร์เรื่อง dynamic range นะ ดีมาก ตอนที่ผมเทส แต่ก็นั่นแหละ

คุณภาพไฟล์เมื่อเทียบกันกับ canon แล้ว ผมพอใจ canon มากกว่า ในตอนนั้น สำหรับผม คงไม่เลือกมัน

 

ต่อมาก็คือเรื่อง อุปกรณ์ประกอบ

เลนส์ เป็นอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึง

canon ได้เปรียบ ตรงที่มีเลนส์ให้เลือกเยอะแยะ ราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับ นิคอน

หาได้ง่ายในตลาดมือสอง ดังนั้น ถ้าใช้หนอน คงได้เลนส์ราคาถูกกว่า

ส่วนเลนส์นิค เป็นเลนส์ที่แพง แต่ก็น่าใจ เทียบกันแล้ว ก็คุณภาพดีกว่าหนอนมาก

แต่ก็นั่นแหละ แพง และไม่ค่อยมีช่วงให้เล่น ... จึงเป็นสิ่งที่หลายคน

ย้ายค่ายไปเพราะ เลนส์

 

แต่สำหรับคนที่สามารถใช้เลนส์ได้อย่างดี ผมว่าเลนส์ไม่กี่ตัวหรอก ที่คุณจะใช้ ....

 

ต่อมา

0 บริการหล่ะ ...

หลายคนคำนึงเรื่องนี้มาก ๆ เรื่องบริการหลังการขาย

ดูเหมือน แคนนอน จะใช้จุดนี้เป็นยุทธวิธีในการเรียกลูกค้าซะด้วย

และก็จริงดังนั้น ของหนอนทำได้ดีกว่า นิคอน อย่างเห็นได้ชัด

0 นิค ที่ได้ชื่อเรื่องซ่อมแพง และ ช้า เสียเปรียบแคนนอน ที่ลงทุนเรื่องนี้มากมาย

แต่ถ้าถามผมนะ ... เรานับกันดี ๆ ว่าเรา เอากล้องเข้า 0 กันเนี่ย

กี่ครั้ง ... กล้องผม แทบจะไม่เคยเข้า 0 เลยด้วยซ้ำ

ยิ่งเลนส์ยิ่งไม่ต้องพูดกัน มันจะเสียได้ยังไง ถ้าเราใช้งานถูกวิธี

นอกจากเหตุสุดวิสัย ซึ่งก็คงไม่ได้เกิดกันง่ายๆ

 

ดังนั้น หากคุณคิดว่า ประเด็นนี้เป็นสิ่งสำคัญ

ก็ควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วย ... อย่าละเลยมันเป็นอันขาด

 

ยังมีอีก คือสารพัดคำร่ำลือ

 

อันนี้ตัวดี หลายคนซื้อกล้อง ไม่ถูกใจ เพราะ เพื่อนยุ พวกรัก brand สาวกอะไรเงี้ย

เลือกด้วยตัวคุณเอง หาข้อมูลด้วยตัวคุณเอง

ผมเคยเห็นคนซื้อกล้องยี่ห้อหนึ่ง เพราะ พวก brand loyalty ยุยง

ซื้อมาทั้งชุด ...

พอมาเห็นไฟล์ของผมเข้า ... ไม่เกินสองอาทติย์ ขายทิ้งทั้งหมด

แล้วมาใช้กล้องเหมือนผม

อย่าให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะว่า เราไม่คิดให้รอบคอบ

คิดให้ดีครับ ว่า อะไรเหมาะกับคุณ

มันไม่มีกล้องที่ดีที่สุดในโลกหรอก

มันมีแต่กล้องที่เหมาะกับคุณที่สุดในโลก

เหมาะทั้งราคาและงบของเรา

เหมาะทั้งรูปลักษณ์

เหมาะทั้งสมรรถนะ

เหมาะทั้งคุณภาพไฟล์

เหมาะทั้งเรื่องอุปกรณ์ที่คุณหามันได้ง่าย ๆ

เหมาะทั้งเรื่องบริการ

เหล่านี้เอง จะทำให้คุณ ตัดสินใจ ซื้อกล้อง ที่ เหมาะกับคุณที่สุด ได้เอง

 

ใช้ CANON ใช้ NIKON ใช้ OLYMPUS หรือใครจะยังใช้ MINOLTA

ก็ตาม ถ้าคุณคิดว่านั้น คือสิ่งที่เหมาะกับคุณแล้ว

ใช้มัน และ ถ่ายภาพให้สวย อย่างมีความสุขกันนะครับ

[ศิริรักษ์♥คนหลังเลนส์♥]

• ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดี
• เป็นประโยชน์ในการตัดสินได้