เรื่องเล่าของรถยนต์กระบะนิสสันสีแดง (5) : จำใจต้องขายและการโอนรถยนต์

    วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ญาติเจ้าของร้านน้ำแข็งที่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ติดต่อขอมาดูรถยนต์นิสันที่ติดแก๊สเีรียบร้อยแล้ว (อ่านเรื่องเดิมได้ที่นี่ Click) ใช้มาได้เกือบปี

   เมื่อมาดูและสอบถามรายละเอียดจนพอใจแล้ว ญาติขอซื้อไปเพื่อไปส่งน้ำแข็ง.. ตกลงกันที่ราคา ๑ แสน (ราคานี้รวมหนี้เดิมที่ติดค้างกันไว้ทั้งต้นและดอกอีก ๒ หมื่นบาท)

   ตอนที่ตกลงขายไปนั้น ก็นึกเสียดายที่รถยนต์อยู่กับเรามานานเทียบเท่ากับเด็กวัยเลือกตั้งได้ ไม่อยากขายแต่ก็จำเป็นต้องขาย เพราะเขาเคยออกปากขอซื้อ แล้วก็มาดูถึงที่

   เมื่อกลับไป เขาก็ขอยืมเงินสดค่ารถจากเจ้าของร้านส่งน้ำแข็งในตลาด รวมค่าทำกระบะใหม่ด้วย ๑ แสน ๓ หมื่นบาท

   เขาเอาเงินไปหมุน ๗ วัน และโอนมาให้ผมเพียง ๘ หมื่นบาท ติดเอาไว้ ๒ หมื่นบาท..

   สัปดาห์ที่ ๒ ของเดือนมีนาคม โอนมาให้อีก ๑ หมื่นบาท หลังจากทวงถามเป็นหลายครั้ง และต้นเมษายนโอนมาให้อีก ๖,๐๐๐ บาท เหลืออีก ๔ พันบาท เก็บเอาไว้เป็นค่าซ่อมรถยนต์ให้สามารถใช้ร่วมกับน้ำมันเบนซินได้..

   วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๔..ผมจะส่งทะเบียนรถยนต์ไปให้ (ที่ยังไม่รีบให้ไปตอนแรกเพราะต้องการให้ส่งเงินให้ครบเสียก่อน)

    โทรศัพท์ไปถามที่ขนส่งพิษณุโลก..หาเบอร์ไม่ได้ เลยถาม Bug 1113 คิดว่าโทรฟรี ที่ไหนได้ คิดเงินไปเจ็ดบาทห้าสิบสตางค์ แถมบอกมาได้เบอร์เดียว พอติดต่อไปสายไม่ว่าง

   ต้องไปเปิดหาเบอร์เก่าๆ ที่จดเอาไว้ ได้มาหลายเบอร์เลิกใช้ไปหมดแล้ว โทรไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงเบอร์สุดท้าย ๐๕๕-๒๗๘๗๓๘

   จนท"ที่นี่ขนส่งพิษณุโลกค่ะ"

   beeman "ผมต้องการจะโอนรถครับ"

   จนท "ติดต่ออีกเบอร์นะคะ ที่ ๐๕๕-๒๗๘๗๔๐ ฝ่ายทะเบียนรถค่ะ"

   beeman นึกในใจว่า งานบริการ น่าจะเป็น One stop service..อิอิ

   พอโทรติดต่อฝ่ายทะเบียนรถ บอกความประสงค์ว่าจะโอนรถทำอย่างไร..เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ต้องนำรถยนต์มาตรวจสภาพก่อน..

   ผมถามว่ารถยนต์ไม่อยู่แล้วทำอย่างไร..เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันให้นำรถยนต์มาตรวจสภาพอีก..

    ผมต้องถามว่า "โอนลอย" เป็นอย่างไร..เจ้าหน้าที่บอกว่าโอนรถในชื่อเจ้าของรถไป โดยยังไม่ต้องมีชื่อผู้รับรถ..ให้เข้าไปแจ้งรับวันหลัง

   สรุปว่า จากการพูดคุยทางโทรศัพท์ ผมได้วิธีแก้ปัญหาในการโอนรถข้ามจังหวัดไปก่อน แล้วให้ปลายทางไปแจ้งรับรถ (เพราะว่าผมไม่มีรถไปตรวจสภาพที่จังหวัดพิษณุโลกนั่นเอง)

    คราวนี้ผมเดินทางไปที่ขนส่งพิษณุโลก (ทางเลี่ยงเมืองพิษณุโลกไปอุตรดิตถ์) เพื่อไปติดต่อทำเรื่อง "ย้ายรถไปใช้ต่างจังหวัด (ย้ายออก)"

   ขั้นตอน

    ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ขอเอกสารและแนะนำให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ (๑) คู่มือจดทะเบียนรถยนต์ (๒) สำเนาบัตรประชาชน (๓) เขียนคำร้องขอย้ายรถไปใช้งานต่างจังหวัด (๔) กดบัตรคิว ได้คิว ๔๓๙ (อีก ๖ คิว) (๕) จ่่ายเงิน ๕๕ บาท (๖) รอเรียกรับสมุดคู่มือคืน (ผ่านไป ๓๐ นาที) พร้อมใบเสร็จ ๕๕ บาท

    ต่อมาเป็นเรื่องของ การแจ้งย้ายเข้าและการโอนรถ

   มีขั้นตอนดังนี้ (ย้ายรถเข้าใช้งานที่จังหวัดสุพรรณบุรี)

   (๑) ใบคำร้อง (เตรียมให้คนที่ไปแจ้งย้ายเข้า)

   (๒) ใบมอบฉันทะ (ขอจากขนส่ง) พร้อมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน

   (๓) แบบคำขอโอนและรับโอน (ส่วนต้นเราเขียน ส่วนกลางผู้รับโอนเขียน ส่วนท้ายช่างจะตีราคารถ และให้ชำระอากร แสนละ ๕๐๐ บาท)

   จบหน้าทีเราเพียงเท่านี้ เราส่งเอกสารตาม ๑-๓ รวม ๕ ฉบับ ไปให้ผู้รับโอนที่ชัยนาท (แต่เขาแจ้งเอารถเข้าที่สุพรรณบุรี เขาจะนัดให้ไปรับป้ายทะเบียนสุพรรณบุรี และเรียกเก็บป้ายทะเบียนพิษณุโลก)

   ผู้รับโอน ต้อง

   (๑) นำรถยนต์ไปตรวจสภาพ พร้อมเสียภาษีประจำปี (ทำพรบด้วย) ซึ่งกรณีของผมรถถึงกำหนดต้องชำระภาษีวันที่ ๒๐ เมษายน นี้ (ผมต้องส่งเอกสารด่วนพิเศษ ซึ่งปกติ ๒ วันทำการจะถึง แต่เอกสารเดินทางวันที่ ๑๑ และไปติดวันที่ ๑๒ แล้วก็หยุด ไปถึงผู้รับวันที่ ๑๘ เมษายน..เอกสารต้องหยุดสงกรานต์ตามพนักงานไปรษณีย์-เสียเงินค่าส่ง ๓๒ บาท ค่าซองอีก ๓ บาท รวมเป็น ๓๕ บาท)

   (๒) ส่งเอกสารที่ผู้โอนรถส่งไปให้..และเสียสตางค์ (เรื่องสำคัญ)

• แจ้งย้ายเข้า ๑๐๕ บาท
• รับโอน เสียค่าอากร แสนละ ๕๐๐ บาท (รถคันนี้ตีราคาไม่น่าจะเกิน ๑ แสน)
• ค่าต่อภาษี  ๗๕๐ บาท
• ค่าพรบประมาณ ๙๐๐ กว่าบาท
• ค่าตรวจสภาพ (โดยขนส่ง) ประมาณ ๕๐ บาท

    รวมแล้วผู้รับโอนต้องจ่ายเงิน ไม่น่าจะเกิน ๓,๐๐๐ บาท

    และแล้วก็จบหน้าที่ของเจ้าของรถยนต์กระบะนิสสันสีแดง ซึ่งครอบครองเขามานาน ๑๘ ปี (รวมเวลาที่เขาไปอยู่ที่อื่น ๒ ปี ครึ่งด้วยแล้ว)

[JJ]

เก็บตังค์ไว้เลี้ยงด้วยนะท่าน