ผู้เขียนได้สรุปจากการฟังบรรยาย ในการเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง ความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการกับการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ในระดับพื้นที่ เพื่อร่วมวิเคราะห์ความต้องการปรับหลักสูตรฐานสมรรถนะพัฒนาทักษะสร้างคนคุณภาพรองรับตลาดแรงงานที่เติบโต จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ในช่วงของการพูดคุยในหัวข้อ “ปัญหาและความต้องการด้านกำลังคนภาคบริการและอุปสรรคด้านการยกระดับฝีมือแรงงานไทย” ยกมาเฉพาะในส่วนของคุณสิริมาศ วัฒนะโชติ รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย ได้ให้ข้อคิดต่าง ๆ ดังนี้
นักศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย
การนำเสนอในครั้งนี้ทางรองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทยชี้แจงว่า ก็ได้มีการจัดประชุมร่วมกับฝ่ายทรัพยากรบุคคลของทางธนาคารต่าง ๆ แล้วรวบรวมข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังนั้นคือ
- การผลิตนักเรียนนักศึกษาของสถาบันต่าง ๆ ที่ผลิตได้ตอนนี้ ทางธนาคารพึงพอใจในระดับหนึ่ง โดยกลุ่มเหล่านี้ก็ต้องใช้เวลาสำหรับการปฐมนิเทศก่อนทำงาน ซึ่งลักษณะของการทำงานธนาคารเป็นการทำงานที่มีระยะเวลาทำงานอยู่ในองค์กร จนถึง 60 ปี ดังนั้น จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนกว่าจะเออร์ลี่หรือเกษียณอายุ เท่ากับว่า จะต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลา
- สมรรถนะในเชิงวิชาการหรือองค์ความรู้ที่เรียนมาอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับการทำงานทางด้านธนาคาร สิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมคือ ในด้านทัศนคติของผู้ทำงาน การแก้ไปปัญหาเฉพาะหน้า การแก้ปัญหาในภาวะวิกฤติ เพราะเป็นตำแหน่งงานซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับ ลูกค้า หุ้นส่วนองค์กร เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ฯลฯ
- วุฒิการศึกษาต้องการผู้จบระดับปริญญาตรี
- นักการธนาคารจะเกี่ยวข้องกับทักษะทางด้านเครื่องมืออุปกรณ์น้อยกว่า ทางด้านอุตสาหกรรมซึ่งต้องละเอียด รอบคอบ มีขั้นตอนปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการให้ใช้เครื่องจักรกล ซึ่งในส่วนของทางธนาคาร อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ และเป็นอุปกรณ์พื้นฐานหลักในการทำงานสำนักงานอยู่แล้ว ความเสี่ยงและอันตรายก็จะแตกต่างกับภาคอุตสาหกรรม
- เน้นการสื่อสาร ความรู้ความเข้าใจในการถ่ายทอด การส่งต่อข้อมูลไม่ผิดพลาด และไม่กระทบกับองค์กร ทำให้ผู้ได้ใช้บริการเกิดความพึงพอใจและประทับใจ รวมถึงการมีลักษณะของเป็นบุคคลทำงานด้วยลักษณะ Service Mind
- ความร่วมมือของทางองค์กรทางธนาคาร คือ รับนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งเป็นการฝึกจากประสบการณ์ตรง และได้หน่วยกิต การฝึกลักษณะนี้จะได้ผลตามมาคือ ครูได้รับรู้และเรียนรู้งานของสถานประกอบการ ครูฝึกพี่เลี้ยงได้รู้วิธีการสอนงานและมอบหมายงาน และนักศึกษาที่มีพื้นฐานจากสถาบันการศึกษาจะได้ทดสอบการทำงานจริง ได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร รวมทั้งครูจะต้องเรียนรู้และเก็บข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการสอนจากสถานการณ์และเนื้องานในโลกของการทำงานจริง ไม่ยึดอยู่เฉพาะตำราหรือทฤษฎี
ความคิดเห็นว่า ทำไมนักเรียนมุ่งไปเรียนสายสามัญมากกว่าอาชีวศึกษา
- ต้องมีการปูพื้นฐานจากโครงสร้างการดำรงชีวิตฐานจากตัวเองก่อน โดยจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนในโลกของอาชีพที่มีอย่างหลากหลาย เช่น ผู้เรียนจะตอบได้ว่า ในอนาคตจะเป็นอะไร
- โครงสร้างสังคมที่ตอบสนองในโลกอาชีพมีอยู่จริงและต้องให้มีกระแสดัง ๆ เกิดขึ้น
- คุณภาพของอาชีวศึกษาจะต้องสามารถบอกกับสังคมได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อเรียนอาชีวศึกษาจะมีหรือได้คนที่มีคุณภาพอย่างไร
ข้อความทั้งหมดไม่ได้เป็นการถอดจากการบรรยาย จึงอาจมีบางส่วนขาดหายไป อย่างไรก็ตามได้พยายามเก็บประเด็นให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ อาจจะเป็นอีกแหล่งข้อมูลสำหรับการเตรียมพร้อมปฏิรูปการอาชีวศึกษา ในทศวรรษที่สองนี้ได้
*พิมพร ศะริจันทร์ ศึกษานิเทศก์ เขียนวันที่ 23 มิถุนายน 2554
จากการร่วมสัมมนาเรื่อง ความต้องการกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการกับการจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) วันที่ 22 มิถุนายน 2554 ณ ห้องแกรนด์นันทา โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่
ติดต่อผู้เขียน [email protected]