หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

วันที่ต้องตั้งสติ


พี่สาวสามีหลุดปากบอกข่าวเรื่องลูกชายจะบวชแล้วขอให้พาไปหาฤกษ์ยามวัน เหมาะและปรึกษาอุปัชฌาให้ได้รู้ ฟังแล้วคิดว่าหูฝาด แวบแรกที่รับรู้มีความรู้สึกที่บอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง หลังจากนั้น พ่อ-ลูกที่ร่วมมือกันเก็บงำเรื่องเป็นความลับ จึงมาเฉลยว่า ลูกชายได้ฤกษ์บวชเช้าวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ให้เตรียมความพร้อมส่วนตัว ฟังเวลาก็ใจหายวาบ เวลาที่กำหนดหมิ่นเหม่ให้เตรียมตัวไม่ทันเหลือเกิน ด้วยชีวิตของวันต้นๆสัปดาห์ที่ลูกจะบวชนั้น มีงานสำคัญที่จำต้องจัดการให้องค์กรประดังเข้ามาพร้อมๆกับงานของสสสส.๒

หลังเหตุการณ์ที่ผู้คนในเขตเมืองและเขาพนมทุกข์ตรมเป็นต้นมา  ตลอดเดือนเมษายนฉันก็เทียวไปเทียวมาอยู่กับหลายเวที ทุกวันต้องเปลี่ยนหัวคิดเพื่อตั้งสติให้ทันกับเรื่องราวของงานที่ผ่านเข้ามาไม่ขาดสาย เดี๋ยวเรื่องการรายงานเกี่ยวกับน้ำท่วมและความก้าวหน้าของงานช่วยเหลือ เดี๋ยวเรื่องของการขอเข้ามาเยี่ยมชมผลงานของโรงพยาบาล เดี๋ยวก็เป็นงานประเมินผลการพัฒนาคุณภาพในแง่มุมต่างๆ เดี๋ยวก็เป็นการตามงานในลักษณะของการนิเทศ หลายๆทีมประดังประเดกันนัดมาเยี่ยมไม่ขาดสาย ในขณะที่มีงานนัดหมายของสสสส.๒ ล่วงหน้าไว้แล้วอยู่ด้วย

โจทย์ใหญ่ที่สำคัญก็เป็นเรื่องที่คนนอกเขาบอกมาว่ามาขอชมงานเพราะแอบไปรู้ว่ามีดีกับเรื่องใหม่ๆในภาพรวมขององค์กรในหลายแง่มุม   บางเรื่องนัดหมายมาล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่องอุทกภัยแล้วเลื่อนเวลานัดเพราะรู้ว่าเรายุ่งกับอุทกภัย บางเรื่องก็เพิ่งนัดหมายมาแบบไม่รอคำตอบ นัดแล้วมาเลย เวลานัดขอเข้าชมก็เลยมาจ๊ะเอ๋กันในช่วงวันต้นๆของสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน ความยากของเรื่องอยู่ที่ในองค์กรของฉันแทบจะหาคนเคยคุ้นกับภาพรวมขององค์กรในแง่มุมที่มาขอชมไม่ได้

ในวันหนึ่งที่แวะไปเยี่ยมบ้านพี่สาวหลังงานบวชหลานชายของสามี พี่สาวสามีหลุดปากบอกข่าวเรื่องลูกชายจะบวชแล้วขอให้พาไปหาฤกษ์ยามวันเหมาะและปรึกษาอุปัชฌาให้รู้ ฟังแล้วคิดว่าหูฝาด แวบแรกที่รับรู้มีความรู้สึกที่บอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง  หลังจากนั้น พ่อ-ลูกที่ร่วมมือกันเก็บงำเรื่องเป็นความลับ จึงมาเฉลยว่า ลูกชายได้ฤกษ์บวชเช้าวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ให้เตรียมความพร้อมส่วนตัว

ฟังเวลาก็ใจหายวาบ เวลาที่กำหนดหมิ่นเหม่ให้เตรียมตัวไม่ทันเหลือเกิน ด้วยชีวิตของวันต้นๆสัปดาห์ที่ลูกจะบวชนั้น มีงานสำคัญที่จำต้องจัดการให้องค์กรประดังเข้ามาพร้อมๆกับงานของสสสส.๒ เรื่องของ สสสส.๒ นั้นไม่น่าห่วงเพราะใช้เวลาอยู่ในเมืองกรุงเพียงแค่วันที่ ๒๗-๒๘ เมษายนเท่านั้น  เรื่องของสัปดาห์ก่อนหน้าเป็นปัจฉิมนิเทศนักศึกษาจากมอ.ปัตตานีไม่มีอะไรน่าห่วงเช่นกัน

งานที่ห่วงคือการต้อนรับทีมคลังสมองภาคประชาชนซึ่งประกอบด้วยอดีตผู้ใหญ่จากหลายส่วนราชการที่ขอมาชมผลงานในภาพรวมขององค์กรในแง่มุมที่หลายคนในองค์กรไม่เคยคุ้นในวันที่ ๒๖ เมษายน จะหาใครที่สามารถรวบรวมผลงานมาเล่าสู่กันฟังได้ทันหรือเปล่า ในช่วงนั้นมีแค่น้องรองฯแพทย์กับฉันที่อยู่โยงทำงานแล้วน้องรองฯแพทย์ก็มีภารกิจต้องตามเสด็จพระราชวงศ์หลายพระองค์ที่เสด็จมาเยี่ยมชาวบ้านที่เขาพนมด้วย ในขณะที่เจ้านายขอลาป่วยเพราะตรากตรำในระหว่างออกพื้นที่น้ำท่วมบ่อยๆเพื่อดูแลน้องๆจนสุขภาพประท้วง

สมองทำงานเร็วจี๋ ตัดสินใจเรื่องของความเกี่ยวข้องกับการจัดการงานที่เกี่ยวข้องกับภาพรวมขององค์กรจะทำยังไง ได้ข้อตัดสินใจช่วยกันเตรียมงานไปพร้อมๆกับการเตรียมตัวกับงานบวชของลูกชาย  หาใครนำเสนอไม่ได้ในวันที่ ๒๖ เมษายนก็ต้องเป็นฉันแสดงบทเอง

๒ สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนที่ผ่านมาจึงเป็นช่วงที่ทำงานหนักพอๆกับเมื่อ ครั้งช่วยกันเตรียมงานรอรับการประเมินคุณภาพโรงพยาบาลที่เรียกกันติดปากว่า “HA” เลยเชียว ที่ทำงานกันหนักก็เพราะบางเรื่องที่ต้องรวบรวมมาบอกเล่าเป็นงานที่ทำต่อเนื่องกันมายาวนานร่วม ๑๐ ปีก็มี บางเรื่องเป็นเรื่องที่ไปเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกับองค์กรท้องถิ่นก็มี บางเรื่องเป็นเรื่องที่สมาชิกต่างทีมงานในองค์กรต่างคนต่างทำโดยไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเชื่อมร้อยเชิงระบบขององค์กรก็มี

ทุกวันที่ผ่านมาในช่วง ๒ สัปดาห์ก่อนลูกชายบวชการทำงานยุติลงจนมืดค่ำจึงได้กลับถึงบ้าน  กว่าสัปดาห์จึงสรุปเรื่องราวที่กระชับออกมาใช้เล่าผู้คนได้ ทำงานด้วยกันอยู่อย่างนี้ทุกวันไม่เว้นแม้แต่เสาร์-อาทิตย์จนกระทั่งถึงวันรับแขก ผลงานที่นำมาบอกเล่าช่วยเชิดชูหน้าตาขององค์กร แต่จะมากน้่อยแค่ไหนฉันไม่รู้เพราะเมื่อนำเสนอเสร็จฉันก็เผ่นขึ้นเครื่องบินมาร่วมงานกับ สสสส.๒

มารู้ที่สนามบินเมื่อเจอแขกคนหนึ่งว่าสิ่งที่คัดมานำเสนอเข้าตา และเธอรู้สึกว่าทุกคนในองค์กรสบายใจกับผลงานของตัวที่ถูกนำมาเสนอ

