ความคิดที่น่ารักของ "ชุมชน"


ในช่วงสาย ๆ ของวันหนึ่ง.............

กริ๊ง ๆ ๆ  กริ๊ง ๆ ๆ ๆ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

สวัสดีครับ

"สวัสดีค่ะ เย็นนี้อาจารย์ว่างไหมคะ ไปเที่ยวด้วยกัน"

ว่างครับ


เสียงโทรศัพท์จาก "พี่อิ๋ว" (คุณนงลักษณ์ อยู่บุญ) สำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่เปลี่ยนวันธรรมดา ๆ ของผมเป็นวันที่ซาบซึ้งที่สุดในชีวิตวันหนึ่ง

ในวันนั้นพี่อิ๋วชวนผมไปช่วยจัดเวทีถอดบทเรียนและจัดการความรู้ เรื่องของ SML เวทีวันนี้เป็นเวทีที่จัดขึ้น ณ ตำบลวังดินครับ

ซึ่งผมไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วครับ ผมเคยบอกที่สำนักงานสหกรณ์อุตรดิตถ์ไว้เสมอครับว่า ถ้ามีอะไรให้ผมรับใช้บอกได้เสมอ ไม่ต้องเกรงใจบอกได้ตลอดเวลา ไปไหนไปกัน เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไม่มีค่าตัวครับ ค่าตัวของผมที่อยู่ทุกคนมีความสุขกับการทำงาน สิ่งที่ผมได้รับก็คือได้เรียนรู้ครับ

ในวันนั้นพี่อิ๋วมารับผมที่หน้าหมู่บ้านประมาณ 17.00 น. และมุ่งหน้าไป ตำบลวังดิน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรเท่านั้นครับ

พอไปถึงที่ศาลาเอนกประสงค์ภายในวัด หลังจากที่พวกเราช่วยกันจัดสถานที่เสร็จแล้วผมต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน "เสียงตามสาย" ที่ชายผู้หนึ่งประกาศ

"วันนี้ขอให้พวกเรามารวมตัวกันที่ศาลาเอนกประสงค์ของวัดเพื่อร่วมประชุมกัน  เพราะไม่มีหมู่บ้านไหนได้รับเกียรติอย่างนี้ ขอเชิญให้มาประชุม ขอให้มากันมาก ๆ ทางคณะฯ มาคอยพวกเราอยู่แล้ว หมู่บ้านเราได้รับเกียรติอันสูงที่ทางคณะฯ เข้ามาพบปะพูดคุยกับพวกเราในวันนี้"

หลังจากที่ผมได้ยินเช่นนั้น ในใจแวบแรกคิดขึ้นมาทันทีและพูดกับตนเองว่า.....

"ทำไมชุมชนเขาใจดีจัง คิดกันดีจังเลย"

"คนไทยใจดีขนาดนี้ แล้วเรานักวิจัย นักพัฒนา ทำไมถึงทำเขาพวกเขาได้นะ"

"เขาจะรู้หรือไม่นะ ว่าชาตินี้เราอาจจะได้เจอกันแค่ครั้งเดียว เมื่องานของเราเสร็จเราเรียนจบแล้ว เราก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ"

ถัดจากนั้นมาหัวใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มครับ เพราะคิดต่อไปแล้วพบว่า

พวกเราเคยว่าคนในชุมชนหักล้างถางพง ทำไร่เลื่อนลอยกัน น้ำท่วมกันทุกวันนี้ก็เพราะพวกเขาตัดไม้ทำลายป่ากัน แต่ในวันนี้พวกเรา ก็มิได้ต่างอะไรกับการ "ทำไร่เลื่อนลอย" อยากเรียน อยากศึกษา อยากพัฒนาอะไรกัน ก็ไปลงทำกับชุมชน จบแล้ว สบายแล้ว จบงานก็จบกัน

แล้วทำไมทำได้ล่ะ

เพราะชุมชนน่ารักอย่างนี้ไงครับ

ชุมชนยิ้มทุกครั้งที่เราไป อยากให้เราไปอีก (แล้วเราได้กลับไปบ้างไหม)

น่ารักกับพวกเราเสมอมา น่ารักกับเรามาตลอด และยังคงน่ารักอย่างนี้ตลอดไป


ในระหว่างเดินทางกลับผมจึงได้เล่าเรื่องนี้และบอกทุก ๆ คน ที่ลงไปด้วยกันวันนั้นว่า

"หลักในการทำงานที่ใช้ในการวางแผนทำงานกับชุมชนที่สำคัญที่สุดก็คือ ทุกครั้งที่ลงไปทำงานกับชุมชน ต้องคิดเสมอนะว่า ประโยชน์ที่เขาได้รับกับเราได้รับนั้นคืออะไร ใครได้รับประโยชน์มากกว่ากัน ถ้าคิดแล้วเรายังได้ประโยชน์มากกว่าชุมชนแล้วล่ะ ขอให้เรามานั่งวางแผนใหม่ วางแผนไปจนกว่าเมื่อไหร่ที่สิ่งที่เราทำนั้นชุมชนได้ประโยชน์มากกว่าเรา แผนนั้นเป็นแผนที่ดีและเหมาะสมที่สุด".....

 

หมายเลขบันทึก: 44306เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2006 12:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
ข้อสรุปย่อหน้าสุดท้าย คงจะเหมือนกับการที่นายรักษ์สุขเขียนบันทึกถ่ายทอดความรู้ในบล็อกใช่ไหมครับ ว่า ความรู้ที่ถ่ายอทอดออกมาใครจะได้รับประโยชน์มากกว่ากัน
  • ถูกต้องเป็นอย่างยิ่งเลยครับ "นายบอน"
  • เพราะตอนที่ผมพิมพ์บันทึกทุกครั้ง สิ่งที่ผมใช้ตัดสินใจว่า ผมจะไปเที่ยวดีหรือจะไปพิมพ์บันทึกดี ก็ต้องตัดสินใจว่าสิ่งใดได้ประโยชน์มากกว่ากันครับ
  • แล้วผมก็ต้องตัดสินใจทุ่มเทเวลาในการคิด การปฏิบัติ เพื่อนำสิ่งต่าง ๆ มาลงไว้ใน G2K แห่งนี้ครับ
  • จะพิมพ์ จะพูด สิ่งใดลงไป โทษที่เกิดกับเราและประโยชน์ที่เกิดกับคนอื่นสิ่งใดมากกว่า ถ้าเกิดประโยชน์มากกว่า ผมขอเลือกสิ่งนั้นครับ บางครั้งก็เป็นกบฏ บางครั้งก็อาศัยความบ้าบิ่นจากใกล้ ๆ ตัว เพื่อน ๆ เริ่มมองเราไม่ดี แต่นั่นแหละครับ ประโยชน์ที่เกิดกับสังคมไทยที่มีมากกว่า เป็นสิ่งที่ผมเอง "กล้าที่จะพูดและทำครับ"
  • หายเหนื่อยทุกครั้งที่ได้เข้ามาพิมพ์บันทึก
  • หายเหนื่อยทุกครั้งที่มีกัลยาณมิตรเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเติมเต็ม
  • หายเหนื่อยทุกครั้งที่กัลยาณมิตรนำสิ่งต่าง ๆ ไปต่อยอดและใช้ประโยชน์กับชุมชนไทยครับ
  • ขอขอบพระคุณทุก ๆ ท่านที่ทำให้ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยครับที่เข้ามาใน G2K
  • ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท