๑.ปัญหาบ้านเมืองภายใน พระไทยต้องเกี่ยว


ความแตกแยกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่างคนต่างให้ทัศนะ เหมือนคนนำเอาทองคำไปผูกไว้กับปลายไม้แล้วนำไปปักไว้กลางสระน้ำแล้วบอกให้คนทั้งหลายช่วยกันปา ซึ่งมีทั้งผิดและถูก...

 

    จากสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากปัญหาภายในประเทศไทยที่ก่อตัว สะสม ต่อเนื่องยาวนานและฝักตัวจนทำให้ปัญหาเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา เกิดการระเบิดตัวขึ้นอย่างรุนแรงพอ ๆ กับการเกิดแผ่นดินไหวแล้วทำให้เกิดคลื่นยักษ์ตามมา จนทำเกิดการแตกแยกของผู้คนภายในประเทศอย่างรุนแรงจนยากจะประสานรอยร้าวดังกล่าวให้กลับคืนมาได้ 

     ดังนั้น ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราจึงมีการแข่งขันกันสูงมาก โดยเรียกการแข่งขันในเกมส์ครั้งนี้ว่ากีฬาสี และกฏกติกาที่เล่นก็ช่างรุนแรงเหลือเกิน เรียกง่าย ๆ ว่าใครเป็นใครก็ไม่รู้ ในความคิดของผู้เขียนขาดไปอีกสีหนึ่งคือสีขาว ที่พระอย่างเราควรเข้าไปช่วยกันชี้แนะแนวทางออกอย่างสร้างสรรค์ โดยมีธรรมเป็นธงนำหน้า

 

     การเล่นกีฬาสีต่าง ๆ ดังกล่าวมา ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งก็จนก่อให้เกิดสีสันทางการเมืองการปกครองของไทยที่กำลังพัฒนาอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นทั้งข้อดีมาก ปานกลาง และยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีปัจจัยอยู่หลายประการเพราะคนเป็นสิ่งเดียวที่มีความมหัศจรรย์และเข้าใจยากที่สุด 

 

     จึงเป็นคำถามให้คนทั้งหลายช่วยกันหาคำตอบ การวิจารณ์ทางการเมืองไทยก็เหมือนกับมีคนเอาทองคำไปผูกไว้กับปลายไม้ไผ่ปักไว้กลางสระน้ำ แล้วบอกให้คนทั้งหลายก็ช่วยกันปาก้อนหินเข้าใส่ ประเด็นก็คือมีคนปาถูกบ้าง ผิดบ้าง .....แต่ก็ถือว่าทุกคนยังพอมีส่วนร่วมในเวทีการเมืองไทยนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย

     นักวิชาการหลาย ๆ คนมุ่งตรงไปที่ระบบว่าระบบการปกครองไทยมีปัญหาสะสมมานานแล้วตั้งแต่มีประเทศนี้ บางกลุ่มก็มุ่งไปที่กระบวนคิดของคนไทยปัจจุบันว่ามีปัญหาที่คิดไม่เป็นตรรกะบ้าง บางกลุ่มก็โทษพฤติกรรมของนักการเมืองไทยว่าก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงบ้าง ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมา มีทั้งส่วนที่ถูกและส่วนที่ผิด

     หากมองในระดับชาวบ้าน ก็จะนิยมใส่อารมณ์เข้าไปด้วย ต่างคนต่างมุ่งโยนความผิดนั้น ๆ ไปที่คนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง และอาจมีส่วนถูกอยู่บ้าง แต่ลืมนึกไปว่าแท้ที่จริงเราลืมนึกถึงอะไรกันอยู่หรือไม่?

     สิ่งนั้นก็คือตัวเราทุกคน เพราะการจะเปลี่ยนแปลงอะไรให้ได้ผล เราต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนคิดของตัวเราเองก่อนเสมอ เช่น กระบวนคิดในการเข้าไปมีส่วนร่วมแบบไหนที่เป็นบทบาทที่ควรจะเป็น ท่าที่อย่างไรที่เป็นท่าที่การเมืองที่สร้างสรรค์ การวิพากษ์อย่างไรให้เป็นการวิพาก์ด้วยความเมตตา และเกิดประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง

 

     คำถามจึงมีอยู่ว่าในทัศนะของท่านแง่มุมนี้ว่าอย่างไรบ้าง?...............

     ทีนี้นำคำถามเดียวกัน ไปถามบุคลากรทางพุทธศาสนาก็มองปัญหาในแง่มุมที่แตกต่างกันอยู่มาก ความคิดเห็นแต่ละท่านก็ไม่เหมือนกัน ทั้งแตกต่างกันในกระบวนการคิดระดับน้อยไปหามาก ตลอดถึงมีความเห็นไม่ตรงกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานหรือภูมิหลังความคิด ความรอบรู้ของแต่ละท่าน และที่สำคัญฐานคิด หรือแหล่งที่มาไม่สมดุลกัน

 

   ผู้เขียนเห็นว่า พระควรมีส่วนร่วมทางการเมือง อย่างที่พระควรจะเป็น เช่น ถ้ามีใครมาถามว่าท่านอยู่สีอะไร? ให้ตอบไปเลยว่า อาตมาสีขาว พระควรให้สติกับประชาชนในเรื่องการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เช่น ให้หลักคิด หลักการทางการเมืองที่ถูกต้อง โดยนำหลักการของธรรมาธิปไตยไปใช้ หรือ ทศพิธราชธรรม ก็ได้ พระไม่ควรยุยงให้ใครทำร้ายใคร แต่กระทำด้วยเมตตา กรุณาต่อเพื่อนร่วมชาติ ร่วมโลกด้วยกัน  ปัญหาที่กล่าวมาก็จะเบาบางลงไปได้ อย่างมิต้องสงสัย   

 

หมายเลขบันทึก: 436405เขียนเมื่อ 22 เมษายน 2011 14:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ตามมาตรวจการบ้านครับ ขาดรูปประกอบครับ

  • บันทึกแรกก็เขียนๆด้น่าสนใจมากเลยครับพระอาจารย์
  • จะติดตามนะครับ

นมัสการครับ

ตาม อ.ขจิตมาเยี่ยมเยียนครับ เขียนต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ...

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจ บทความนี้เป็นการเปิดประเด็น แบบมือใหม่หัดขับอะไรประมาณนั้น แต่ก็จะพยายามนำเสนอต่อไป

กราบนมัสการเจ้าค่ะ

  • วันนี้ขออยู่แผนกต้อนรับ
  • เป็นลูกน้องอาจารย์ขจิต
  • เป็นกำลังใจให้และจะมาติดตามบันทึกต่อ ๆ ไปนะเจ้าคะ

มานมัสการและอ่านงานพระคุณเจ้าขอรับ


บทความต่อไปจะวิเคราะห์อัคคัญญสูตร : พระสูตรว่าด้วยการกำเนิดรัฐ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท