พวกเราเคยสังเกตุบ้างไหมค๊ะว่าในระยะนี้มีคนบ่นกันมากว่าเป็นโรคเลือดจางตัวซีด อ่อนเพลีย บางคนบอกว่าเล่นเกมมากๆก็ตัวซีด นอนดึกก็ซีด กินผักน้อยก็ซีดหรือเป็นความตั้งใจอยากซีดตามเทรนเกาหลี?????
เรามาดูกันดีกว่าว่ามันอะไรกันแน่
สถิติของผู้ป่วยธาลัสซีเมียในประเทศไทย พบว่า
- ผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมียประมาณร้อยละ 1 ของประชากร
ซึ่งขณะนี้มี 63 ล้านคน มีผู้ป่วยธาลัสซีเมียประมาณ 630,000 คน
- ผู้ที่เป็นพาหะของโรค ร้อยละ 30-40 ของประชากร ประมาณ
18-24 ล้านคน
- การตั้งครรภ์ 5 ใน 100 ของหญิงมีครรภ์ ที่เสี่ยงต่อการมีบุตร
เป็นโรคธาลัสซีเมีย
โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassaemia)
เป็นโรคเลือดจางที่มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของยีน(พันธุกรรม) ทำให้การสร้างฮีโมโกลบินลดลง (สารสีแดงในเม็ดเลือด) และฮีโมโกลบินเป็นโปรตีนสำคัญอยู่ในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ในการนำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จึงทำให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นกว่าปกติ แตกง่าย ถูกทำลายง่าย โดยจะถูกทำลายตั้งแต่อยู่ในไขกระดูก หรือถูกจับกินเร็วขึ้นในกระแสเลือด เกิดภาวะซีดเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมา
สถิติหญิงมีครรภ์ที่มาเจาะเลือด ต่อ10,000คน พบว่าทารกในครรภ์เป็น
โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassaemia) ดังนี้
ภาคกลาง 197 : 10,000 คน
ภาคอีสาน 161.04 : 10,000 คน
ภาคเหนือ 239 : 10,000 คน
ภาคใต้ 41 : 10,000 คน
ชนิดและอาการ
1. ผู้ที่มียีนแฝงอยู่หรือเป็นพาหะ
คือ ผู้ที่มียีนหรือสารพันธุกรรมผิดปกติ ที่ทำให้เป็นโรคธาลัสซีเมียแฝงอยู่ บุคคลเหล่านี้จะมีสุขภาพปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่ถือว่าเป็นโรค จะมีชีวิตยืนยาวเหมือนบุคคลอื่น ๆ แต่สามารถถ่ายทอดยีน ธาลัสซีเมียต่อไปให้ลูกได้
2. เด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย จะมีอาการดังนี้
-หน้าซีด โหนกแก้มสูง ผิวคล้ำ
-หน้าผากกว้าง ตาเหลือง ดั้งจมูกแฟบ
-ตับ ม้ามโต
-ตัวเล็กผิดปกติ อาจไม่มีความเจริญทางเพศ
-อาจมีแผลเรื้อรังที่ขา
โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. ชนิดรุนแรงที่สุด คือ ทำให้ทารกตายตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือหลังคลอด
2. ชนิดรุนแรง คือ แรกเกิดจะไม่มีอาการ จะสังเกตอาการเห็นได้ชัดเมื่ออายุประมาณ 3-6 เดือน คือ ซีด อ่อนเพลีย ท้องป่อง ตับม้ามโต มักซีดมาก จนต้องได้รับเลือดเป็นประจำ
3. ชนิดปานกลางและรุนแรงน้อย จะซีดมากขึ้นเมื่อมีไข้