แล้วก็ได้รู้ความลับอีกด้วยว่า การที่ทีมของเธอมาขอชมผลงานนั้นที่แท้เป็นการเข้ามาประเมินองค์กรของฉัน สิ่งที่ได้รับรู้ผ่านการบอกเล่านั้นทีมของเธอให้คะแนนผ่านการประเมินกับ องค์กรของฉันแล้ว  ได้ยินฉันดีใจนะ ไม่เสียแรงที่ช่วยกันคั้นกะทิผลงานออกมาโชว์

เหนื่อยติดต่อกันมาร่วม ๒ สัปดาห์ซะขนาดนั้น เมื่อทำงานกับเพื่อน สสสส.๒ ในวันที่ ๒๗ เมษายน ฉันก็หลับกลางอากาศโดยไม่รู้ตัว กินข้าวยังหลับเลยเคยเป็นมั๊ย เพื่อนๆจึงให้โอกาสปลีกตัวมานอนก่อนเวลา ทำให้ได้ผ่อนพักก่อนไปทำงานด้วยกันต่อในวันรุ่งขึ้น โชคดีที่ไม่เจ็บป่วยซะก่อนถึงวันที่ลูกชายบวช

ทบทวนงานกับ สสสส.๒ ในวันที่ ๒๘ เมษายนอีกวัน ระหว่างนั่งทำงาน ก็มีโทรศัพท์จากงานการเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมาถามว่า “หมอจะเข้าเฝ้าไหมในวันที่ ๓ พฤษภาคม ถ้าไม่เข้าเฝ้าให้แจ้งยกเลิกกับกระทรวงฯด้วยในวันพรุ่งนี้” ทำเอางง จับสำเนียงที่ส่งข่าวมาว่าเป็นเรื่องด่วน ฟังแล้วต้องตัดสินใจทันที แต่ฟังไม่รู้เรื่องว่าทำไมต้องตอบเรื่องเข้าเฝ้าทันทีนั้น จนเธอใจเย็นพอจะให้ข้อมูลเพิ่ม จึงรู้ว่าฉันกับน้องรองฯแพทย์ได้เข้าเฝ้า รายละเอียดต้องปรึกษากระทรวงฯจึงจะเข้าใจ

พักกินข้าวเที่ยง จึงขอตัวจากเพื่อนๆเข้าไปกระทรวงฯเพื่อติดตามเรื่องราว จึงรู้ว่าเป็นอะไรที่ต้องตัดสินใจและตอบภายในวันที่ ๒๙ เมษายนอย่างไร้ข้อต่อรองใดๆ  ทีแรกพี่ในสำนักงานที่ไปติดต่อแค่บอกว่าให้รับเอกสารแล้วกลับมาดูรายละเอียดที่โรงพยาบาล แล้วจึงตอบ แล้วเอ่ยถึงเลขหนังสือให้ได้ยิน

ฟังแล้วสับสน ถ้ากลับไปแล้วหาหนังสือไม่ได้จะเป็นยังไง เรื่องอะไรก็ไม่รู้ เอายังไงดีละนี่เป็นเรื่องด่วนที่ผูกเงื่อนเวลาไว้ด้วยซิ วันจันทร์ที่ ๒ พฤษภาคม ก็มีเรื่องต้องรับแขกอีกชุดเรื่ององค์กร จะอยู่ต่อเมืองกรุงเลยก็ไม่ได้ จะมาใหม่ก็ต้องจัดการเวลาใหม่ เพราะวันที่ ๓ พฤษภาคมนั้นเป็นวันอังคาร ควรตัดสินใจยังไงคือโจทย์ในหัวตอนนั้น

รู้ตัวเลยว่าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอายังไง จึงรับเอกสารกลับมา โชคดีที่ก่อนจากมามีพี่อีกคนที่เพิ่งเข้ามาเมตตาพิมพ์หนังสือที่ถูกอ้างถึงมอบให้มาศึกษา สั่งตัวเองจัดการกับความรู้สึกให้แขวนไว้ก่อน รอกลับมาทำงานกับ สสสส.๒ เสร็จแล้วค่อยว่าต่อ

ทำงานต่อจนค่ำ  สรุปแผนงานกันจนได้ว่ามีอะไรต้องทำต่อ จ่ายงานให้กันแล้ว จึงแยกย้ายกลับ ถึงที่พักนึกได้ว่าถ้าเข้าเฝ้า เขากำหนดชุดให้ใส่ อ่านเอกสารปราดแรกพบคำว่า ให้สตรีใส่ชุดไทยเข้าเฝ้า ใจหายวูบ อย่างนี้หมดโอกาสเข้าเฝ้าซิ  ก็ไม่เคยมีชุดไทยใส่กับเขา ตั้งสติอ่านใหม่ช้าๆจึงรู้ว่า ที่แท้ใช้ชุดข้าราชการปกติขาว ชุดไทยเขาให้คนธรรมดาที่ไม่ใช่ข้าราชการใช้  ใจชื้นขึ้นว่ามีเวลากลับไปจัดการกับเสื้อผ้าอยู่บ้าง

ก่อนเข้านอนมีงานเข้าอีกชิ้น ลูกน้องโทรศัพท์มาบอกว่า เช้าวันที่ ๒๙ เมษายน นายกสมาคมเวชกรรมสังคมแห่งประเทศไทย เชิญให้ไปร่วมประชุมสมาคมซึ่งกำลังประชุมกันที่กระบี่ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ ๒๗ เมษายนแล้ว อยากให้ร่วมแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับภารกิจของตำแหน่งต่างๆในงานเวชกรรมสังคมที่นำข้อกำหนดของกพร. มายกร่างเพื่อนำเสนอให้กระทรวงฯใช้งาน

เช้า ๒๙ เมษายน ตื่นตีห้า ออกจากโรงแรม ๖ โมงเช้า ขึ้นเครื่อง ๘ โมง แต่เครื่องดีเลย์เพราะรันเวย์แออัด ถึงกระบี่ ๑๐ โมงก็ตรงไปเข้าเวทีของสมาคมฯ นั่งร่วมได้ไม่นานประธานในที่ประชุมโอนหน้าที่มาให้ทำหน้าที่ต่อโดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องเดินทางกลับก่อนเวลาเฉยเลย ประชุมกันเลยบ่ายจึงเลิก  ได้งานก่อนเลิกมาอีกงานพร้อมคำขอว่า สมาคมฯขอมาจัดงานประชุมวิชาการประจำปีที่กระบี่ สมาชิกที่จะมาร่วมอยู่ในราว ๕๐๐ คน ช่วยจัดการเรื่องสถานที่ประชุมให้หน่อยได้มั๊ย

เข้าโรงพยาบาลช่วงบ่าย ทบทวนการเตรียมการรับแขกในวันที่ ๒ พฤษภาคมกับลูกน้อง แล้วแวะไปแจ้งข่าวลูกชายบวชกับคนอีกหลายคนที่ยังค้างบอกรวมเจ้านาย  ระหว่างนี้มีคนหลายคนมาแสดงความยินดีเรื่องได้เข้าเฝ้า ก็เป็นอะไรที่แปลกใจกับการข่าวภายในองค์กรที่แพร่ไปเร็วอยู่ไม่น้อย

หลังเลิกงานอยู่ให้กำลังใจกับลูกน้องครู่หนึ่งจึงกลับบ้าน ค้นชุดข้าราชการสีขาวมาลองใส่พบว่ายังใช้การได้ดี ขาดแต่เชิร์ตขาว จึงชวนลูกสาวออกไปตัดด้วยกัน

ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์

ในการได้เข้าเฝ้าครั้งนี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่พระองค์ได้ทรงมอบให้กับข้าราชการเล็กๆคนหนึ่ง

ขอจงทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

๓๐ เมษายน ๒๕๕๔

หมายเลขบันทึก: 438458เขียนเมื่อ 7 พฤษภาคม 2011 17:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท