ชีวิตที่พอเพียง : ๑๒๐๖. เที่ยวดอยอ่างขาง


 

          มช. เอาใจกรรมการสภามหาวิทยาลัยโดยการพาไปประชุมที่ดอยอ่างขาง เพื่อให้กรรมการได้ ไปเที่ยวและตากอากาศเย็นบนดอย   ผมได้โอกาสเอาใจสาวน้อย  จึงชวนเธอไปเที่ยวด้วย  ผมมี ความผิดที่แก้ยากในชีวิตคือชอบขโมยเวลาของครอบครัว ไปทำงานในวันหยุด  จึงดีใจที่มีโอกาสชด ใช้หนี้บ้าง

          เป็นครั้งที่ ๒ ที่ผมไปดอยอ่างขาง   ห่างจากครั้งแรก ๓๓ ปีเศษ   จำได้ว่าตอนนั้นต้องนั่งรถ ขับเคลื่อน ๔ ล้อไป    เพราะถนนส่วนขึ้นดอยอ่างขางยังไม่ลาดยาง   อีกอย่างหนึ่งที่จำได้คือระหว่าง ทางมีการปลูกฝิ่น เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นต้นฝิ่น ดอกฝิ่น และกระเปาะฝิ่น   นอกนั้นผมจำไม่ได้เลย

          ค่ำวันที่ ๒๕ ก.พ. ๕๔ ผมโทรศัพท์ไปจองรถแท้กซี่ที่ ๑๖๘๑   หลังจากรอสายด้วยการฟัง โฆษณา ๒ รอบ เจ้าหน้าที่ Call Center ก็รับสาย   คำแรกที่เขาถามคือหมายเลขโทรศัพท์ของผม   พอบอกหมายเลขเธอก็ถามว่าไปรับที่บ้านเลขที่ ๔๗/๒๑๖ หมู่บ้านสิวลีติวานนท์ใช่ไหม   ผมรู้สึก ทันทีว่าศูนย์แท้กซี่ศูนย์นี้ทำงานมีประสิทธิภาพสูงมาก  คือเขามีข้อมูลของลูกค้าเก่าไว้ในระบบคอม พิวเตอร์   ใช้เวลาบอกเวลาที่ต้องการให้มารับ และปลายทางที่จะไป ไม่ถึงนาทีก็เรียบร้อย. 

          ตอนเช้าวันที่ ๒๖ ก.พ. ก่อนเวลานัด ๔.๓๐ น. รถแท้กซี่ก็มารอรับที่หน้าบ้าน จากการคุยกับ โชเฟอร์ ผมยิ่งชื่นชมวิธีบริหารงานของศูนย์แท้กซี่ศูนย์นี้   และเชื่อว่าลูกค้าจะได้ทั้งบริการที่ดี และปลอดภัย  เพราะเขามีการอบรมโชเฟอร์ทุก ๒ สัปดาห์     บริการดีและตรงเวลาอย่างนี้คุ้มกับค่า โดยสารเพิ่ม ๒๐ บาท  และผมชื่นใจว่าระบบบริการแท้กซี่ของประเทศไทยได้ก้าวหน้าไปอีกขั้น หนึ่งแล้ว

          สาวน้อยกับผมขึ้นเครื่องบินการบินไทยเที่ยว ๖.๑๕ น. ไปเชียงใหม่แล้วไปนั่งคุยกันที่ มช. รอเวลานัดออกเดินทาง

          เราออกเดินทางจาก มช. เวลา ๘.๓๐ น. ของวันที่ ๒๖ ก.พ. ๕๔ ด้วยรถตู้ของมหาวิทยาลัย   เป็นการเดินทางที่ผมสนุกมาก เพราะผมได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับหาความรู้หรือ ข้อมูลระหว่างเดินทาง  โดยผมเตรียมสวมนาฬิกาข้อมือ Casio Protrek ไป สำหรับใช้บอกความสูง เหนือระดับน้ำทะเลของสถานที่   และระหว่างเดินทางผมตรวจสอบทิศทางของการเดินทางและ ตำแหน่งของสถานที่จาก Samsung Galaxy Tab อย่างสนุกสนาน  โดยเฉพาะระหว่างเดินทาง อยู่บนเขาซึ่งใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมง จากเวลาเดินทางทั้งหมด ๓ ชั่วโมง  เหมือนมีแผนที่อยู่ กับตัวและมีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไปให้ค้นได้เดี๋ยวนั้น

          ก่อนจะเข้าเขตภูเขารถแวะปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมัน และให้เราเข้าห้องน้ำ   มีรถทัวร์สองชั้น ๔ คันมาจอดเติมน้ำมัน และมีคนตัวดำๆ ลงมายืนเป็นกลุ่มๆ   ผมได้ยินเสียงคุยภาษาปักษ์ใต้จึงรู้ว่าเป็น ญาติพี่น้องของผมเอง จึงเข้าไปคุย ได้ความว่า อบต. อ่าวนาง จ. กระบี่พามาทัศนศึกษาดูงานที่ เชียงใหม่ คืนนี้จะไปพักที่อ่างขาง

          เรานั่งรถไต่ภูเขาสูงสุด ๑,๗๕๐ เมตร   และไปพักที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งอยู่ที่ ความสูง ๑,๔๐๐ เมตร   ระหว่างทางเป็นถนนคดเคี้ยวบนภูเขา บางช่วงริมถนนเป็นป่าที่มีต้นไม้ ใหญ่ร่มครึ้ม ให้ความสดชื่นแก่เด็กบ้านนอกอย่างผมเป็นที่ยิ่ง 

          ถนนเส้นหลักที่เราเดินทางจาก มช. ขึ้นเหนือคือ ถนนสาย ๑๐๗ ผ่านอำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอไชยปราการ  จนถึงบ้านแม่ข่าก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๑๒๔๙ ไปอีก ๒๕ ก.ม.  ช่วงท้ายๆ ก่อนถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขางนี่แหละครับ ถนนชันและคดเคี้ยวมาก และเป็นช่วง ที่ผ่านยอดเขาสูงสุด ๑,๗๕๐ เมตร

          เมื่อถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เวลา ๑๑.๔๐ น. เราไปนั่งพักผ่อนดื่มกาแฟแสนอร่อย ที่ร้านกาแฟดอยคำหน้าสวน ๘๐ อันงดงามด้วยไม้ดอกสวยงาม   อากาศเย็นสบาย บริสุทธิ์สดชื่น  พอเที่ยงเศษๆ ก็รับประทานอาหารเที่ยง   ตามด้วยการประชุมสภามหาวิทยาลัย ๑๓.๓๐ - ๑๗.๐๐ น.  โดยทีมคู่สมรสได้ไปเที่ยวชมบริเวณสถานีเกษตรหลวง ที่มีดอกไม้งดงามมาก

          ตอนเย็นท่านอธิการบดี มช. เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พากรรมการสภานั่งรถไปชมฐานปฏิบัติการ ทหารบ้านนอแล  ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านของชนเผ่าปะหล่อง ที่ปลูกผักอินทรีย์ให้แก่โครงการหลวง   เราได้เห็นสภาพเขตแดนระหว่างพม่ากับไทยที่มีรั้วข้างละ ๓ ชั้น กั้นด้วยดินแดนกันชนกว้างสัก ๕๐ เมตร ดูน่าเกรงขาม   แต่จ่าทหารที่ฐานบอกว่าหลังจากปี ๒๕๓๐ แล้วไม่เคยมีการปะทะกันเลย  และทหาร ๒ ฝ่ายรวมทั้งชาวบ้าน ๒ ฝั่ง ก็ไปมาหาสู่กัน   เมื่อเร็วๆ นี้ ทหารฝั่งพม่ามาซื้อหมูจากฝั่ง ไทยแบกเอาไปฆ่ากิน   ระยะทางจากสถานีเกษตรหลวงไปฐานปฏิบัติการของทหารนั่งรถไปไม่ถึง ๑๐ นาที

          ทหารไทยที่ฐานมีอารมณ์ขัน ทำหลุมปืนครกเอาผ้าปลาสติกคลุมไว้ มีป้ายห้ามถ่ายรูปอย่าง ขึงขัง   มีคนในคณะของเราขอไปดูปืน จึงทราบว่าเป็นกระบอกไม้ไผ่ เอาไว้อำนักท่องเที่ยวเล่น

          สาวน้อยและผมเห็นว่าอากาศในกรุงเทพร้อน จึงไม่เตรียมเสื้อกันหนาวไป   ปรากฎว่าผิดคาด ตกกลางคืนอากาศเย็นยะเยือก มีคนบอกว่า ๕ องศาเซลเซียส   ที่จริงตอนนั่งประชุมสภามหาวิทยาลัย ผมก็รู้สึกหนาว เพราะเขาเปิดหน้าต่างและลมพัดเข้ามาตรงตัวผมพอดี   แต่ก็ยังโชคดีที่ผมหยิบเสื้อยืด คอกลมสำหรับเป็นเสื่อชั้นในติดไปตัวหนึ่ง ช่วยบรรเทาความหนาวได้มาก   และตอนกินอาหารค่ำก็ได้ ไวน์แดงช่วยลดความหนาว

          ผมพักที่เรือนพักหลังแรกในสวนคำดอยห้อง ๒/๒ ร่วมกับคู่ ศ. นพ. สุทธิพร จิตรมิตรภาพ เลขาธิการ วช. ซึ่งเพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการสภา มช. พักห้อง ๒/๑  โดยใช้ห้องรับแขกร่วมกัน  ในห้องรับแขกมีเตาผิง มีฟืนให้ก่อไฟ แต่เราไม่ได้ใช้   ในห้องนอนไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มี heater  แต่มีผ้าห่มนวมเพิ่มให้  คือใช้ความอบอุ่นในตัวคนเป็น heater  เราจึงได้หวนกลับไปใช้วิธีการแบบ เดียวกับที่ใช้ตอนไปอยู่ที่ลอนดอนในปี ๒๕๒๑  คือนอนกอดกันบนเตียงเดี่ยวแก้หนาว  แต่แตกต่างกัน ที่ตอนโน้นเป็นการกอดกันของหนุ่มสาวอายุ ๓๖ และ ๓๕  แต่ตอนนี้เป็นของคนแก่อายุ ๖๙ และ ๖๘ จินตนาการเองก็แล้วกันว่าแตกต่างกันอย่างไร

          เราหนีจากวงคาราโอเกะตอน ๒ ทุ่มครึ่ง และเข้านอนตามเวลาปกติคือ ๓ ทุ่มเศษ   ตอน กลางคืนอากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว  

          แม้เราจะตื่นแต่เช้ามืดตามความเคยชิน   แต่เราก็รอจนใกล้สว่างจึงลุกขึ้น เพราะนอนบนเตียง อุ่นดี   ผมออกไปวิ่งออกกำลังเวลา ๖.๑๐ น. ยังไม่สว่าง แต่ก็พอมองทางเห็น   เป็นการวิ่งทำความ รู้จักพื้นที่ภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง   ซึ่งเป็นแปลงทดลองหรือวิจัยทั้งสิ้น   เพื่อนำเอาไม้ผล และผักเมืองหนาวมาปลูก  บริเวณที่ผมวิ่งผ่านเป็นแปลงต้นพีช  และแปลงผัก   ไปทางหมู่บ้านปางม้า ได้ยินเสียงไก่ขันมาจากหมู่บ้านให้ความสดชื่นมาก   ผมชอบเสียงไก่ขันเพราะมันเป็นความคุ้นเคย ตั้งแต่สมัยเด็กๆ อยู่ที่บ้านนอก  

          ตอนวิ่งกลับ ผมลงไปยังแปลงทดลองปลูกไม้ดอก โดยเฉพาะแปลงกุหลาบ ที่เขาเขียนป้าย บอกว่ากุหลาบอังกฤษ   และมีไม้ดอกอื่นๆ สวยงาม

          เวลา ๗ น. ผมไปชวนสาวน้อยออกไปถ่ายรูปในสวนคำดอย และสวน ๘๐   ตอนเช้ามีหมอก ทำให้เมื่อเราเอารูปที่ถ่ายไว้มาชื่นชมภายหลัง สาวน้อยสังเกตว่ารูปที่ถ่ายเช้าวันนี้สีสดใสน้อยกว่า รูปที่ถ่ายเมื่อวานบ่ายและเย็น   มีหมอกก็ช่วยให้ได้รูปสวยไปอีกแบบ ผมจึงได้รูปสวน ๘๐ ที่มีแดดส่อง หมอกสวยงามมาอวด                  

          ที่นี่ปลูกผักได้งามเพราะน้ำดี อากาศดี และเป็นผักปลอดสารพิษ   อาหารเช้าของเราจึงมี สลัดผักที่กรอบอร่อย   แถมยังมีสตรอเบอรี่เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งด้วย  

