สุดท้ายก็ไม่พ้นการมาเทศน์ มาอบรมแบบ "พร่ำสอน" หรือ "พล่ามสอน" เหมือนเดิม .. โรคเก่ากำเริบครับ รักษายากจริงๆ
ท่านรองฯวิชชา ครุปิติ ได้นำเสนอเรื่องการไม่ควรตีเด็กไว้ใน Facebook โดยเสนอเหตุผลหลักๆไว้ 6 ข้อดังนี้
เมื่อว่ากันด้วยหลักการตามหลักจิตวิทยาแล้ว นักจิตวิทยาบอกว่าการตี ไม่ทำให้เด็กดีขึ้น แอลเล็น ฟรอมม์ นักจิตวิทยาคลีนิก ได้กล่าวว่า การตีเด็กจะยิ่งทำให้เกิดปัญหา เพราะเมื่อตีเด็ก ผลก็คือ
1. ท่านกำลังสอนให้เขาเกลียดชังท่าน ทุกครั้งที่ท่านลงมือกับเขา
2. ท่านกำลังใช้วิธีที่รุนแรง บังคับให้เขาเชื่อฟังท่าน แทนการสร้างความเข้าใจและการยอมรับที่เกิดในจิตใจและ
มโนธรรมของเขา (แล้วอย่างนี้ จะยิ่งทำลายการคิดของเด็ก ทำลายคุณธรรมในใจเด็ก)
3. เป็นการแสดงความรุนแรง เป็นตัวอย่างให้เขาจดจำ
4. เป็นการใช้กำลัง โดยไม่เป็นการใช้มันสมองหรือทักษะที่ดีในการอบรม
5. ยิ่งตี เด็กยิ่งต่อต้าน ท่านอาจต้อลงมือรุนแรงมากขึ้นทุกครั้ง
6. ผิดหลักการสร้างวินัย เพราะในการสร้างวินัยนั้น เราต้องการจะปรับความต้องการของเขาให้มีการแสดงออกที ่เหมาะสม มิใช่เป็นการที่จะสร้างการต่อต้านในใจเด็กให้เพิ่มขึ ้น
ผมอ่านแล้วเห็นด้วยตามนั้น แต่อดคิดต่อไม่ได้ว่าน่าจะมีบางคนโต้แย้ง ด้วยความเชื่อบางอย่าง จึงไปแสดงความเห็น "ดักทาง" เอาไว้ว่า ..
" เห็นด้วยครับ แต่เกรงว่าบางท่านอาจคิดมาก ว่าไม่ตีแล้วเด็กจะเหลิง ไม่เคารพเชื่อฟังครู หรือผู้ใหญ่ จะกลายเป็นคนมีปัญหาต่อไปใน ภายหน้า ฯลฯ ซึ่งหากคิดเช่นนั้น ก็ขอเสริมว่า ไม่ตี ไม่ได้แปลว่าห้ามลงโทษนะครั บ แต่การทำโทษในกรณีที่ควรทำก็จะต้องอาศัยหลักการ และกระบวนการที่เหมาะสมเช่นกัน ต้องทำด้วยเหตุผล ใช้สติปัญญา แทนการลงโทษด้วยอารมณ์ของ "ผู้ทรงอำนาจ"
กฏ กติกา สามารถสร้างได้ด้วยการให้เด็กเขามีส่วนร่วมในการคิด หรือแม้กระทั่งช่วยกันกำหนดขึ้นเอง
ผมเคยใช้กระบวนการในการอบรม ปฐมนิเทศนักศึกษาก่อนออกฝึกงาน โดยขอร้องพรรคพวกที่เป็นอาจารย์ รวมทั้งหัวหน้าภาควิชาด้วย ให้เล่นตามบทที่ผมวางให้คือ อย่าเผลอไปพูดอบรม หรือตักเตือน พร่ำสอนว่าเขาต้องทำอะไร งดเว้นอะไร เพราะผมเชื่อว่าส่วนใหญ่เด็กเขารู้แล้ว จึงได้ใช้กระบวนการให้เขา "เป็นคนสำคัญ" ที่กำลังจะออกไปทำหน้าที่สำคัญ ให้เขาช่วยกันระดมความคิดตอบโจทย์ที่ตั้งให้ .. ได้ผลดีน่าพอใจครับ ได้ข้อสรุปออกมาเป็นกฎ กติกา และมีเอกสารเป็นหลักฐานเหมือนพันธสัญญาที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง .. แต่น่าเสียดายที่ผมทำให้ดูครั้งเดียว หลังจากนั้น แม้เขาจะยอมรับกันว่าดี แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นการมาเทศน์ มาอบรมแบบ "พร่ำสอน" หรือ "พล่ามสอน" เหมือนเดิม .. โรคเก่ากำเริบครับ รักษายากจริงๆ .. อิ อิ อิ "