คนไทยร่วม''ต้านคอร์รัปชั่น''


การศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้

         ช่วงนี้มีการพูดเรื่องคอรัปชั่นกันมากขึ้น เราจะเป็นประเทศหนึ่งในอนาคตที่ให้คนไทยรังเกียจการคอรัปชั่น และครูสอนในเรื่องการทุจริตเรื่องคอรัปชั่นกันตั้งแต่ประถมศึกษากันอย่างจริงจัง เพราะเมื่อใดที่สังคมปลอดเหมือนกับการปลอดบุหรี่ ตามที่การรณรงค์ได้ผลและเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน  ประเทศของเราก็เจริญไปอีกมากมาย

        และเมื่อต้นเดือน มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ภาคีเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น 20 องค์กร เดินหน้าประกาศสงครามต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น จัดงานสัมมนา" ต่อต้านคอรัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย" ระดมความคิดเห็นทุกภาคส่วนดันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และมีส่วนร่วมต่อต้านการโกงกิน ชูฮ่องกงเป็นตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกวาดล้างคอรัปชั่น เชื่อมั่นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงได้หากทุกฝ่ายร่วมมือ

        คุณดุสิต นนทะนาคร ปธ.กก.การหอการค้าไทย เปิดเผยว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยตระหนักถึงภัยของการทุจริตคอรัปชั่น ทั้งยังมองว่าเป็นเรื่องปกติ และ" ยอมให้โกงได้ถ้ามีผลงาน" หากปล่อยทิ้งไว้ก็เหมือนกับมะเร็งร้ายที่จะกัดกร่อนประเทศไทย จนอาจถึงขั้นล่มสลายในที่สุด เราต้องเริ่มต้นแสดงพลังให้ทุกภาคส่วนเห็นว่าภาคีเครือข่ายฯ ของเราเอาจริงเอาจังและพร้อมที่จะร่วมมือกันอย่างแข็งขัน เพื่อให้การต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการหยุดให้หรือหยุดจ่าย เพื่อยุติข้ออ้างที่ว่าการทุจริตคอรัปชั่น เกิดจากมีผู้ให้จึงมีผู้รับ ถ้าเรายุติการให้หรือการจ่ายที่ไม่ถูกต้อง ก็ถือเป็นการตัดวงจรอุบาทว์นี้ไปโดยปริยาย

        ซึ่งเชื่อมั่นว่าการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทางที่ดีขึ้นได้ เพราะได้เห็นตัวอย่างการต่อต้านของประเทศฮ่องกงที่ทำสำเร็จมาแล้ว ฮ่องกงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว สถานการณ์ทุจริตคอรัปชั่นเลวร้ายกว่าบ้านเรา แต่วันนี้ฮ่องกงสามารถพลิกฟื้นจากที่เคยมีภาพลักษณ์ของการโกงกินแทบทุกขั้นตอนในการทำธุรกิจ กลายเป็นมีความโปร่งใสเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งนับว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ในเมื่อฮ่องกงยังทำได้สำเร็จ ประเทศไทยก็ต้องทำได้เช่นกัน หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหานี้ ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถหยุดการทุจริตคอรัปชั่น และเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

        Mr.Ferdinand (Nandor) Gyula von der Luehe รองปธ.กก.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และปธ.คณะทำงานป้องกันและปราบปรามคอรัปชั่น หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทยนานถึง 23 ปี เปรียบเหมือนคนไทยคนหนึ่งที่ได้เห็นถึงสถานการณ์การทุจริตคอรัปชั่นที่ฝังรากลึกและกัดกร่อนทำลายประเทศไทยมายาวนาน กล่าวว่า ปัจจุบัน การทุจริตคอรัปชั่นนับเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ที่หลายประเทศพยายามหามาตราการป้องกันและปราบปรามทั้งการออกกฎหมายควบคุมพฤติกรรม การส่งเสริมให้มีระบบการตรวจสอบซึ่งกันและกัน โดยยังคงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจและรักษาความสัมพันธ์อันดีอันดับที่ 13 ของโลก ซึ่งนับว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในกับหน่วยงานภาครัฐ

        การทุจริตคอรัปชั่นไม่เพียงแต่จะเป็นอุปสรรคต่อความการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ในเมื่อฮ่องกงยังทำได้สำเร็จ ประเทศไทยก็ก้าวหน้าของเศรษฐกิจ แต่ยังเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจและความเหลื่อมล้ำทางต้องทำได้เช่นกัน หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกันมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังในการแก้สังคม ทั้งยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความสามารถในการแข่งขันของปัญหานี้ ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถหยุดการทุจริตคอรัปชั่น และประเทศอีกด้วย การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นของประเทศฮ่องกง ล้วนเป็นแนวทางที่น่าสนใจ และน่าจะนำมาเป็นกรณีMr.Ferdinand (Nandor) Gyula von der Luehe รองศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบตรวจสอบและคานอำนาจ หรือการปลูกฝังปธ.กก.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และปธ.คณะทำงานป้องกันและปราบจิตสำนึกที่ดีกับประชาชน เพื่อกำหนดแนวทางปรับใช้กับประเทศไทยต่อไป

        ผลการวิจัยสถานการณ์คอรัปชั่นไทยของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเมื่อปลายปี 2553 ระบุว่า ข้าราชการ นักธุรกิจ และประชาชนกลุ่มตัวอย่าง1220 คน เห็นตรงกันว่า สถานการณ์คอรัปชั่นไทยมีแนวโน้มมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยร้อยละ 83.3 เห็นด้วยมากที่สุดว่าปัญหาการคอรัปชั่นสมควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 71 รู้ว่าจะต้องจ่ายอย่างไร และเท่าใด เพื่อความสะดวกในการทำงาน แม้เจ้าหน้าที่รัฐไม่เรียกร้องก็ตาม และอีกร้อยละ 29 จ่ายเมื่อเจ้าที่รัฐเรียกร้อง และเกือบร้อยละ 80 ของผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้จากรัฐ โดย 1 ใน 3 ต้องจ่ายเงินมากกว่าร้อยละ 25 นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 77.6 ยินดีมีส่วนร่วมต่อต้านคอรัปชั่น และผู้ประกอบการกว่าร้อยละ 20.7 อยากมีส่วนร่วมแต่ทำไม่ได้ เพราะมีความจำเป็นทางธุรกิจและร้อยละ 1.7 เท่านั้นที่ไม่อยากมีส่วนร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ ได้กำหนดหัวข้อหลัก เรื่อง" ต่อต้านคอรัปชั่นจุดเปลี่ยนประเทศไทย" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนสื่อมวลชนได้รับทราบสถานการณ์และผลกระทบของปัญหาคอรัปชั่นของประเทศไทย และเรียนรู้ประสบการณ์ ในการป้องกัน และปราบปรามคอรัปชั่นของต่างประเทศ ที่ดำเนินการจนประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมุ่งให้คนไทยทุกคนร่วมรณรงค์สร้างเครือข่ายต่อต้านการคอรัปชั่น ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประเทศไทยจะเจริญอย่างยั่งยืนสืบต่อไป

        อ้างอิง..ที่มา: หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย บางส่วน

คำสำคัญ (Tags): #คอร์รัปชั่น
หมายเลขบันทึก: 444916เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 20:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คนไทยขี้เกรงใจ

คนชั่วยังเกรงใจเขาเลย

น่าขอบคุณพันธมิตรนะ

ขอบคุณคณะอะไรนะครับ อุตสาหกรรมมั้ง

ออกมาต่อต้านกัน ดีจังเลย 

อย่างนี้ถือว่าช่วยประเทศชาติ

กล้าหาญทางจริยธรรม

and the tourbillon escapement wheel and ETA 2836 movement powered by three small

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท