เป็นไงค๊ะ ได้รู้จักกับโรคน่าเบื่อมาแล้วใน
"โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassaemia) ตอนที่1"
มาติดตามตอนที่2 กันดูน๊ะ ด้วยความลุ้นระทึก!!!!!!!!!!!
เด็กไทยเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า และเป็นอนาคตของชาติ ควรได้รับการดูแลให้มีคุณภาพ มีการพัฒนาที่สมดุลทั้งทางร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ สังคม แต่ขณะนี้ พบว่าในแต่ละปี จะมีเด็กเกิดใหม่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียประมาณ ปีละ 12,125 ราย ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะส่งผลให้เด็กไทยมีพัฒนาการไม่สมวัย และเป็นภาระของครอบครัวที่จะต้องดูแล และให้การรักษาตลอดอายุขัย โดยพบว่า เด็กป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียรุนแรงจะเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลตลอดอายุขัย ประมาณ 1,260,000-6,600,000 บาท โดยเฉลี่ยที่คนละ 10,500 บาท/คน/ เดือน
ส่วนค่าใช้จ่ายในการป้องกันและควบคุมโรค เฉพาะค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัยจะพบเพียงคู่สมรสคู่ละ 48.28 บาท / คู่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการรักษาจะแตกต่างกันมาก
โอกาสเสี่ยงของการมีลูกเป็นโรคธาลัสซีเมีย
กรณีที่ 1 ถ้าคุณและคู่ของคุณเป็นพาหะหรือมียีนแฝงทั้ง 2 คนในการตั้งครรภ์แต่ ละครั้ง ลูกของคุณมีโอกาส
1. เป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย ร้อยละ 25
2. มียีนแฝงร้อยละ 50
3. ปกติ ร้อยละ 25
กรณีที่ 2 ถ้าคุณและคู่ของคุณมียีนแฝง คนใดคนหนึ่ง ในการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง ลูกของคุณมีโอกาส
1. มียีนแฝง ร้อยละ 50
2. ปกติ ร้อยละ 50
กรณีที่ 3 ถ้าคุณหรือคู่ของคุณ เป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมียคนใด คนหนึ่ง อีกคนปกติ ในการตั้งครรภ์ทุกครั้ง ลูกของคุณทุกคน
กรณีที่ 4 ถ้าคุณหรือคู่ของคุณเป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย
คนใดคนหนึ่งและอีกคนมียีนแฝง ในการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง
1. ลูกคุณมีโอกาสเป็นโรคเลือด จางธาลัสซีเมีย ร้อยละ 50
2. มียีนแฝง ร้อยละ 50
3.จะมียีนแฝง หรือเท่ากับ ร้อยละ 100
การดูแลสุขภาพ
- ออกกำลังกายไม่ให้เหนื่อยเกินไป เนื่องจากมีกระดูกที่เปราะง่าย จึงควร
หลีกเลี่ยงการออกำลังกายผาดโผน
- ไม่สูบบุหรี่ เพราะมีอาการซีดอยู่แล้ว จะทำให้ร่างกายขาดออกซิเจนมากขึ้น
- ไม่ดื่มสุรา เพราะมีผลเสียต่อตับ ซึ่งมีธาตุเหล็กไปสะสม
- กินอาหารที่มีประโยชน์ มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ นม เป็นต้น
- ดื่มน้ำชาหลังอาหารเพื่อลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก
- ตรวจฟันทุก 6 เดือน เนื่องจากฟันผุ
การให้เลือด มี 2 แบบ คือ
1. แบบประคับประคอง เพิ่มระดับฮีโมโกลบินขึ้นสูงกว่า 6-7 กรัม /
เดซิลิตร (ไม่ให้ซีดลงไปมากกว่านี้)
2. ให้เลือดจนหายซีด คือ เพิ่มระดับฮีโมโกลบินให้ใกล้เคียงกับคน
ปกติอยู่ในเกณฑ์ 10 กรัม / เดซิลิตร
(ข้อเสียของวิธีนี้ คือ ต้องรับเลือดสม่ำเสมอ อาจมีปัญหาแทรกซ้อน
ในการให้เลือด เช่น เกิดการติดเชื้อ แพ้เลือด , ภาวะความดันสูง ,
ภาวะเหล็กเกิน )
การให้ยาขับเหล็ก
โดยวิธีฉีดนั้น คือ ฉีดเช้าใต้ผิวหนังให้ยาช้า ใช้เวลาครั้งละ 10-12 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5-6 วัน นิยมฉีดก่อนนอน และถอดเข็มออกเมื่อตื่นนอนตอนเช้า เหล็กจะถูกขับถ่ายออกจากร่างกายทางปัสสาวะและอุจาระจะสังเกตได้จากสีปัสสาวะที่เข้มขึ้นมากขณะขับธาตุเหล็ก
การตัดม้าม
ผู้ป่วยจะมีอาการม้ามโต ระยะแรกม้ามจะช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
แต่ม้ามมีหน้าที่ทำลายเม็ดเลือดที่หมดอายุ ม้ามต้องทำงานหนัก ม้ามจึงโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ท้องป่องและอึดอัด
ผลดี หลังการตัดม้ามทำให้หายอึดอัด และอัตราการให้เลือดจะลดลงมาก การดูดซึมธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น และเหล็กซึ่งเดิมเคยสะสมที่ม้าม จะไปสะสมในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ตับอ่อน
ผลเสีย คือ อาจมีภาวะติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
ปัจจุบันเป็นวิธีเดียวที่สามารถรักษาโรคธาลัสซีเมียให้หายขาดได้ ส่วนใหญ่แพทย์จะเลือกทำการรักษาโดยวิธีนี้ในผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียรายรุนแรง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนของโรคธาลัสซีเมีย ชัดเจน เช่น ไม่มีตับแข็งหรือเป็นเบาหวาน ได้แก่ ธาลัสซีเมียในเด็กนั่นเอง และมีพี่น้องที่ไม่เป็นโรค รวมทั้งมีลักษณะทางพันธุกรรมของเลือดที่เรียกว่า HLA เหมือนกับผู้ป่วย โดยเสียค่าใช้จ่ายในการปลูกถ่ายไขกระดูกและการปลูกถ่ายเลือดสายสะดือใกล้เคียงกัน ประมาณ 300,000-600,000 บาท/คน ปัจจุบันสามารถปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากผู้บริจาคอื่นที่ไม่ใช่ญาติ ที่มี HLA ตรงกับผู้ป่วยได้แล้ว แต่จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นมากกว่าเดิมมาก
สถิติการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
โรงพยาบาลศิริราช (มิถุนายน 2546) ได้ทำการรักษาผู้ป่วยธาลัสซีเมียด้วยวิธีนี้ในเด็กไปแล้ว รวม 74 ราย หายจากโรค 53 ราย กลับเป็นโรคอีก 13 ราย และถึงแก่กรรม 8 ราย และรักษาโดยใช้เลือดสายสะดือของน้อง ทำไปรวม 16 ราย พบว่า ผู้ป่วยหายจากโรค 9 ราย กลับเป็นโรคอีก 4 ราย และถึงแก่กรรม 3 ราย
คำแนะนำสำหรับผู้เป็นพาหะธาลัสซีเมีย
ผู้เป็นพาหะสามารถถ่ายทอดโรคนี้ไปสู่ลูกได้ จึงควรวางแผนก่อนมีลูก เพื่อหลีกเลี่ยงการมีลูกเป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย ควรพาคู่สมรสไปตรวจเลือดก่อนมีลูก และผู้เป็นพาหะควรแนะนำให้ญาติ พี่ น้อง ไปตรวจเลือดด้วย
เบื่อโรคไหมค๊ะ….....เบื่อโรคเลือดจางสุดๆๆๆๆๆ
ไม่มีความเห็น