เสียงตะโกนในใจของลูก ดังมากๆ


ต้องมีหูที่ฟังเสียงตะโกนจากในใจนะ สำคัญมากๆ

การเรียนของลูก จากการเขียนบันทึกจดหมายเหตุชีวิตบันทึกที่แล้ว

บอกว่าเรียนห้องชั้นนำ ต้องทำตัวให้สมาร์ท ก่อนที่จะมาเป็นบันทึกดังกล่าวทุกอย่างทั้งหมดทั้งปวงก็ได้ขีดเขียนลงไปในกระดาษ วิเคราะห์กันถึงผลดีผลเสีย แบบมั่นใจว่ารอบด้านนะ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้

เริ่มจากน้องหยกก็ไปบอกคุณครูขอปรับตารางการเรียนเสริมใหม่ ปรับวิถีชีวิตการดำเนินใหม่

 วันที่หนึ่งผ่านไป วันที่สองที่สามตามมา

แต่ในทุกๆ ครั้งผมได้โทรไปพูดได้คุย สอบถามสารทุกข์ สุกดิบ ก็ได้รับทราบถึงความกังวล ความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจอันเนื่องมาจากซึ่งก็มาจากหลายๆ อย่างแหล่ะ

ที่มีปัญหามาสะดุดชัดๆ คือการเรียนเสริมในวันสุดสัปดาห์ วันศุกร์เขาไม่มีเพื่อนที่จะเดินกลับหอ เขากลัวเรื่องราวตรงนี้เขาก็ขอให้ช่วยแก้ให้หน่อยเถอะ ช่วยมารับเป็นเพื่อนครั้งแรกให้หน่อยได้มั๊ยคุณพ่อ ครอบครัวทุกคนก็รับทราบและวิตกเหมือนกัน

และก็มีคำพูดเชิงต่อรอง สัปดาห์ต่อไปหนูขอกลับบ้านนะ ..

ทั้งหมดทั้งปวงก็คือต้องการให้ช่วย ให้ความเปลี่ยนแปลงของเขาในวันนี้กลายเป็นเรื่องปกติเสียก่อน จะได้มั๊ยคุณพ่อคุณแม่

 เราได้ยินเสียงที่ตะโกนจากหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาแสดงออก ..

เมื่อมาดูทางครอบครัว ทุกๆ คนก็รอการกลับมานะ ก็อยากชื่นใจน่ะ ความรู้สึกมันก็ไม่รู้ว่าเราจะเอาอีท่าไหนน่ะ   

ในวันที่สามของการเปลี่ยนแปลง เป็นวันพุธขณะที่เราคุยกันเพื่อแก้ปัญหาให้ลูก

ผมก็บอกความรู้สึกเล็กๆ ให้ภรรยาทราบว่า

จริงๆ ก็คิดว่าเราน่าจะยอมให้เรื่องความรู้นี้ลดลงหน่อยก็ดีนะ เพื่อแลกกับความสุขที่จะเกิดในครอบครัว

เรื่องของความสุขที่กระจายเต็มไปหมดทั้งบ้านนี่  หากเราได้หากเรามีตรงนั้น เมื่อเปรียบเทียบแล้ว คิดยังไงก็คุ้ม และผลที่เราคาดการณ์ว่า  ลูกคงต้องเรียนแย่ เรียนไม่ทันเค้าอย่างมาก

อันนี้ก็ไม่แน่ใจนะ เพราะตัวผมเองก็เชื่อเรื่องของการที่คนเราเมื่อมีความสุขนี่

ไม่ว่าจะทำอะไรนะ จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าคนที่เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป

ฉะนั้นก็ไม่แน่หรอก หากเค้าได้กลับบ้านเปรียบเสมือนการได้มาชาร์ทแบตฯ

ตามคำที่พวกผู้ใหญ่ชอบพูดกันนี่ อาจจะเป็นผลทำให้ การตะคลุบความรู้ในช่วงที่ไปเรียน

มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งก็ได้ ใครจะรู้

 เมื่อผมได้พูดออกไป ภรรยาก็เห็นด้วย ก็ได้คำตอบว่า เอาอย่างเดิมก็แล้วกัน

 คือกลับบ้านเย็นวันศุกร์ กลับไปหอพักในเย็นวันอาทิตย์

นี่ก็คือสิ่งที่อยากเล่าให้ฟังว่า เมื่อคิดองค์รวมของครอบครัวแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างแล้ว เราอาจจะไม่สามารถทำได้เหมือนกับคนอื่น เพราะคนเรานั้นต่างกัน

หมายเลขบันทึก: 443290เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2011 13:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับ ตามใจเกินไปหรือเปล่า เป็นคำถามนะครับ ขอบคุณนะครับ

เข้าใจค่ะ  ลูกโตใกล้จะ 30 ปี แล้ว  ทั้งเขาและครอบครัวเรา  ก็ยังเป็นแบบนี้

เมื่อเขากลับมาบ้านพร้อมๆกััน  บ้านคือสวรรค์ของเรา /ขอบคุณที่นำมาแลกเปลี่ยนค่ะ 

เป็นกำลังใจในการเลี้ยงดูเด็ก ๆ นะครับ

ขอบคุณมากครับ

สุดท้าย ผมก็ให้ลูกไปเรียนเสริม เสาร์-อาทิตย์ด้วยนะครับ เนื่องจากพอดูเป้าหมายที่จะไปแล้ว จำเป็นครับ ขอบคุณ คุณแสงเทียนแห่งความดีนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท