ทำให้กาฬสินธุ์เริ่มมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอยากจะเดินทางมา ศึกษาและเที่ยวชมเมืองให้มากกว่านี้ ซึ่งอันที่จริงแล้วเมืองน้ำดำแห่งนี้ มีศิลปวัฒนธรรมอีสาน แหล่งอารยธรรมโบราณที่น่าศึกษา และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจชวนให้มาสัมผัสมากมาย | |||||
สำหรับการค้นพบซากไดโนเสาร์นั้นเกิดขึ้นในปีพ.ศ. 2513 เมื่อพระครูวิจิตร สหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ได้พบกระดูกชิ้นใหญ่ในบริเวณวัด แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรคิดว่าเป็นไม้กลายเป็นหินจึงเก็บรักษาไว้ กระทั่งปีพ.ศ. 2521 เมื่อนักธรณีวิทยาและคณะจากกรมทรัพยากรธรณี ได้เดินทางมาสำรวจธรณีวิทยาบริเวณนี้ และพบตัวอย่างกระดูกไดโนเสาร์ที่เก็บไว้ในวิหารวัดสักกะวัน ต่อมาพ.ศ. 2523 คณะสำรวจโบราณชีววิทยาไทย-ฝรั่งเศส ได้นำกระดูก 3 ท่อน ไปศึกษาพบว่าเป็นกระดูกส่วนขาหน้าของไดโนเสาร์ซอโรพอด (Sauropod) จนกระทั้งปีพ.ศ. 2537 จึงได้ทำการสำรวจขุดค้น และอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ | |||||
| |||||
เราใช้เวลาเดินดูซากไดโนเสาร์และเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ทาง พิพิธภัณฑ์จัดแสดงไว้ให้ชมจนสมควรแก่เวลา ได้รับทั้งความรู้และความสนุกสนานเกี่ยวกับไดโนเสาร์กลับไปเต็มสมองแล้ว ก็ออกเดินทางไปสงบจิตสงบใจกันที่ "วัดพุทธนิมิต" (ภูค่าว) ซึ่งเมื่อ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" มาถึงบริเวณวัดก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศของความร่มรื่น เงียบสงบ ชวนให้จิตใจสงบเอามาก จากนั้นเราก็รีบเดินตรงดิ่งไปสักการะ"พระไสยาสน์ภูค่าว" ที่ประดิษฐานยื่นอยู่ใต้เพิงหินผนังถ้ำ ลักษณะเป็นภาพสลักนูนต่ำสูงขึ้นมาจากแผ่นหิน แถมยังมีมีพุทธลักษณะแปลกแตกต่างกับพุทธไสยาสน์ทั่วไปคือ นอนตะแคงซ้ายและไม่มีพระเกตุมาลา ซึ่งสันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างคงไม่ได้คำนึงว่าการสร้างรูปพระนอนโดยตะแคง ขวาหรือซ้ายเป็นเรื่องสำคัญ แต่คำนึงถึงทิศทางหันพระเศียรให้อยู่ค่อนไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นทิศที่พระ พุทธเจ้าปรินิพพาน และหลังจากที่ไหว้พระขอพรเป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินสำรวจดูสิ่งที่น่าสนใจในวัดกันต่อที่"วิหารสังฆนิมิต" ที่พอเดินเข้าไปภายในก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นคือ มีพระพุทธรูปปางต่างๆ พระพิมพ์จากรุต่างๆ จากทั่วประเทศประดับประดาอยู่เต็มบนผนังภายในวิหาร ดูแล้ววิจิตรตระการตาเป็นยิ่งนัก เรียกว่าหากใครที่เป็นเซียนพระเครื่องเมื่อเข้ามายังวิหารแห่งนี้ต้องหูตา ร้อนกันเป็นแถว (เพราะอยากได้) | |||||
เมื่อเดินเข้าไปภายในพระอุโบสถเรายิ่งได้เห็นถึงความวิจิตรงดงามของ ภาพการแกะสลักลวยลายไทยเป็นภาพ 3 มิติ อยู่โดยรอบตัวพระอุโบสถ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง บานประตู รวมไปถึงตามผนังด้านบนมีการแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ และตรงกลางพระอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐาน "พระมงคลชัยสิทธิ์ฤทธิ์ประสิทธิ์พร" ไว้ให้ได้กราบไหว้ขอพรกันก่อนที่จะขอตัวออกจากวัด เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านโพนแหล่งท่องเที่ยวที่รอเราอยู่ข้างหน้า ที่บ้านโพน อ.คำม่วง แห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของ "ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไท ผ้าไหมแพรวาบ้านโพน" ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้ศึกษาถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของ ชาวบ้านโพน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวผู้ไท (ผู้ไทย) ที่เมื่อกว่าร้อยปีก่อนเคยมีถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณสิบสองปันนาและได้ย้าย ถิ่นฐานมาอยู่ในกาฬสินธุ์นานมาแล้ว โดยเมื่อเราเข้ามาที่ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไทนี้ เราจะได้เห็นถึงวิถีการดำรงชีวิตของชาวผู้ไทบ้านโพน ตั้งแต่การได้ดูที่อยู่อาศัยของเรือนผู้ไทแท้ ปลูกสร้างด้วยไม้ หลังคามุงแป้นเกล็ดหรือกระเบื้องไม้ ตัวเรือนยกพื้นสูง มีบริเวณใต้ถุนเรือนเป็นที่พักผ่อน ทำกิจกรรมอย่างการทอผ้า ทำหัตถกรรมสานไม้ไผ่เป็นของใช้ ส่วนชั้นบนแบ่งเป็นเรือนย่อยคล้ายเรือนไทยภาคกลางและมีนอกชาน สำหรับเรือนผู้ไทนี้นอกจากหจะเป็นเรือนสาธิตวิถีชีวิตชาวผู้ไทยในลักษณะ พิพิธภัณฑ์แล้ว ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าพักค้างคืนได้อีกด้วย | |||||
คำว่า "แพรวา" นั้น แพร หมายถึงผ้าผืนที่ยังไม่ได้ตัดเย็บ วา หมายถึง ความยาว 1 วา "ผ้าไหมแพรวา" จึงหมายถึง ผ้าไหมผืนที่มีความยาวขนาด 1 วา ลักษณะเป็นผ้าผืนสีแดงครั่ง ทอลวดลายหรือขิดต่าง ๆ ไว้ในผืนเดียวกันได้หลายลาย ส่วนมากเป็นลายสัตว์ ดอกไม้ ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านผู้ไทบ้านโพน ทอผ้าแพรวาไว้ใช้เป็นผ้าสไบเฉียง ใช้คลุมไหล่ และคลุมผม ในโอกาสงานเทศกาล งานประเพณี หรืองานสำคัญต่างๆ | |||||
แล้วการเดินทางท่องเที่ยวชมของดีที่จ. กาฬสินธุ์ของ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเป็นที่สุดเพราะได้รับทั้งความรู้ ความสนุก และประสบการณ์แปลกใหม่ ที่หาไม่ได้จากการดูทีวี หรือนั่งชมแผ่นสารคดีวีซีดีอยู่ที่บ้าน เพราะว่าการเดินทางมาเที่ยวมาชมด้วยด้วยเองนั้นมีสีสันสวยงาม และเกิดความประทับใจมากกว่าเป็นไหนๆ นะจะบอกให้ * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * การ เดินทางไปจ.กาฬสินธุ์ ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2) ถึงอำเภอบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ต่อด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 23 และทางหลวงหมายเลข 213 มหาสารคาม-กาฬสินธุ์ ระยะทาง 519 กม.
ที่พักในกาฬสินธุ์ บ้านพักเรือนแพ |
ภาพไม่ขึ้นเลย
แต่ช่างเถอะเดี๋ยวกลับบ้านไปเองก้อด้าย
อยู่กาฬสินธุ์ซะอย่าง..