การสร้างความสุขในการทำงาน


การสร้างความสุขในการทำงาน
การสร้างความสุขในการทำงาน (Happy Workplace) ด้วยการบริหารตนเอง

เขียนโดย วีระ กุลเพ็ง

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแนวโน้มของการทำงานของในภาครัฐและภาคเอกชนของทุกหน่วยงานย่อมเกิดภาวะที่เจอกับมรสุมที่เป็นปัจจัยภายนอกมากระทบเช่นการประสบปัญหาภาวะน้ำมันแพงปัญหาของภัยธรรมชาติและปัจจัยทางด้านการเมืองที่ผลกระทบต่อประชาชนคนไทยซึ่งส่งผลให้มากระทบถึงการเมืองภายในบริษัทด้วยเช่นกันผลกระทบดังกล่าวย่อมส่งผลให้เกิดความเครียดในการทำงานได้เช่นกันปัจจัยที่พุ่งเป้ามาที่ผู้บริหารเป็นอันดับแรกว่าจะนำพาองค์การให้มีความอยู่รอดอย่างไรจากปัญหาสภาวะน้ำมันแพงคำตอบคงไม่พ้น2 วิธีคือการเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นกับการลดค่าใช้จ่ายต่างๆลงเพื่อให้องค์การมีความอยู่รอดได้


 

ผู้บริหารก็ได้วางกลยุทธ์เพื่อให้องค์การผ่านพ้นกับวิกฤติที่เกิดขึ้นโดยการใช้เครื่องมือที่เป็นที่ยอมรับของการบริหารจัดการเข้ามาใช้เช่นBSC Competency TQM และCRM ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวข้างต้นย่อมมีวิธีการระบบและตัวชี้วัดที่แตกต่างกันออกไปจากที่พนักงานเคยอยู่กันแบบสุขสบายโดยไม่ต้องมีใครมาคอยกำกับดูแลตรวจสอบข้อมูลเป็นประจำทุกเดือนทุกไตรมาสเมื่อผู้บริหารได้นำเครื่องมือต่างๆมาใช้แต่ไม่ได้ศึกษาความพร้อมของคนไทยที่เคยสุขสบายมาก่อนว่าจะยอมรับเครื่องมือนั้นได้หรือไม่จึงทำให้เครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในเมืองไทยไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนักมักจะถูกต่อต้านจากพนักงานหรือไม่ก็ทำให้พนักงานที่เป็นคนเก่ง(Talent) ขององค์การได้เดินออกจากบริษัทเพราะว่าระบบที่นำมาใช้ไม่มีความยุติธรรมพอมีแต่เอื้ออำนวยให้กับพวกพ้องซึ่งเป็นคนหมู่มากในองค์การเป็นผู้กุมอำนาจเชิงบริหารเสียเองค่านิยมที่ดีๆเริ่มเปลี่ยนไปคนที่ทำงานหนักมักไม่ได้ถูกเหลียวแลจากผู้บริหารเพราะว่าผู้บริหารที่ถูกแต่งตั้งมาจากคนที่ไม่ได้ทำงานอย่างแท้จริงมองระบบไม่ออกถ้าคนไหนทำงานเกินหน้าเกินตาหน่อยก็จะถูกเพ่งเล็งจากผู้บริหารที่มีคนใกล้ชิดคอยให้ข้อมูลที่ผิดๆอยู่ตลอดเวลาถ้าผู้บริหารที่ฟังความข้างเดียวหรือฟังจากเหล่านี้ทุกวันก็อาจจะมีสิทธิเอนเอียงมายังผู้ที่ให้ข้อมูลซึ่งจะทำให้ตัดสินใจในการบริหารคนที่ผิดพลาดได้เช่นกัน
 
สำหรับผู้เขียนมีความเห็นว่าการนำเครื่องมือที่ดีๆมาใช้ในช่วงแรกเมื่อระบบยังไม่เข้าที่และยังไม่ลงตัวไม่สามารถให้โทษแก่ผู้กระทำความผิดได้การบริหารคนควรจะเน้นให้รักษาคนดีเอาไว้ก่อนเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังให้กับพนักงานที่ทำดีเอาไว้ในองค์การจะเห็นได้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อพนักงานถ้าจะนับรวมถึงปัจจัยภายในเข้ามาอีกซึ่งจะทำให้เกิดแรงกดดันในการทำงานเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณในวิธีการแก้ไขในเบื้องต้นเราคงไปแก้ที่ปัจจัยทั้งสองปัจจัยไม่ได้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการแก้ไขสิ่งที่ทำได้ในทันทีไม่ต้องใช้พละกำลังเวลาและอุปกรณ์เลยก็คือการแก้ไขปรับปรุงที่ตัวเราเองก่อนซึ่งจะขอนำเสนอ
 
การสร้างความสุขในการทำงานโดยการบริหารตนเองเพื่อไม่ให้เกิดความเครียดดังต่อไปนี้
1.การแก้ปัญหาอย่างถูกวิธี การทำงานย่อมมีปัญหาเป็นธรรมดาอย่าแก้ปัญหาโดยการใช้อารมณ์จะทำให้เครียดมากขึ้นควรเริ่มต้นแก้ปัญหาที่สาเหตุเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมเพราะเมื่อแก้ปัญหาได้ก็จะสบายใจหายเครียด



2.
การบริหารเวลาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมีเวลาเหลือสำหรับการพักผ่อนและครอบครัวทำให้เครียดน้อยลงควรทบทวนดูว่าใช้เวลาแต่ละวันไปกับเรื่องใดบ้างเพื่อการจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสมทั้งการทำงานสังสรรค์ครอบครัวและการพักผ่อนลองสังเกตเพื่อนร่วมงานที่บริหารเวลาได้ดีและลองทำตามดูอาจช่วยในการบริหารเวลาของตนเองได้



3.
การปรับเปลี่ยนความคิดส่วนหนึ่งมาจากความคิดของคนเรานั่นเองถ้าเรารู้จักปรับเปลี่ยนความคิดในแง่มุมใหม่จะช่วยให้เครียดน้อยลงถ้ารู้สึกตัวเองคิดมากหาทางออกไม่ได้ควรหยุดคิดสักพักคิดให้ยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิมคิดอย่างมีเหตุผลคิดอย่างที่คนอื่นคิดและคิดถึงคนอื่นบ้าง

4.
การพักผ่อนหย่อนใจหลังเลิกงานแล้วควรได้พักผ่อนหย่อนใจบ้างเพื่อผ่อนคลายจิตใจทำให้พร้อมที่จะกลับไปทำงานอย่างมีประสิทธิภาพกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจมีอยู่มากมายควรเลือกตรงข้ามกับงานประจำเช่นงานประจำนั่งโต๊ะทั้งวันยามว่างควรทำกิจกรรมกลางแจ้งเคลื่อนไหวร่างกายหรืองานประจำเป็นผู้ให้บริการยามว่างควรให้ผู้อื่นบริการเราบ้าง


5.
การรู้จักยืนยันสิทธิของตนความเครียดอาจเกิดจากการยอมอ่อนข้อเกรงใจผู้อื่นมากเกินไปรู้จักยืนยันสิทธิของตนเองบ้างจะทำให้เป็นตัวของตัวเองและเป็นเกรงใจต่อผู้อื่นสิทธิที่ควรรักษาคือสิทธิที่จะปฏิเสธอย่างมีเหตุผลสิทธิที่จะทำงานด่วนของตนให้เสร็จก่อนสิทธิที่จะไต่ถามเพราะความไม่เข้าใจสิทธิเปลี่ยนใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่

6.
การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวจิตใจที่เข้มแข็งจะช่วยให้เอาชนะความเครียดได้การสร้างเข้มแข็งทางจิตใจโดยสร้างความเชื่อมั่นให้ตนเองพัฒนาปรับปรุงตัวเองเข้าใจชีวิตว่าไม่มีอะไรแน่นอนไม่ยึดติดกับอดีตหรือกังวลกับอนาคตมากเกินไปอย่างลืมสร้างความอบอุ่นในครอบครัวเพราะครอบครัวเป็นกำลังใจที่สำคัญในการต่อสู้กับอุปสรรค



7.
การสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานการที่ผู้ร่วมงานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันร่วมมือกันในการทำงานจะทำให้เกิดความอบอุ่นมีกำลังใจและสนุกสนานกับงานมากกว่าการทำงานโดยลำพังการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงานสามารถทำได้โดยเอาใจเขามาใส่ใจเราอยู่เสมอ



8.
การแสดงอารมณ์อย่างเหมาะสมการเก็บอารมณ์ที่ไม่ดีเอาไว้และการแสดงอารมณ์ที่ไม่เหมาะสมทำให้เกิดความเครียดควรฝึกควบคุมอารมณ์คิดก่อนทำทำอย่างเหมาะสมจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลังเมื่ออารมณ์ดีควรแสดงออกด้วยการยิ้มพูดเล่นฮัมเพลงเพื่อให้คนใกล้ชิดรู้สึกดีด้วยอย่างพูดหรือทำอะไรลงไปหลบจากสถานการณ์และหายใจลึกๆไตร่ตรองผลที่จะตามมาจะทำให้มีสติเครียดน้อยลง



9.
การออกกำลังกายเมื่อรู้สึกเครียดจากการทำงานการออกกำลังกายจนเหนื่อยและเหงื่อออกจะช่วยคลายเครียดได้หลังเลิกงานหรือในวันหยุดควรออกกำลังกายหรือเหล่นกีฬากับกลุ่มเพื่อนจะรู้สึกสนุกสนานและเพลิดเพลินยิ่งขึ้นการช่วยกันทำงานบ้านในวันหยุดก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีและช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว



10.
การพูดอย่างสร้างสรรค์จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานสวัสดีขอโทษขอบคุณเป็นประโยคที่ควรพูดติดปากแสดงถึงการมีมรรยาทและเป็นเสน่ห์แก่ผู้พูดหมั่นพูดชมเชยไต่ถามทุกข์สุขให้กำลังใจประสานความเข้าใจเพื่อลดความขัดแย้งในการทำงานจะช่วยตัดปัญหาลดความเครียด


ขอบขอบคุณที่มาจาก

 ผู้เขียนกฤตินกุลเพ็งประสบการณ์20 ปีทางการบริหารทรัพยากรมนุษย์และพัฒนา
องค์กรเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่บริหารวัฒนธรรมองค์กรและการ
Implement Competency Model ให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชนประสบการณ์ในการทำงานใน
เครือซิเมนต์ไทยมา 15 ปีเป็นอาจารย์พิเศษสอนด้าน Human Resource Management ของมหาลัยบูรพา

 

 
คำสำคัญ (Tags): #บริหาร 5
หมายเลขบันทึก: 445231เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2011 19:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท