ระบบการศึกษาที่หลงทิศ
- ระบบการศึกษาในทุกวันนี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สังคมของเราต้องพบกับปัญหามากมายรุมเร้า แต่เป็นเพราะเราคิดว่าการศึกษาคือทุกสิ่งทุกอย่าง และให้ความสำคัญกับมันมากเกินไป มันจึงปิดบังเรา จากข้อสงสัยที่ว่า..แท้ที่จริงแล้ว ระบบการศึกษาในวันนี้ช่วย “สร้าง” หรือ “ทำลาย” เด็กๆ ของเรามากกว่ากัน
- ในขณะที่สังคมเราวุ่นวายด้วยปัญหาต่างๆ บ้านเมืองเรามีผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยจะเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็กๆ ..ตัวเด็กๆ เองก็ต้องพบกับปัญหาวุ่นวายมากมายเช่นกัน เด็กหลายคนไม่ได้รับการบ่มเพาะสั่งสอนในทางที่เหมาะสม และระบบการศึกษาของเรานั้น แทบจะบอกได้เลยว่าเข้าขั้นล้มเหลว เนื่องจากระบบการศึกษาในทุกวันนี้ มุ่งเน้นแต่จะสร้างคนเก่งอย่างเดียว พอสร้างคนเก่งขึ้นมา คนเก่งก็มักจะไม่ค่อยชอบให้ใครเก่งเกว่า เด่นกว่าตัวเอง คนเก่งต้องพยายามเอาชนะคนอื่น คนเก่งเลยต้องเอาเปรียบคนอื่น คนเก่งต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่ตนเองจะได้เก่งกว่าใครๆ ร่ำรวยมีฐานะกว่าใครๆ วิเศษล้ำเลิศกว่าคนไหนๆ ฉะนั้นเราจึงพบว่า มีคนเก่งหลายคนทีเดียวที่เป็นผลผลิตจากระบบการศึกษา ได้เติบใหญ่ขึ้นมาเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กและเยาวชนในรุ่นหลัง
- การส่งเสริมให้เด็กเป็นคนเก่งที่จะต้องเอาชนะแข่งขันกันตลอดเวลาเห็นได้ชัดเจนจากระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในขณะนี้ ซึ่งมีเฉพาะคนเก่งเท่านั้นที่สามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดีๆ ได้ ทำให้เด็กที่ไม่ค่อยเก่งตกที่นั่งลำบาก เพราะไม่สามารถเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐได้
- อีกประการหนึ่งก็คือ วิธีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในทุกวันนี้ เป็นวิธีที่ไม่ยุติธรรมเลยสำหรับเด็กๆ มีการจัดให้เด็กต้องเข้าสอบหลายครั้งและแต่ละครั้งก็ต้องเสียค่าสมัครสอบมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสังคมของเราเป็นสังคมที่ไม่ยุติธรรม..เป็นสังคมที่เน้นคนเก่ง ให้โอกาสแต่กับเด็กที่มีฐานะดี และเด็กในเมืองกรุงเป็นหลัก เนื่องจากเด็กในเมืองกรุงจะได้เปรียบเด็กต่างจังหวัดในหลายๆ เรื่อง เด็กเมืองกรุงส่วนใหญ่มีฐานะพอสมควร และได้รับการฝึกให้เอาชนะคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กเหล่านี้ก็จะไปเรียนกวดวิชา หรือที่เราเรียกกันจนติดปากในเวลานี้ว่าไป “ติว” ในขณะที่เด็กในชนบทไม่มีโอกาสที่ว่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะเราอำนวยโอกาสให้แก่เด็กในเมืองกรุงมากขึ้น แต่กลับไม่ให้โอกาสเด็กๆ ในชนบทสักเท่าไรนัก
- เราคงเห็นแล้วว่า ระบบการศึกษาในทุกวันนี้ก็มุ่งให้เด็กๆ แข่งขันเอาชนะกัน เอาเปรียบกันมากแค่ไหน ซึ่งการที่เราสร้างเด็กมาด้วยวิธีนี้ ก็จะทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาในภายหลัง เพราะนี่คือการสร้างคนเก่งที่ขาดคุณธรรมและจริยธรรม เราสร้างให้เขาเก่งโดยไม่เคยบ่มเพาะคุณค่าความดีงามให้แก่หัวใจของเขา ถึงแม้ว่าในพระราชบัญญัติการศึกษาระบุไว้ว่าเราต้องทำให้เด็กทุกคนเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข แต่จากการปฏิรูปการศึกษาตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา เรากลับพบว่าเราล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงมาโดยตลอด เนื่องจากเด็กๆ ของเราอยู่ในสังคมโดยไม่ค่อยจะมีความสุขกันนัก พวกเขาต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เครียด วิตกกังวล และเข้ามากระตุ้นให้เขาเกิดความต้องการ เกิดความอยากที่จะได้สิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา และการศึกษาของเราเองก็ไม่สามารถผลิตคนดีออกสู่สังคมได้จริงๆ เลย เพราะเมื่อมหาวิทยาลัยคัดเลือกแต่คนเก่ง โรงเรียนเองก็ต้องผลิตแต่นักเรียนที่เป็นคนเก่ง ครั้นถึงเวลาจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแต่ละที ก็ต้องแข่งขันกันยกใหญ่ เพราะต่างคนต่างก็อยากจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยให้ได้ ทุกคนอยากเรียนสูงๆ แต่มันยากสำหรับเด็กบางคน เพราะการจะเป็นที่หนึ่ง คนที่ผ่านเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยได้ต้องใช้เงิน ต้องมีโอกาสที่มากกว่า ต้องมีสื่อที่ทันสมัย ซึ่งหากเป็นเด็กๆ ในชนบทแล้ว พวกเขาจะได้ไขว่คว้าหาสิ่งเหล่านี้จากที่ใดได้
สรุปก็คือ แม้ว่าเราจะมีพระราชบัญญัติการศึกษาที่กล่าวถึงความสำคัญของความดีงาม ต้องการให้ผู้เรียนเป็นคนที่มีคุณธรรม จริยธรรมประดับตน แต่หากระบบการศึกษาที่นำไปปฏิบัติจริงไม่ช่วยสนับสนุน สังคมไม่ช่วยสนับสนุน นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลยังคงมุ่งไปทางด้านวัตถุเป็นหลัก ไม่ได้ส่งเสริมทางด้านจิตใจ การปฏิรูปการศึกษาก็มีแต่จะล้มเหลวเรื่อยไปอย่างที่เป็นอยู่
ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่โรงเรียนของเรายังคงสอนเด็กโดยมุ่งเน้นแต่จะสร้างนักเรียนที่เป็นคนเก่ง คิดแต่จะเอาชนะ เอาเปรียบผู้อื่น บ้านเมืองของเราก็ยังจะต้องพบกับปัญหารอบด้านเรื่อยไปเช่นกัน แต่ถ้ามีวันหนึ่งวันใดที่ระบบการศึกษาเล็งเห็นความสำคัญของความดีงามอย่างจริงจัง เน้นสร้างเด็กให้เป็นคนดี เมื่อนั้นประเทศชาติของเราก็จะรอดพ้นความวุ่นวาย เพราะว่าคุณสมบัติของคนดีนั้นจะคิดในสิ่งที่ตรงข้ามกับคนเก่ง คนดีจะคิดถึงผู้อื่น คิดถึงประเทศชาติ คิดถึงโลก คิดถึงส่วนรวมก่อนตนเองเสมอ และที่สำคัญ คนดีก็พร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวมโดยไม่รีรอ
..
เห็นหรือไม่ว่า สังคมของเราต้องการคนดีมากมายแค่ไหน...
ที่มา : เปิดความคิด ชีวิตอัจฉริยะ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา