มนุษย์มีเรื่องที่ต้องกระทำ เน้นว่าต้องกระทำ 2 อย่างด้วยกันคือ การแสวงหาวัตถุมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ตน และการรักษาจิตใจให้เป็นปกติสุขอย่างแท้จริง ฉะนั้นความสะดวกกับความสุข จึงต้องเป็นคนละเรื่องที่ไปด้วยกัน 2 อย่างนี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่มีอยู่ด้วยกันเพื่อความสมบูรณ์ของชีวิต การแสวงหาที่ว่าก็จะมีอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง คือ มิจฉาทิฎฐิ และสัมมาทิฎฐิ ซึ่งมิจฉาทิฎฐิที่แหละเหมือนแสงสีดำในความมืด เมื่อส่งเข้ามาโดนใครก็มักจะหลงเมามายไปนึกว่า วัตถุต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น เงิน ลาภ ยศ สรรเสริญ จะเป็นตัวช่วยให้เกิดความสะดวก และคิดว่าสิ่งนี้เป็นความสุขที่แท้จริง หรือหลงความสุข คิดว่าความสนุกสนานเป็นความสุข สนุกสนานกับรูป รส กลิ่น เสียง และ โผฏฐัพพะ คิดว่าอบายมุขเป็นความสุข ก็มีแต่ความเห็นแก่ตัว เบียดเบียนเอาเปรียบกันในสังคม
การดำเนินแนวนโยบายของบ้านเมืองที่ก่อตัวขึ้นอย่างฉาบฉวย สร้างกระแส “ความสะดวก” มากกว่าที่จะสร้าง “ความสุขอย่างแท้จริง” โดยการรักษาจิตใจให้เป็นปกติสุข จะเห็นได้จากการทำให้ชุมชนเกิดความรู้สึกตกอยู่ภายใต้ “การกู้” ซึ่งเน้นการออมอย่างเป็นรูปธรรมน้อยมาก หากประสงค์จะอยากได้สิ่งอำนวยความสะดวก ก็กู้ไปจัดหามา แรก ๆ เราก็จะได้ความสุขเทียม ๆ ที่คิดว่าจริงแล้ว แต่พอไปต่อสักระยะก็จะเริ่มรู้ตัวว่าได้ตกเป็นทาสของระบบนี้เข้าให้แล้ว แต่ตอนนั้นก็จะถูกสำทับว่า หากไม่ได้กลับมา กองทุนที่ให้กู้ ๆ กันอยู่ จะไม่มีการให้เติมมาอีก หรือถูกริบ/ยกเลิกไป จะเรียกหนี้คืน เป็นต้น มองอย่างไรก็เป็นเหมือนการซื้อเสียงล่วงหน้า ฉลาดหน่อยตรงที่ใช้เงินงบประมาณซื้อ จึงไม่ผิดกฎหมาย
ลำแสงสีดำแห่งความมืด กำลังจะคลี่คลายไปเป็นลำแสงที่ขาวนวล หากเพียงแต่เราได้ช่วยกันพิจารณาให้ถ่องแท้เสียที และช่วยกันเลิกพึ่งพาระบบที่เข้ามาครอบงำความสุขที่แท้จริง การปรนเปรอด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นหาใช่เป็นความสุขที่แท้จริงไม่ อันนี้เราน่าจะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำลายให้สิ้นซากเสียทีครับ แนวทางความพอดีอย่างพอเพียงของพระองค์ท่าน ในหลวงของเรา เป็นลำแสงที่ขาวนวล ที่จะสาดส่องเข้าทดแทนในความมืดที่เกิดอยู่ เราต้องช่วย ๆ กันนะครับในการน้อมนำมาประยุกตฺประยุกต์ใช้กันให้กว้างขวาง
ความหลงในวัตถุ...คือ....สิ่งสมมติที่เราสร้างขึ้น...
หากเรามีสติ...แห่งจิตใจ...
รู้เท่าทันแห่งความหลงนั้น...
ซึ่งหลงที่ว่า...คือ
หลงในรูป..ว่าสวยงาม...ก่อเกิดความพึงพอใจ...ยิ่งเชยชมยิ่งพึงพอใจ...ก็ยิ่งหลงไปกันใหญ่
หลงในรส...ว่าอร่อย...นักในความรู้สึกหากยิ่งได้ชิมก็ยิ่งติดใจ...จนถอนตัวไม่ขึ้น...จากวัตถุนั้น...
หลงในกลิ่น...อันเย้ายวน...ตามแต่จิตภาพตนจะสร้างขึ้นว่านี่แหละตนพอใจ...
หลงในเสียง...ที่เสมือนอันไพเราะเพราะพริ้ง...
หากเมื่อหลุดออกมาจากหลง...สิ่งที่บรรเจิดในความรู้สึกตอนนั้น...อาจจะไม่ใช่...เสียแล้ว...
หากเราลองตัดวงจรเล่านี้...ออกไปจากชีวิตบาง...ความหลงที่ว่านั้น...อาจไม่หลงอีกต่อไป....
ลองเอาไปใช้กับตัวเองดูนะคะ....
เรียน พี่ใบบุญ
บันทึกนี้อาจจะได้แรงใจจากการ Gross National Happiness (GNH) หลังจากที่เราหลงไหลไปใน Gross National Product (GNP) เสียนาน ด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ ประการ
Dr.Ka-poom ครับ
ด้วยความเคารพ ผมจะลองใช้ดูนะครับ
อาจารย์พี่ขจิต
ขอบคุณมากครับอาจารย์พี่ขจิต แก้ไขแล้วครับ
"ฉันฝันอยากได้รถ แต่ฉันจะไม่มีวันซื้อรถ
เพราะเมื่อฉันซื้อรถแล้วความฝันของฉันจะสลาย"
คุณ adcordiality
หากฝันสลายเพราะกลายเป็นจริง (ไม่ว่าเรื่องใด ๆ) ก็จักยอม...ครับ
น้องโนว์
น้องโนว์เข้าใจอะไรผิดไปไหม อย่างคิดเอาเอง เออไปเองทั้งหมดสิครับ
ที่บอกว่า "ไม่อยากแม้จะฝัน เพราะหากเมื่อฝันแล้ว น้องโนว์กลัวตื่นขึ้นพบกับความจริง" ลองพิจารณาดูดี ๆ ไม่มีสิ่งใหนเกิดขึ้นจริงเลยนอกจากในใจ จัดการกับใจตนเองได้ ว่าแค่คิดไป(เอง) มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ลองทบทวนดี ๆ นะครับ น้องโนว์
เป็นกำลังใจให้น้องโนว์นะครับ บางเรื่องที่มันสายเกินไป เพราะมัวแต่ดื้อกัน มันก็จะสายไปตลอด หากได้คิดว่า "ไหน ๆ ก็สายไปแล้ว ช่างมัน" ลองพยายามว่า จะไม่ให้สายเกินไปอีก จะไม่ดื้อจนสายไป อาจจะมีอะไร ๆ ดีขึ้นนะครับ
Ms.Sunee
ไม่มีอะไรช้าไปสำหรับการ ลปรร.นะครับ ในมุมมองของผม เข้าประเด็นนิดนึงก่อนเขียนเรื่องนี้ผมได้ไอเดียจากชาวบ้านที่พูดว่า ...มาสอนให้เราฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้จากกองทุนหมู่บ้าน หรือแนวคิดใส่ปุ๋ย(หนี้)แก่รากหญ้า จนทุกวันนี้หลับตาเห็นเป็นเงินไปหมด เป็นเงินเพื่อจานดาวเทียม โทรศัพท์มือถือสวย ๆ ถ่ายรูปได้ ....อีกมากมาย จนเละหมดแล้ว จะฟื้นกลับให้มาพอเพียงอย่างพอดีใหม่ มันยากยิ่ง