          หลังอาหารเราออกเดินทาง เริ่มด้วยการออกไปชมสวนไม้ดอกของสถานีเกษตร   ทั้งที่เป็น ส่วนจัดแสดงในร่ม และกลางแจ้ง   ส่วนแสดงในร่มกว้างขวางมาก มีการยกระดับขึ้นไปหลายชั้นทำให้ การเข้าชมสดวกสบายมาก   ดอกไม้สวยงาม  ให้ความสนุกสนานแก่คนบ้าถ่ายรูปอย่างผมมาก   ยิ่งสาวน้อยเรียกไปถ่ายรูปกับดอกไม้สวยๆ ผมยิ่งมีความสุข

          ก่อนออกเดินทางออกจากสถานีเกษตร ผมไถลไปถ่ายรูปดอกไม้ในสวนข้างๆ ที่จอดรถ ตรงบริเวณที่ผมเดินผ่านก่อน ๗ น.   ถ่ายรูปเก็บตกดอกไม้ที่ยังไม่ได้ถ่าย จนไปพบดอกไม้สีน้ำเงิน พุ่มใหญ่   ที่มีนกกินปลี จำนวนหนึ่งมากินน้ำหวานและส่งเสียงร้องคล้ายนกที่มากินน้ำหวานจากดอก ประทัดไต้หวันที่บ้านผม   จึงเข้าไปจ้องถ่ายรูปนก ได้รูปนกกินปลีทั้งตัวผู้และตัวเมียมาอวด
 
          หลังจากชมสวนไม้ดอกของสถานีเกษตรหลวง และซื้อของฝาก เขาพาเราไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ ที่ บ้านยาง ต. แม่งอน อ. ฝาง   ทำให้ได้รู้จักโครงการหลวงในมิติ ที่ลึกยิ่งขึ้น   และได้รับทราบว่าโรงงานแห่งนี้ประสบวาตภัย โดนน้ำป่าไหลหลากพัดทำลายถึง ๒ ครั้ง ในปี ๒๕๑๗ และปี ๒๕๔๙.  ทำให้มีโอกาสสร้างโรงงานใหม่ และสร้างพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ไว้เป็นที่้เรียนรู้ของผู้คน

        บ้านยาง ได้ชื่อนี้เพราะเดิมเป็นหมู่บ้านของชนเผ่ายาง หรืออาข่า หรือกระเหรี่ยง   แต่เมื่อคนจีนฮ่อเข้ามาอยู่คนยางก็ค่อยๆ ออกไปอยู่ที่อื่น  ทำให้เวลานี้บ้านยางได้ชื่อว่า เป็นหมู่บ้านจีนยูนนาน  ตอนผมไปนั่งพักรอขึ้นเครื่องบินในห้องพักรับรองของการบินไทย ท่านพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ถามว่าไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน   เราตอบว่ากินแซนวิชบนรถ  ท่านบอกว่าเสียดาย ที่เราไม่ได้ไปกินอาหารจีนยูนนานที่อร่อยมาก ที่ภัตตาคารที่บ้านยาง ทำให้ผมระลึกถึงตอนไปนอน ค้างที่หมู่บ้านสันติคีรีที่ อ. ปาย และได้กินอาหารจีนยูนนานแสนอร่อย อ่านได้ที่นี่

          ระหว่างเดินทางกลับ ผมเอารูปจากกล้องใส่ใน Sony Vaio Notebook ที่เอาติดไปด้วย แล้วชื่นชมรูปที่สวยงามกว่า ๔๐๐ รูป   แถมยังได้อวดคุณหมอกุหลาบ ภรรยาของ ศ. นพ. สิทธิพร จิตรมิตรภาพ ด้วย

 

วิจารณ์ พานิช
๒๘ ก.พ ๕๔
   
         
         
         
          

สวน ๘๐ ในสายหมอก

 

ภายในสวน ๘๐

 

 วิวงามยามเช้า

 

พระอาทิตย์ตกถ่ายจากฐานปฏิบัติการบ้านนอแล

 

นกกินปลีตัวผู้

 

นกกินปลีตัวเมีย

 

เต่าร้างยักษ์ที่ข้างบ้านพัก

 

ดอกไม้งามในสวน ๘๐

 

ดอกไม้งามในแจกัน

 

ผีเสื้อกับดอกไม้

 

ผมเรียกว่าต้นพญานาค

 

ภายในเรือนดอกไม้

 

ดอกป๊อบปิ้นกับผึ้ง

 

พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง)

 

โรงงานหลวงที่ ๑

 

   

หมายเลขบันทึก: 431518เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2011 11:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เคยไปแต่ก็อยากไปอีก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท