การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ในสถานศึกษาให้มีประสิทธผลทำอย่างไร
ประชุม โพธิกุล
องค์การแห่งการเรียนรู้: คือองค์กรที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการพัฒนาความสามารถและศักยภาพของคนในองค์การทั้งในด้านความรู้ ทักษะ และเจตคติอย่างต่อเนื่องและบริหารจัดการความสามารถและศักยภาพนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ
ด้านความเป็นมาองค์การแห่งการเรียนรู้ Peter M.Senge ศาสตราจารย์แห่งสถาบัน MIT จบการศึกษา วิศวกรรมศาสตร์จาก Standford M.A.social studies Ph.D. management.เป็นคนแรกที่ใช้คำว่า learning organization.เขียนหนังสือ The Fifth Discipline 1990.ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาแห่งองค์การแห่งการเรียนรู้
องค์ประกอบองค์การแห่งการเรียนรู้ 5 ประการ
1.การคิดเชิงระบบ(Systems Thinking)
2.ความเป็นเลิศส่วนบุคคล( Personal Mastery)
3.รูปแบบความคิด ( Mental Models)
4.วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)
5.การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning)
1.การคิดเชิงระบบ(Systems Thinking)การคิดเชิงระบบให้้แนวทางใหม่ทั้งหมดในการมองที่ช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างที่ซับซ้อนของเหตุและผลในโลกของเรา เป็นแนวทางที่ทำให้คิดได้ว่าสิ่งต่างๆผู้คน และเหตุการณ์ต่างๆเชื่อมโยงต่อกันและกันอย่างไร
ระบบคือกลุ่มของส่วนประกอบที่มีปฏิสัมพันธ์กัน มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน และพึ่งพาระหว่างกัน ซึ่งสร้างความเป็นหนึ่งซึ่งประกอบรวมทุกส่วนเข้าเป็นหนึ่งอย่างซับซ้อน โดยมีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง (ส่วนประกอบเหล่านี้ต่างมีปฏิสัมพันธ์กัน)
ประเด็นพื้นฐานบางประการของระบบ
1.ระบบมีจุดประสงค์
2.ส่วนต่างๆมารวมกัน โดยมีวิธีการเฉพาะอย่างหนึ่งเพื่อให้ระบบดำเนินต่อไปตามจุดประสงค์ที่กำหนด
3.ระบบตอบสนองตามจุดประสงค์เฉพาะภายใต้ระบบที่ใหญ่กว่า
4.ระบบแสวงหาความมีเสถียรภาพ
5.ระบบมีการป้อนกลับ
2.ความเป็นเลิศส่วนบุคคล( Personal Mastery)บุคคลและสมาชิกองค์กรเป็นรากฐานขององค์การแห่งการเรียนรู้ คนที่มีความเป็นเลิศส่วนบุคคลจะขยายความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานที่เขาต้องการได้อย่างต่อเนื่องจากกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คนที่มีทักษะในการสร้างสรรค์เชิงรุกมี
องค์ประกอบพื้นฐาน
1.วิสัยทัศน์ส่วนบุคคล
2.การจัดการความตึงเครียดอย่างสร้างสรรค์
3.การเรียนรู้ด้วยจิตใต้สำนึก
การเรียนรู้ด้วยจิตใต้สำนึกคือความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยตนเองและขยายความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานที่เขาต้องการได้อย่างต่อเนื่อง
3.รูปแบบความคิด ( Mental Models)คือความเชื่อ ภาพลักษณ์และข้อสมมติฐานที่พวกเรายึดมั่นอย่างลึกซึ้ง เกี่ยวกับตัวพวกเราเอง โลกของเราและองค์การของเราและสิ่งที่เราปรับตัวอย่างเหมาะสมกับสิ่งเหล่านี้
7 หลักการเกี่ยวกับรูปแบบความคิด
1.ทุกคนมีรูปแบบความคิด
2.รูปแบบความคิดกำหนดสิ่งที่เราเห็นและวิถีที่เราเห็น
3.รูปแบบความคิดนำทางถึงวิถีทางที่เราคิดและปฏิบัติ
4.รูปแบบความคิดทำให้พวกเรายึดถือการอนุมานของเราเป็นข้อเท็จจริง
5.รูปแบบความคิดจะไม่สมบูรณ์เสมอ
6.รูปแบบความคิดมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ที่เราได้รับและส่งผล
กลับในการเสริมแรงให้กับความคิดเอง
7.รูปแบบความคิดมักจะดำรงอยู่อย่างยาวนานกว่าประโยชน์ของมัน
เราสร้างรูปแบบความคิดโดย
1.พวกเราเลือกข้อมูล จากกลุ่มข้อมูลที่สังเกตได้
2.พวกเราเพิ่มความหมายของข้อมูลที่เราได้เลือกไว้
3.เราสร้างสมมติฐานจากความหมายที่ได้
4.พวกเราสร้างข้อสรุปจากสมมติฐานเหล่านั้น
5.พวกเรารับเอาความเชื่อไปใช้
6.เราลงมือปฏิบัติ
7.แล้วเราก็ได้ผลลัพธ์
4.วิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision)การสร้างความมุ่งมั่นเพื่อดลใจให้ไปถึงวิสัยทัศน์
การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันมีองค์ประกอบพื้นฐานคือ
1.กระตุ้นให้แต่ละคนมีวิสัยทัศน์
2.พัฒนาวิสัยทัศน์ส่วนบุคคลให้เป็นวิสัยทัศน์ร่วมกันขององค์การ
3.สร้างทัศนคติต่อวิสัยทัศน์ในระดับผูกพัน
4.ทำให้วิสัยทัศน์ส่วนรวมเป็นทิศทางสู่จุดมุ่งหมาย
5.การเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning)มี3 มิติ
การสนทนาและการอภิปราย
การเรียนรู้สภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
การเรียนรู้วิธีปฏิบัติ
ขั้นตอนการพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
1.การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมให้เกิดในหน่วยงาน
2.การสร้างความเป็นเลิศส่วนบุคคลในหน่วยงาน
3.การพัฒนาโลกทัศน์ของบุคลากรให้เป็นโลกทัศน์ที่เหมาะสม
4.การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้เป็นทีม
5.การพัฒนาการคิดอย่างเป็นระบบ
ผู้นำในองค์กรเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญยิ่งที่ต้องสร้างบรรยากาศและส่งเสริมการเรียนรู้ของบุคลากรในองค์กร ทำตนเป็นแบบอย่างใฝ่รู้ใฝ่เรียน ชักจูงดลใจให้เพื่อนร่วมงานพัฒนาตนเอง ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ให้เหมาะสม เรียนรู้ร่วมกันคิดให้เป็นระบบ ผู้นำในองค์การ 3 ระดับคือ
_ผู้นำในระดับจัดการ
_ ผู้นำระดับหัวหน้า
_ผู้นำสร้างเครือข่าย
ผู้นำองค์การแห่งการเรียนรู้ต้องมีบทบาท 3สภาวะ
1.บทบาทนักออกแบบ(designer) กำหนดนโยบาย วางแผนกลยุทธ์ วางโครงสร้างองค์การตามรูปแบบกลยุทธ์
2.บทบาทของครูผู้สอน (teacher)สอนให้เข้าใจระบบ สอนงาน
3.บทบาทผู้ช่วยเหลือสนับสนุน (steward)สนับสนุนส่งเสริมสิ่งอำนวยความสะดวก สร้างสิ่งแวดล้อม
การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้
1.ยึดอนาคตเป็นหมุดหลัก
2.คนในองค์การแลกเปลี่ยนข่าวสารกัน
3.มีการติดต่อระหว่างองค์การ
4.มีการพัฒนาบุคลากร
5.มีการให้รางวัลการเรียนรู้
6.ให้คุณค่าแก่คน กระตุ้นให้คนมีความคิดเห็น
7.มีบรรยากาศเปิดเผยและไว้วางใจซึ่งกันและกัน
กระบวนการบริหารในองค์การแห่งการเรียนรู้
1.วางฉากอนาคตและยุทธศาสตร์
2.วิเคราะห์คู่แข่ง
3.วางแผนขีดความสามารถ
4.พัฒนาทีมและพัฒนาองค์การ
5.จัดระบบรางวัลที่ท้าทายและคำชมเชย
เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ในองค์การแห่งการเรียนรู้
_การสัมภาษณ์ พูดคุย แสวงหาข้อมูล
_ความคิดสร้างสรรค์ ระดมสมอง นำความคิดมาเชื่อมต่อ
_รู้สึกถึงสถานการณ์ จัดระเบียบข่าวสาร ข้อมูล ความคิด
_ทำการเลือก ตัดสินการปฏิบัติการ
_สังเกตผลลัพธ์ บันทึก สังเกตการณ์
_วางกรอบความรู้ใหม่ ฝังความรู้ใหม่ เข้าใจรูปแบบจิตใจ ความทรงจำ
องค์การแห่งการเรียนรู้จำเป็นต้อง
1.รู้วิธีการกระจายอำนาจให้เป็นระเบียบ การมอบสิทธิอำนาจ
2.การเข้าใจอย่างเป็นระบบ
3.ใช้สุนทรียสนทนา
4.ใช้การนำ มิใช่การสั่งการ
สิ่งท้าทายขององค์การแห่งการเรียนรู้
1.ไฟลนก้น ไฟไหม้ฟาง
2.เน้นเรื่องระบบ กระบวนการมากเกินไป เพิกเฉยองค์ประกอบอื่น
3.ลังเลที่จะอบรม
4.ต่างคนต่างนึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน
5.มีการสั่งการ และตรวจตรามากเกินไป ขาดการมอบสิทธิอำนาจ
การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้มิใช่เพียงใช้เวลาเพียงข้ามคืนค่อยทำค่อยไปไม่มีตัวอย่างให้เห็น เป็นองค์การในอุดมคติสำคัญที่ผู้นำ บุคลากรทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง ต้องสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ เพื่อการปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มคุณภาพผลผลิต
ผู้นำทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาจึงมีหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการมองออกไปข้างนอก เพื่อการพัฒนาภายใน เพื่อการพัฒนาองค์การของตนให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ องค์กรที่คนเรียนรู้ตลอดเวลาแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่ององค์กรที่ยกระดับขีดความสามารถของผู้ปฏิบัติให้บรรลุประสิทธิผลของตนเองดึงศักยภาพออกมาจากครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน
ไม่มีความเห็น