"สามัคคี ปรองดองเพื่อพัฒนาองค์กร"


มาเรียนรู้วิธีง่ายที่สุดซึ่งทุกคนทำได้เพื่อสร้างองค์กรให้ "พัฒนาสถาวร"

Good morning!ครับ ไม่ทราบว่ามีใครตื่นแล้วบ้าง เหลือบดูเวลาก็ตีสาม สามสิบสี่นาที ตื่นแล้วๆๆๆ คงเพราะแก่ไปเลยตื่นไวครับ ไหนๆก็ตื่นแล้ว หาสาระมาบอกกล่าวกันดีกว่า ตามมาดูกันเลยครับ

 มาธุระแถวๆสะพานควาย เดินๆอยู่ก็ได้ยินคนเขาคุยกันมากมาย แต่ที่ติดใจก็คือ คำว่าสามัคคีปรองดอง ฟังแล้วก็ละเหี่ยใจครับ แต่ก็ไม่ได้ก้าวไปถึงสีต่าง ๆหรอกครับ เพราะเราไม่รู้ตื้นลึกหนาบา งของพวกเขา แต่สิ่งที่คิดอยู่ก็คงไม่พ้ นพื้นที่ในองค์กรที่ทำมาหากินอ ยู่ 153 ไร่ ของวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร ด้วยสามัญสำนึกของการเป็นคร ู ที่มีหน้าที่สำคัญอันดับแรก เลย คือ "สอน" เลยถือโอกาสยามเช้านี้มาบอก กล่าวเล่าสิบกันนิดหน่อย ในประเด็น "สามัคคี ปรองดองเพื่อพัฒนาองค์กร"

องค์กรใดๆ ก็ตาม ล้วนต้องการการพัฒนา ล้วนต้องการความก้าวหน้า ด้ว ยกันทั้งสิ้น จะดูว่าก้าวหน้า และพัฒนาหรือไม่นั้น ก็ดูได้จา กภาระกิจ หน้าที่ โดยที่มีเป้าหมายเป็นตัวกำหนด หากเป็นการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สองนี้ เขาให้องค์กรต้องกำหนด KPI ไว้ให้ชัดเจน เพื่อเป็นตัวบ่งบอกว่า องค์กรนั้นดำเนินกิจการไปได้สำเร็จตาม KPI นั้นหรือไม่เพียงไร

เมื่อกำหนด KPI ไว้แล้ว สมาชิกทุกคนขององค์กรก็ต้องร่วมมือร่วมใจกันนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งความร่วมมือร่วมใจกันนี้เอง ถือว่าเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จ พระพุทธองค์ทรงให้คำสอนเพื่อความสงบสุขแห่งตนไว้ สามประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทั้งสามนี้เปรียบเสมือนดวงแก้วที่จะนำพา "ตนเอง" ไปสู่ความสุข หากทุกคนยึดถือแล้วนำพาทั้งสามประการนี้ เราก็สุข องค์กรก็สุข แต่ที่ผมอยากนำมาบอกกล่าวกันอีกสักอย่างและคิดว่าง่ายมากไม่ต้องคิดตีความอะไร คือ

"หน้าที่ความรับผิดชอบ" คือสิ่งที่ง่ายที่สุดในการนำพาความสำเร็จมาสู่องค์กร มิหนำซ้ำยังนำพาความสามัคคีปรองดองมาให้เป็นโบนัสแก่องค์กรด้วยนะครับ คนทุกคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบตามบทบาทที่ตนเองเลือกเดิน จะชอบหรือไม่ก็ตามหากเลือกแล้วก็ต้องยอมรับ...ในบทบาทหน้าที่นั้น ๆ 
 
"ครู" มีบทบาท หน้าที่หลายสิ่งอย่าง แต่สำคัญที่สุดสามสี่หน้าที่ คือ ๑. สอน ๒. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ๓. พัฒนาตนเองในหน้าที่ความรับผิดชอบ ๔. ประสานผู้ปกครองในการร่วมมือกันส่งเสริมพัฒนาผู้เรียน ฯลฯ ที่ว่ามานี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดของคนเป็น "ครู" หากคนเป็นครู รู้ ตระหนัก และปฏิบัติหน้าที่นี้อย่างเคร่งครัด อย่าได้ขาด อย่าได้เกิน ผมว่า "พัฒนาสถาวร" ก็จะเกิดตามมา "สามัคคีปรองดอง" ก็ไม่ต้องไปถามหาเลย เนื่องจากทุกคนล้วนทำหน้าที่ของตนเองไม่ขาดไม่เกิน การกระทบกระทั่ง แก่งแย่งชิงดีกัน การว่าร้าย การเห็นแก่ตัว ก็จะไม่อาจเข้ามาวุ่นวายได้เลยนะครับ
 
วันนี้เลยมาบอกกล่าวดังๆว่า...ขอพวกเราทุกท่านจงมาสำรวจตรวจตราดูว่า เรามีหน้าที่อะไรบ้าง เรามีบทบาทอย่างไร เราได้แสดงบทบาทตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามลำดับความสำคัญที่เขากำหนดไว้แล้วหรือยัง ครบถ้วนแล้วหรือยัง เกินไปบ้างหรือไม่ หากยังไม่ครบถ้วน...ก็จงรีบเร่งทำให้ครบถ้วนเสีย หากพบว่าได้ทำหน้าที่และบทบาทเกินกว่าที่กำหนด ที่เรียกว่า "เล่นเกินบท" ก็จงหยุดได้แล้ว และหันกลับมาสู่ บทบาทหน้าที่ที่แท้จริงกันเสียที ชีวีของทุกท่านก็จะสุขสันต์ องค์กรก็จะสุขสงบ พัฒนาสถาวร ผลประโยชน์ที่มุ่งหวังก็จะมาเองไม่ต้องไปฉกฉวย แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ทำร้ายกันอีกต่อไป
การเล่นขาดบทบาท และเกินบทบาทจะเดินไปสู่แนวคิดต่อไปนี้นะครับ "ไม่รู้ไม่ชี้ สังคมอยู่ได้" "รู้แล้วชี้ สังคมก้าวหน้า" แต่ๆๆๆๆๆ "ไม่รู้แล้วชี้มีแต่หายนะ" นะครับ ขอทุกท่านจงเล่นให้ถูกบทอย่าได้ขาดอย่าได้เกินด้วยความมีสติ รู้เท่าที่รู้ อย่ารู้มันเสียทุกเรื่องนะครับ เจ้านายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หมายเลขบันทึก: 444967เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2011 09:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท